ค่ำวันจันทร์ นั่งกินข้าวกับเมียอยู่ชั้นล่าง
ได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดประตูเข้ามาทางชั้นบน สองคนมองหน้ากันแล้วกินต่อ
คราวนี้เสียงดังขึ้นอีก เหมือนเขาเปิดแล้วปิดประตูแรงๆ
นั่งมองหน้ากันไม่ไหวแล้ว
เผอิญปืนอยู่ใกล้มือ หยิบไปดูตรงโถงบันได ซึ่งมีช่วงหักมุมข้อศอกเพื่อขึ้นชั้นสอง
พูดกับเมียดังๆ กะให้เขาได้ยิน ว่าให้เมียอยู่ในห้องไม่ต้องออกมา
แต่ผมไม่กล้าขึ้นไปตรงโถงกระไดเหมือนกันครับ เพราะมันแคบมาก
กลัวว่าพอเดินขึ้นไปตรงจุดที่หักมุม แล้วอีกฝ่ายมีลูกซองสั้นสวนลงมา ผมคงกองอยู่ตรงนั้นแน่
ตอนนั้นหัวใจเต้นรัวมากครับ
กลัวมันเดินหรือวิ่งลงมา
กลัวสมิธเอ็ม 60 เพื่อนตายจะหยุดมันไม่อยู่
ภาวนาว่า ...ปืนหน้าต่างออกไปเสียเหอะนะมึง อย่าสวนกระไดลงมานะโว๊ย
คราวนี้เสียงดังที่ชั้นสามอีก
เหมือนมันปิดประตูแกล้ง
เลยให้เมียโทรหา 191
หัวใจยังรัวอยู่เลย แต่เริ่มคุมลมหายใจได้
พยายามนึกถึงตอนที่ซ้อม
การใช้ศูนย์หน้า บอกตัวเองว่าอย่ากระตุกไก ยิงนิ่มๆนะ
แหงะไปมองนอกหน้าต่าง ตรงถนนที่มีไฟถนนส่องอยู่
อ้าวเฮ้ย มีลมแรงนี่หว่า เพราะต้นไม้นอกบ้านไหวอย่างแรง
เลยบอกเมียว่า ให้บอกคุณตำรวจว่าเดี๋ยวจะโทรกลับมาใหม่
อาจเป็นลมพัดหน้าต่างปิดกระแทก
กลั้นใจขึ้นไปดู
ใช่จริงๆครับ หน้าต่างด้านบนไม่ได้ปิด
มีช่างมาทำงานทาสีที่บ้าน แล้วเขาเปิดหน้าต่างไว้หลายบาน พอโดนลมมันเลยกระแทกไปมา
แหม...ยามต้องใช้นี่...หัวใจมันเต้นแรงจริงๆนะครับ
