ผมว่าเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ มีปัจจัยที่แตกต่างกันครับ
แม้สถานที่เดียวกันแต่ต่างกันที่ช่วงเวลาปัจจัยในการเกิดเหตุก็ต่างกัน
ดังนั้น ถ้าเผื่อการฝึก ผมว่า เราเน้นเรื่องทักษะการใช้ปืนดีกว่า
พก/ชัก จะขึ้นลำไว้หรือไม่ขึ้นลำก็เอาสักอย่างและฝึกจนคุ้นเคย
จนมีความรุ้สึกว่ามันราบรื่น เหมือนขับรถไม่ต้องมองเกียร์
ส่วนประสบการณ์การใช้ โดยส่วนตัวผมว่า เหมือนเรื่องเล่าในวงเหล้า
แลกเปลี่ยนกันคุยกันสนุก ๆ มากกว่า
ถ้าจะฝึกแนะนำว่าจำลองสถานะการณ์ครับ
เหมือนตอนเด็ก ๆ ที่เล่นเป็นตำรวจเองคนเดียวคนร้าย 3 คนประมาณนี้
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการตัดสินใจ ณ.ช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น ๆว่า
จะใช้ปืนหรือไม่ ...... แต่เชื่อผมเถิดเอาเข้าจริง ผมว่า ลืมถูก/ผิดหมด
มีปืนก็จะใช้อย่างเดียว .... ในชีวิตมีอยู่ครั้งเดียวที่มีสติพอ ชักแล้วไม่ได้ใช้
เนื่องจาก เตรียมการตั้งแต่ออกจากบ้านซักซ้อมทำความเข้าใจกับแฟน
คือจะไปทวงตังค์ค่าแรงที่โดนเขาโกง ตีเช็คมาแล้วเด้ง 3-4 รอบ
สุดท้ายนัดให้มาเจอที่โรงพักเอาเงินสดมาเปลี่ยนก็ไม่มา ..... แต่อีกฝ่ายบอกให้ผมไป
รับเงินที่บ้านเขาแทน .... ตอนนั้นคิดไปสารพัด ถ้าไปแล้วโดนมันเรียกลูกน้องกระทืบ
จะทำไง ถ้าไปแล้ว เรื่องบานปลายจะเป็นยังไง ก่อนไปก็ซักซ้อมกับแฟน (ผมไปกัน 2 คน )
ให้แฟนขับรถ พอถึงก็กลับรถหันหัวออก ไม่ดับเครื่อง แต่ล๊อกรีโมท ให้แฟนอยู่นอกบ้านมัน
ถ้าได้ยินเสียงปืนให้ขึ้นรถได้เลย ...... สุดท้ายได้ตังค์ไม่ครบ แถมตอนกลับ เดินกำลังจะพ้นประตู
อยู่แล้ว พวกขว้างที่ทับกระดาษ ก้อนขนาดใหญ่กว่ากำปั้น ลงมาจากชั้นลอย (บ้านตึกแถว )
แฟนผมเห็นก็ร้อง ผมตกใจก็ก้มหลบ มือก็ชักปืนนิ้วปาดเซฟ ทุกอย่างมันช้าไปหมด
เมื่อเห็นศูนย์หน้าหลัง และตัวคู่กรณี อยู่แนวเดียวกัน ....... ช่วงนั้นเองมีความคิดแวบเดียว
ขึ้นมาว่า ได้เงินมาบ้างส่วนก็พอแล้ว ที่เหลือช่างมัน ว่าแล้วก็ด่ามัน แล้วเดินถอยออกมา
รีบขึ้นรถให้แฟน ขับ กลับบ้าน ปืนก็ยังไม่เก็บเข้าซอง ถืออยู่ในรถจนถึงบ้านแน่ใจว่ามันไม่ได้ตามมาถึงเก็บปืน
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปมาคิดดูว่าทำไมเราไม่ยิง คงเป็นเพราะคุยกับแฟนก่อนไปอยู่แล้ว
ว่าถ้าได้ไม่ครบจะทำยังไง คุยกันแล้วว่าทำใจได้เท่าไรเท่านั้น อีกทั้งก่อนไปก็ฝากลูกผม ไว้ให้ป๊าดูแทน ห่วงลูก ๆ
เลยน่าจะมีผลต่อการตัดสินใจว่าจะยิงหรือไม่ยิง