
สโลแกน "Connecting People" ได้เปิด ประตูสู่โลกของโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไร้สายให้แก่โนเกียอย่างแท้จริง ไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของสโลแกนนี้กับโทรศัพท์มือถือประทับแบรนด์โนเกียที่หลาย ๆ คนกำลังถืออยู่ในมือ แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ถึงความเป็นมาของโนเกียนั้นเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเป็นบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยอดนิยมที่ติดอันดับขายดีที่สุดของโลกอย่างเช่นในทุกวันนี้นั้น เชื่อหรือไม่ว่าโนเกียเคยเป็นโรงงานผลิตกระดาษ ยางไม้ และสายเคเบิ้ลมาก่อน

กำเนิดโนเกีย
โนเกียไม่ได้เริ่มธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิคเป็นพื้นฐานอย่างแรกของบริษัท แต่ได้เปิดบันทึกหน้าแรกของประวัติาศาสตร์ด้วยการเป็นผู้ผลิตเยื่อกระดาษ โดยมีวิศวกร Fredrik Idestam เป็นเจ้าของ

ย้อนเวลากลับไปยังปี ค.ศ. 1865 บริษัทโนเกียได้ก่อตั้งขึ้นบนริม ฝั่งแม่น้ำ Nokia (โนเกีย) แม่น้ำสายใหญ่ในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ และทะเลสาบนับว่าเป็นดินแดนที่เหมาะสมอย่างมากในการ ทำธุรกิจเยื่อกระดาษในย่านนี้ และกลายมาเป็นโรงงานผู้ผลิตเยื่อกระดาษรายใหญ่ที่เติบ
โตอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่ Idestam ยังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอใน การทำงานด้านธุรกิจ จึงจำเป็นต้องหยิบยืมเทคโนโลยีมาจากประเทศเยอรมันในปี
1866 แต่นั่นก็ช่วยทำให้เขาพัฒนาบริษัทขึ้น
ต่อมาในปี 1867 นวัตกรรมที่ Idestam คิดค้นขึ้นก็ได้ชนะรางวัลเหรียญทองแดง ในงาน Paris Wood Exposition ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นับแต่วันนั้นมา ชื่อของโนเกียได้กลายมาเป็นที่รู้จัก โนเกียจึงได้ฉวยโอกาสนี้ประทับแบรนด์ของเขาบนผลิตภัณฑ์ทุกชนิด สร้างชื่อเสียงได้มากขึ้น
จนกระทั่งเครื่องผลิตกระดาษได้เข้ามามีบทบาทในการผลิตเยื่อไม้ในปี 1880 และได้มาเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของโนเกีย จนเรียกได้ว่าร้อยละ 80 ของผลิตภัณฑ์นั้น คือ กระดาษห่อสีน้ำตาล รวมไปถึงวอลเปเปอร์สี

ต่อมาในปี 1902 Idestam ได้ขยายธุรกิจจากโรงงาน กระดาษมาสู่ธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจกระดาษที่ทำอยู่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างมาก จึงได้ตัดสินใจสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นเองในปี 1903 แต่แล้วในช่วงสงครวมโลกครั้งที่ 1 มรสุมใหญ่ก็ผ่านเข้ามา ธุรกิจส่งออกกระดาษของโนเกียได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจนประสบภาวะาขาดทุนอย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันนั่นเองธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้ากลับเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะการ
ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมากในประเทศฟินแลนด์ ทำให้ช่วยพยุงกิจการด้านกระดาษที่ขาดทุนอย่างสูงไว้ได้ในระดับหนึ่ง
และในปี 1918 บริษัท Finnish Rubber Works (FRW) ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำผลิตภัณฑ์ยางในประเทศฟินแลนด์ และเป็นหนึ่งในลูกค้ารายสำคัญของโรงงานผลิตไฟฟ้าของโนเกียได้มาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของโนเกีย หลังจากที่โนเกียไม่สามารถรองรับการขาดทุนของธุรกิจได้ จนต้องตกไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท FRW แทน
จากนั้นในปี 1922 บริษัท Cable Works ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านสายเคเบิ้ล และสายโทรศัพท์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Nokia group จากความสนใจของบริษัท FRW แม้จะมีความหลากหลายของธุรกิจที่รวมเข้าด้วยกันแต่โนเกียก็ยังคงผลิตสินค้าออกมาทั้ง 3 ประเภท คือกระดาษ ผลิตภัณฑ์ยาง (รองเท้าายาง ยางรถยนต์) และสายเคเบิ้ล โดยสินค้าทั้งหมดออกจำหน่ายในนามของโนเกีย
ยุคของอิเล็กทรอนิคกับโนเกียได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังในปี 1977 ภายใต้การดูแลของ Kari Kairamo ประธานบริษัท ซึ่งได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการทำงานในประเทศสหรัฐอเมริกา แตกต่างจากรุ่นก่อน หน้านี้ที่จะมีหัวไปทางรัสเซีย โดยผลิตสินค้าส่งออก คือ สายไปเคเบิ้ล ให้กับ ประเทศรัสเซีย Kairamo นำแนว
คิดแบบตะวันตก และแหวกแนวมาประยุกต์มุ่งเน้นให้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิคให้เข้ากับยุคแห่งพลังงานจนกลายมาเป็นธุรกิจหลักของโนเกียในยุคนี้เป็นต้นมา โดยผลิตโทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์ออกมาเบิกทางในตลาด ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการติดอันดับ
ผู้ผลิตโทรทัศน์รายใหญ่ที่สุด เป็นอันดับที่ 3 ของยุโรปเลยทีเดียว
ก้าวมาสู่ยุคแห่งการสื่อสารไร้สายในการนำของรองประธานกรรมการอาวุโส และกรรมการบริหารการเงิน Jorma Ollila ซึ่งดำรงตำแหน่ง ประธานตั้งแต่ปี 1992 - 1999 และ CEO ของโนเกียในปี 1999 จนตราบถึงทุกวันนี้ ด้วยแนวคิดของ Ollila ภายใต้การดูแลของ Kairamo นั้น โนเกียกับโทรศัพท์มือถือจึงได้ถือกำเนิดขึ้น
โดยในยุคแรกนั้นจะเป็น NMT Mobile Phone Standard (Nordic Mobile Telephony) หรือโทรศัพท์มือถืออนาล็อครุ่นแรกนั่นเอง และได้รับความนิยมอย่างสูงเมื่อเผยโทรศัพท์ NMT รุ่นแรกในปี 1987 โดยมีสโลแกน "Connecting People" กับแนวคิดที่ต้องการเปิดอิสระและความต่อเนื่องในการติดต่อสื่อสาร จนกระทั่งกลายมาเป็นคำที่อยู่ในใจของผู้รักโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันกันถ้วนหน้า

ไม่นานระบบเครือข่ายที่ดีขึ้นก็เป็นที่ต้องการในสังคม โนเกียจึงพัฒนาเครือข่าย GSM ขึ้นเป็นครั้งแรกให้กับ Radiolinja บริษัทของฟินแลนด์ เมื่อปี 1989 ณ จุดนี้เองที่ Nokia 1011 บรรพบุรุษของบรรดาโทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบันได้ออกมาสู่สายตาของทุกคนเป็นครั้งแรกในปี 1992 จากนั้นโนเกียก็ได้ยึดโทรศัพท์มือถือเป็นธุรกิจหลักเป็นต้นมา
โนเกียไม่ได้ผลิตเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่ยังพัฒนาอุปกรณ์เสริม และเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันในตัว แนวคิดแรกที่ถือว่าโนเกียเป็ยผู้บุกเบิกเลยก็ คือ ความสามารถในการเปลี่ยนหน้ากากซึ่งได้กลายเป็นลูกเล่นหลักของโทรศัพท์มือถือ จากโนเกียในเวลาต่อมา นอกจากนี้เทคโนโลยีการสนทนาอย่าง Push - to - Talk (PTT) กับโทรศัพท์มือถือก็มาจากโนเกียอีกเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2006 บริษัท Siemens AG ได้เข้ารวมกับโนเกียในการพัฒนาธุรกิจเครือข่าย มุ่งหวังจะกลายเป็นบริษัทเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด โดยมีส่วนแบ่งเท่าเทียมกันที่ร้อยละ 50 และอยู่ในนามของ Nokia Siemens Networks คงต้องติดตามประวัติศาสตร์อีกก้าวหนึ่งของโนเกีย ในด้านเครือข่ายต่อไปในอนาคต
ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าโนเกีย ได้กลายมาเป็นผู้นำทางด้านโทรศัพท์ มือถือที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลก และได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยเช่นกัน ทุกวันนี้ สำนักงานใหญ่ของโนเกียก็ยังคงตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโนเกีย อย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่อดีตและ ต่อไปในอนาคต
