ผมมีอุทาเห่ามาหอนให้ฟัง

วันนี้ผมชวนนินจาไปลองไรเฟิลที่ ศรภ. เอา ลูกกรดแม็กนั่มคานเหวี่ยงไปยิงเล่นด้วย
การยิงไรเฟิลก็ดำเนินไปตามปรกติ..กลุ่มกระสุนบานเป็นกระด้งตามประสามือปืนปากเก่ง
จนกระทั่งเหลือกระสุนไรเฟิลอีกสองนัด..กำลังจะสำเร็จกิจโดยนินจา
ผมก็เอาลูกกรดแม็กนั่มที่เหลืออีกสามนัดบรรจุเข้าไปในหลอดรังเพลิง...โยกคานเหวี่ยงค้างไว้ให้รังเพลิงเปิดตามกฏความปลอดภัยที่ผมเข้าใจเอาเอง.....
โทรศัพท์มือถือที่เอวดังขึ้น ก็เลยบอกให้นินจายิงไรเฟิลที่เหลืออีกสองนัดซะให้หมด..แล้วผมก็ออกไปรับสาย...คุยธุระสี่ห้านาทีแล้วก้เดินกลับเข้าไปที่ช่องยิง...ตอนนี้นินจายิงไรเฟิลเสร็จแล้ว และเดินไปเก็บเป้ามาดูผลงาน..ระหว่างนี้ก็โทรไปปรึกษาครูดำเรื่องการปรับกล้องไรเฟิล
ซักพักก็ชวนกันกลับบ้านใครบ้านมัน..ก็จัดการเก็บปืนใส่กระเป๋าปืนพลาสติคใบใหญ่ๆ ที่ใส่ปืนยาวติดกล้องได้สองกระบอก เอาปืนโยนใส่ท้ายรถ แล้วขับออกมา.ไม่เห็นมีอะไรตื่นเต้นเลย
ขับรถออกจาก ศรภ.ออกมาปากทางรามอินทรา
ฉุกคิดอะไรซักอย่าง ก็เลยโทรหานินจาแล้วถามว่า เมื่อกี้เนี้ยยิงลูกกรดแม็กนั่มหมดหรือยัง...นินจาบอกว่ายังไม่ได้ยิงซักเม็ด..ยิงแต่ไรเฟิลอย่างเดียว...

shipหายแล้วครับท่านผู้ชม...แล้วนี่ผมเก็บปืนลงกล่องได้งัยฟะ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายโยกลูกเลื่อนค้างไว้แล้วออกไปรับโทรศัพท์นี่หว่า...แสดงว่าตอนเก็บปืนก็ต้องโยกกลับแถมยัดเอากระสุนเข้ารังเพลิงไปด้วย...งั้นปืนที่นอนอยู่ในกล่องท้ายรถก็ต้องมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงแถมง้างนกไว้ด้วย.... พอจอดรถแอบๆที่ปั๊มแล้วเปิดกล่องดู ก็พบว่าง้างอยู่จริงๆ..จึงค่อยๆเอาผ้าหนาๆมากั้นหน้านกสับ แล้วจึงค่อยลดนกแบบเหงื่อแตกพลั่กๆ นี่ถ้าตอนเก็บปืนใส่กล่อง ถ้าดันเอานิ้วไปเกี่ยวโดนไกปืน...คงดูไม่จืด
หลังจากปรึกษากับบ๊อบบี้ทางโทรศัพท์แล้ว บ๊อบบี้ก็แนะนำให้เอามาเล่าสู่กันฟังไว้
สรุปว่า เวลายิงปืนในสนามฯ อย่าทะลึ่งรับโทรศัพท์เพราะ
1.รบกวนช่องยิงข้างๆ น่ารำคาญ
2.คนที่โทรมาเค้าจะรู้ได้ว่าแอบหนีงานมายิงปืน
3.เราเองน่ะ จะลืมว่าทำอะไรค้างอยู่ บางทีปืนพร้อมยิง กะลังเล็ง โทรศัพท์ดัง..แหม..เสียอารมณ์ รับโทรฯก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยกลับมายิงต่อ...น่านแหละตัวอันตราย..ดีไม่ดี ผบ.ทบ.โทรมาตามให้รีบกลับบ้าน อะรามรีบ จะยัดปืนพร้อมยิงลงกระเป๋าแล้วรีบขึ้นรถกลับบ้าน...สบายแฮ..