เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 21, 2025, 08:27:47 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เนื้อแท้ของคนโกหก  (อ่าน 2731 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:27:13 PM »

ในชีวิตของคนเรานั้น ต้องมีสักครั้งละที่โกหก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เกิดความอับอาย หรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากแรงกดดันภายนอกของสังคม เราลองมาแยกแยะประเภทของการโกหกดูสิครับว่าได้สักกี่ประเภท

1. โกหกเพื่อมารยาท เป็นประเภทที่มีผลเสียน้อยที่สุดเพราะไม่มีเจตนาจะทำให้คนอื่นเสียหายหรือเป็นอันตราย แต่มีเจตนาเพื่อจะทำให้คนอื่นพอใจเรียกว่าเป็นการรักษาน้ำใจกัน เช่น “ไม่ได้พบกันตั้งนาน สวยไม่เปลี่ยนเลย” คนส่วนใหญ่มักจะไม่คิดว่าเป็นการโกหกด้วยซ้ำ นอกจากคนที่จริงจังต่อโลกเกินไปต่อต้านพฤติกรรมนี้เพราะถือว่าไม่จริงใจต่อกัน

2. โกหกเพื่อป้องกันอันตราย เป็นการโกหกประเภทที่ใช้มากที่สุด เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่จะต้องป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอด ลงไปถึงความเจ็บปวด ขมขื่น ละอายใจ อับอาย แม้กระทั่งเรื่องของศักดิ์ศรี

3. โกหกเพื่อผลประโยชน์ เป็นประเภทที่ใช้มากพอกัน เพื่อป้องกันอันตรายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยตรง เช่น ขู่ให้ฝ่ายตรงห้ามรู้สึกกลัว เป็นการป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น และอาจมีผลในการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วย ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามการโกหกเพื่อผลประโยชน์อาจไม่จำเป็นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายเสมอ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อ เป็นต้น

4. โกหกเพื่อหาความยุติธรรม เป็นการโกหกเพื่อฝึกนิสัยมนุษย์ให้ไม่เห็นแก่ตัว มักจะเกี่ยวข้องกับคำมั่นสัญญา กฎเกณฑ์หรือกติกาต่างๆ เช่น พ่อแม่บอกกับลูกๆ ว่ารักลูกเท่ากันหมดทุกคน , พ่อค้าสัญญาต่อกันว่าจะไม่ค้าขายทำลายกันเอง เป็นต้น กฎและกติกานี้ ยังรวมถึงเรื่องจริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพอีกด้วย

5. โกหกเพื่อหาความจริง การโกหกประเภทนี้มักเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักกฎหมาย และความศรัทธาในศาสนา มีนักวิทยาศาสตร์ไม่น้อยที่ต้องบิดเบือนความจริงในการทดลอง นักวิจัยไม่น้อยที่ได้ผลออกมาแล้วผิดเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงพยายามหาหลักฐานต่างๆ มาอ้างอิงมาแทนความจริงที่เกิดขึ้น หรือคนที่ต้องการเผยแผ่ศาสนาอาจใช้วิธีในการจูงใจให้ผู้อื่นคล้อยตาม

6. นักโกหกอาชีพ เป็นคนที่โกหกในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องโกหกจนดูเป็นงานประจำไป คนประเภทนี้มีพรสวรรค์ในการพูด การสร้างเรื่อง เพราะตัวเขาเองยืนอยู่ระหว่างกลางของความจริงกับจินตนาการ นักโกหกอาชีพนั้นไวกว่านักโกหกจำเป็นมาก เขาจะรู้ทันทีว่ามีใครกำลังจับโกหกเขาอยู่ แล้วเขาก็จะหันมาเปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องจริงบ้างเรื่องแต่งบ้าง จนคนจับไขว้เขวไปเอง

ลักษณะของคนชอบโกหก
- ดูเป็นคนน่าสนใจ น่าคบ มีลักษณะเชื่อมั่นในตนเอง โดยเฉพาะในด้านความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ เป็นคนมีเพื่อนมาก ท่าทางดูเป็นกันเอง แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหน้ากาก เป็นบุคลิกปลอมที่สร้างขึ้นมา เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายในใจ

- ความจริงแล้ว เขาเป็นคนว้าเหว่ มีปมด้อย ชีวิตไร้จุดหมาย ขาดความเชื่อมั่น ไม่สนิทกับใครได้อย่างจริงใจเพราะไม่ค่อยไว้ใจคน และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ความรู้สึกละอายใจที่เกาะฝังอยู่ในส่วนลึกของความกลัวนั่นเอง


 Smiley คัดลอกมาจาก
http://www.kunkroo.com/s261246.html
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:40:16 PM »

เข้าซอยให้ถูก
โดย พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในสังคม บ่อยครั้งเราเลือกไม่ได้ว่า
วันนี้จะมีคนดีหรือคนไม่ดีผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
เหมือนกับทุกการงานหรือความฝันใฝ่ของเรา
เราก็เลือกไม่ได้ที่จะราบรื่นหรือมีอุปสรรค

แต่สิ่งหนึ่ง เราสามารถเลือกได้และกำหนดได้ด้วยตนเอง
คือเราเลือกที่จะขุ่นมัว หรือเลือกที่จะรักษาสันติสุขในหัวใจ

มันไม่ได้อยู่ที่ว่าเพราะเขาเป็นคนไม่ดีเราจึงขุ่นมัว
หรือเพราะว่าอุปสรรคจึงทำให้เราหงุดหงิด
แต่มันอยู่ที่ว่าเราวางใจไว้ตรงไหนในหัวใจเรา

ถ้าเราวางใจไว้ตรงการถือตัวว่าเราดีกว่า เราต้องชนะ
การแพ้จะทำให้เรารู้สึกต่ำต้อย
เวลาที่ไม่ได้รับการให้เกียรติ ไม่ได้รับความสำคัญ

แค่กิริยาเมินเฉยของใครบางคน ก็อาจทำให้เราขุ่นมัวได้
นั่นย่อมแปลว่าความทุกข์นั้นไม่เกิดเพราะเขาเป็นผู้กระทำต่อเรา
แต่เพราะความไม่รู้ตามไม่จริง (อวิชชา)
จึงทำให้เราวางใจไว้ผิด ในกรณีอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน

เราจะต้องเป็นผู้สมหวังเสมอไปหรือ
แล้วทำไมเราจึงไม่ยอมรับว่าอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา
การเป็นคนดีกับการเป็นคนมีอุปสรรคเป็นคนละเรื่องกัน

ดังนั้นเวลาที่เรามีปัญหาขัดข้องในสิ่งที่เราทำ
เราก็ไม่จำเป็นต้องตกนรกด้วยการทำใจให้หงุดหงิด
ขุ่นมัว และอ้างว่าเราเป็นคนดี
เรากำลังทำในสิ่งที่ดี หรือสำคัญ หรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มีประโยชน์
เลยจำเป็นต้องหงุดหงิดกับอุปสรรค นั่นก็เป็นการวางใจไว้ผิดเช่นกัน
เพราะอุปสรรคนั้นอยู่ในกฎแห่งความไม่เที่ยง ไม่แน่นอน
ความไม่ใช่ตัวตน สิ่งนั้นเราบังคับบัญชาไม่ได้

ดังนี้ ถ้าเราหงุดหงิดกับอุปสรรค
แสดงว่าเรากำลังวิปลาส คือเห็นผิด
เห็นว่าความไม่เที่ยงว่าเที่ยง เห็นทุกข์เป็นสุข
เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นตัวตน
และพยายามจะบังคับให้ทุกอย่างเป็นไปดังใจ
โดยลืมความจริงไปว่าคนอื่น
ก็ล้วนเกิดจากองค์ประกอบที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาตามเหตุปัจจัย
ยิ่งทำงานที่เกี่ยวข้องกับคนมาก
ก็ย่อมต้องพบกับความผันผวนแลแปรปรวนมากเท่านั้น
เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางกระแสคลื่นที่อยู่โอบล้อมเรา
เราจะกรีดร้อง หรือยิ้มอย่างเท่าทันต่อหัวใจของตัวเอง
รักษาสมดุลย์อันสงบในหัวใจ และก้าวเดินอย่างงามสง่า
เพราะในทุกๆ วินาทีที่คลื่นแห่งความแปรเปลี่ยนโอบกอดเรา
เราเลือกได้ที่จะเอะอะโวยวาย คร่ำครวญ หรือเลือกที่จะมีศานติสุขในหัวใจ
ไม่ผลักใจตัวเองให้ลงนรกด้วยความขุ่นมัว

ในเมื่อความเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอนนั้น
เป็นกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติ

พายุร้ายที่โหมกระหน่ำ ก็เคลื่อนตัวไปสู่ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง
รัตติกาลย่อมผลิแย้มดวงตะวันแห่งรุ่งอรุณ

เราจึงเลือกได้ที่จะสงบสันติสุขอย่างผู้มีปัญญา
ไม่หวาดหวั่นกับอุปสรรค
เพราะอุปสรรคทำให้เราตกนรกไม่ได้
ถ้าเราวางใจไว้ถูก ไม่แก้ปัญหาด้วยการทำใจให้เป็นอกุศล
หรือแม้แต่ก่อความอยากที่จะพ้นจากภาวะอันขัดข้อง

เพราะความอยากพ้นจากภาวะ ก็เป็นตัณหาตัวหนึ่ง
ที่ให้ผลเป็นความบีบเค้นต่อจิตใจ
นับเป็นการซ้ำเติมตัวเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ทุกข์ทางกายที่เราต้องประสบกันทุกคน
เหมือนกับกำปั้นของธรรมชาติ ที่คอยเราด้วยทุกข์เล็กทุกข์น้อย
แต่หากเราขาดสติ เราจะซ้ำเติมตัวเองอีกกำปั้นหนึ่ง ด้วยการวางใจไว้ผิด

อุปสรรคย่อมเกิดขึ้นโดยธรรมดา
แต่เราเลือกที่จะเครียดหรือไม่เครียด
กายเรามีสิทธิ์ที่จะเจ็บป่วยตามธรรมชาติ
แต่เราเลือกได้ที่จะเอากำปั้นเราทุบใจซ้ำ
ด้วยความกังวลหงุดหงิด อยากให้หายดิ้นรน ที่จะพ้นจากภาวะ
หรือวางใจให้เห็นธรรมชาติของกาย เวทนา ว่าไม่ใช่ของเรา
ล้วนเป็นองค์ประกอบของเหตุปัจจัย

แต่การวางใจไว้ถูก ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
แต่เกิดขึ้นอย่างมีปัญญาที่จะเข้าใจ ตามความเป็นจริง
เหตุนั้นเองเราจึงจำเป็นต้อง เข้าใจวงจรปฏิจจสมุปบาท
คือภาวะที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น

เช่น เราเลือกไม่ได้ที่จะให้คำพูดที่ไม่ดีมากระทบหูของเรา
แล้วไหลตกลงไปสู่ในใจ
การรับรู้เกิดขึ้นแล้วตรงนั้น เสี้ยววินาทีแห่งสายฟ้าแลบนั้น
เราเลือกได้ที่จะโกรธหรือไม่โกรธ
โต้ตอบหรือสงบอย่างรู้เท่าทัน ถึงผลที่จะตามมา
ในช่วงวินาทีแห่งสายฟ้าแลบนั้น
เราอาจะเผลอถูกย้อมอารมณ์กลายเป็นปฏิกิริยา
มารู้สึกตัวอีกทีก็สายเสียแล้ว วิธีคือเราต้องวางใจให้ถูกต้องเสียก่อน

คือเข้าซอยถูก ที่ปากซอยปักป้ายไว้ว่า สัมมาทิฏฐิ
คือ เมื่อมีความเป็นที่ถูกต้อง จึงมีดำริที่ถูกต้อง คือ สัมมาสังกัปปะ
คือวางไว้ในใจว่า จะเสียสละ จะเมตตา จะกรุณา
เมื่อวางใจในลักษณะบวก (+) เช่นนี้
แม้จะถูกคลื่นลบ (-) มารบกวน จิตก็ตกลงมายาก

หากวางใจไว้เป็นลบอยู่ก่อนแล้ว
คือหมกมุ่นพัวพันกับสิ่งสนองความอยาก
หรือคิดในแง่ในแง่ร้ายเคียดแค้น ชิงชัง
หรือคิดในแง่ที่จะเอาเปรียบ ข่มเหง
การวางใจไว้ผิดเช่นนี้ ยิ่งกระทบก็ยิ่งทำให้ใจมืด
เหมือนเดินเข้าปากซอยผิดตั้งแต่เริ่มต้น
คือ ยิ่งเดิน ยิ่งมืดทึบ อึดอัด คับตัน

เป็นการดำริที่ทำให้ปัญญาดับ
เป็นการเบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่น
เพราะการวางใจไว้ผิดนั้น
ก็เผาลนตัวเองอยู่ทุกขณะอยู่แล้ว ก่อนที่จะเผาไหม้ผู้อื่น
เมื่อการกระทบนั้นไม่เป็นดังใจ
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทุกสิ่งซึ่งไหลโอบล้อม
อยู่รอบกระแสแห่งชีวิตจะถูกใจไปทั้งหมด

ดังนั้น การเข้าซอยถูกตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งเดินยิ่งสว่าง

เมื่อเข้าซอยสัมมาทิฏฐิเห็นถูกต้อง
ก็ทำให้เกิด สัมมามาสังกัปปะ ดำริคิดถูกต้อง
ทำให้เกิด สัมมาวาจา พูดถูก
สัมมากัมมันตะ คือมีกายในทางไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยการฆ่าหรือขโมย
สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ เว้นจากมิจฉาชีพ
สัมมาวายามะ คือความเพียรคอยเร้าจิตให้มุ่งมั่น
ป้องกันอกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น
ละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว สร้างกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
และรักษากุศลที่มีอยู่ในใจให้เจริญยิ่งขึ้น
สัมมาสติ ระลึกชอบ คือมีสติอยู่กับกาย เวทนา จิต ธรรม
สัมมาสมาธิ คือความตั้งใจไว้ชอบ
ความตั้งมั่นของจิตที่แน่วแน่นุ่มนวลควรแก่การงาน
ทำให้เกิดปัญญาเห็นตามจริง

ดังนั้น การเริ่มต้นเริ่มเข้าซอยถูก
เห็นถูก วางใจให้ถูกจึงยิ่งเดินยิ่งสว่าง

ถึงแม้เราจะเลือกไม่ได้ว่าจะมีอุปสรรคระหว่างหนทางหรือไม่
จะเจอคนดีหรือไม่ดี ไม่มีใครผลักใจเราให้ล้มลงได้
ถ้าเราไม่ผลักใจ เราให้ลงนรกด้วยความขุ่นมัว...เราเลือกได้

 Smiley ที่มา : “เข้าซอยให้ถูก” ในคำตอบของชีวิตปฏิจจสมุปบาท , หน้า ๘๕-๘๙
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:47:34 PM »


         ขอบคุณครับอาวัฒน์ ..... ชีวิตประจำวันกับการประกอบสัมมาชีพ จำต้องโกหกตลอดเวลา .... เห้ออออออ

บันทึกการเข้า

                
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 09:56:54 PM »

ขอบคุณครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 09:58:37 PM »



ขอบคุณครับ  พี่วัฒน์
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 11:42:50 PM »

โกหกแบบชิน ชินวุฒแหงๆค่ะพี่ Grin

ฉันโกหกเธอ อันที่จิงอยากให้เธอสนใจ
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงไม่อยากให้เธอใกล้ใคร
เห็นแล้วอิจฉา มันอิจฉา
หวง....เธอในใจ
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงอยากจะยืนข้างเธอ
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงไม่อยากให้ใครใกล้เธอ
ฉันได้แต่เผลอได้แต่ฝัน ปากฉัน........
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงอยากให้เธอสนใจ
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงไม่อยากให้เธอใกล้ใคร
เห็นแล้วอิจฉา มันอิจฉา...
หวงเธอในใจ
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงอยากจะอยู่ข้างเธอ
ฉันโกหกเธอ อันที่จิงไม่อยากให้ใครใกล้เธอ
ฉันได้แต่เผลอได้แต่ฝัน ปากฉันไม่ตรงกับใจ

อันที่จิงอยากให้เธอสนใจ
อันที่จิงไม่อยากให้เธอใกล้ใคร
เห็นแล้วอิจฉา มันอิจฉา...หวงเธอในใจ

หรือว่าแบบนิโคลคะ Grin

เธอจำได้ไหม สิ่งที่ฉันได้เคยพูดไป
ฉันไม่รัก ไม่รัก เธอเลย และฉันคนนี้ ไม่ต้องการ
จะพบเธอ จนตาย ..ฉันโกหกเธอ
นั่นฉันโกหกเธอ และทำเป็นไม่แคร์ ไม่สนใจ
ทั้ง ทั้งที่รู้ สิ่งที่เคยได้พูดไป ไม่จริง
..ฉันโกหกเธอ ว่าฉันยังเกลียดเธอ
และพยายามทำตาม ที่พูดไป ..และผลสุดท้าย
สิ่งที่มีในหัวใจ มันคือ..ความจริง

ยังจำได้ไหม ที่ว่ามีใคร แทนที่เธอ
เป็นคนเดียว ที่ฉันมีใจ และคนอย่างฉัน
ไม่มีทางจะหันมา รักเธอ ..ฉันโกหกเธอ
นั่นฉันโกหกเธอ และทำเป็นไม่แคร์ ไม่สนใจ
ทั้ง ทั้งที่รู้ สิ่งที่เคยได้พูดไป ไม่จริง
..ฉันโกหกเธอ ว่าฉันยังเกลียดเธอ
และพยายามทำตาม ที่พูดไป และผลสุดท้าย
สิ่งที่มีในหัวใจ มันคือ..ความจริง
..แต่วันนี้ ฉันรู้ว่าทำ ผิดไป
อยากให้รู้ ว่าฉันเสียใจ แค่ไหน


..ฉันโกหกเธอ นั่นฉันโกหกเธอ
และทำเป็นไม่แคร์ ไม่สนใจ และผลสุดท้าย
สิ่งที่มีในหัวใจ มันคือ..ความจริง
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 12:00:36 AM »

ตั้งแต่ตั้งมั่นจะรักษาศีล5มา ศีลข้อมุสาฯรักษายากที่สุดเลยครับ เพราะมันละเมิดง่ายที่สุด

จนเดี๋ยวนี้ก็ยังมีเผลอ ให้ต้องตามไปแก้ไข-แก้ข่าวอยู่บ่อยๆ  อ๋อย
บันทึกการเข้า
spyman
Full Member
***

คะแนน 19
ออฟไลน์

กระทู้: 172


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 07:30:36 AM »

ศีล ข้อที่ พระสงฆ์สมัยก่อนชื่นชมว่าเป็นหัวใจคือ ข้อ 5 การไม่ดื่มน้ำเมาครับ ตราบไดที่เรายังมี สติยั้งคิด เราจะเลือกได้ว่าเราจะทำหรือไม่ แต่ถ้า เมาแล้ว สติเราเหลือน้อย การจะทำการได หรือทำผิดศีล ย่อมง่ายกว่าตอนที่เรามีสติครับ
บันทึกการเข้า
ต.แม่สาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 490
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6544



« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 07:51:25 AM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ผู้ใดทำใจให้เป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 01:33:18 PM »

ศีล ข้อที่ พระสงฆ์สมัยก่อนชื่นชมว่าเป็นหัวใจคือ ข้อ 5 การไม่ดื่มน้ำเมาครับ ตราบไดที่เรายังมี สติยั้งคิด เราจะเลือกได้ว่าเราจะทำหรือไม่ แต่ถ้า เมาแล้ว สติเราเหลือน้อย การจะทำการได หรือทำผิดศีล ย่อมง่ายกว่าตอนที่เรามีสติครับ

แก้ได้ด้วยการฝึกสมาธิครับ คือเราดื่มหนักขนาดไหนก็จะยังมีสติรู้กาย-รู้ใจชัดเจนอยู่ พอเมาได้ที่แล้วก็ใช้ใจสั่งกายให้ปิดสวิทช์ไปเลยจะได้ไม่มีปัญญาไปทำบาปข้ออื่น ฮา.......  Grin
บันทึกการเข้า
Sig228-kolok
KU47 AGGIE / SOTUS HS9VOL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2947
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40236



« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 04:58:53 PM »

ขอบคุณครับลุงวัฒน์ ... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ที่ตนกระทำ ... สาธุ  ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

ขายที่ดิน 20 ไร่ บริเวณคลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมฯ ไร่ละ 1.8 ล้าน โทร 086-2859988
กดที่นี่ >>http://www.wikimapia.org/#lat=14.0499777&lon=100.7824481&z=17&l=0&m=b
Sig228-kolok
KU47 AGGIE / SOTUS HS9VOL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2947
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40236



« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 04:59:15 PM »

ศีล ข้อที่ พระสงฆ์สมัยก่อนชื่นชมว่าเป็นหัวใจคือ ข้อ 5 การไม่ดื่มน้ำเมาครับ ตราบไดที่เรายังมี สติยั้งคิด เราจะเลือกได้ว่าเราจะทำหรือไม่ แต่ถ้า เมาแล้ว สติเราเหลือน้อย การจะทำการได หรือทำผิดศีล ย่อมง่ายกว่าตอนที่เรามีสติครับ

แก้ได้ด้วยการฝึกสมาธิครับ คือเราดื่มหนักขนาดไหนก็จะยังมีสติรู้กาย-รู้ใจชัดเจนอยู่ พอเมาได้ที่แล้วก็ใช้ใจสั่งกายให้ปิดสวิทช์ไปเลยจะได้ไม่มีปัญญาไปทำบาปข้ออื่น ฮา.......  Grin

ก่อนปิดสวิทช์ ควรมีการอ้วกสักเล็กน้อย พองาม ... Cool Cool Cool
บันทึกการเข้า

ขายที่ดิน 20 ไร่ บริเวณคลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมฯ ไร่ละ 1.8 ล้าน โทร 086-2859988
กดที่นี่ >>http://www.wikimapia.org/#lat=14.0499777&lon=100.7824481&z=17&l=0&m=b
BIGFISH
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 94
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1174


กระบี่หวั่นไหว คนใช้ไร้คม


« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 06:28:08 PM »

ชีวิตแม้ไม่ดื่มเหล้า ไม่เคยเมา
แต่ยังในจิต ยังคงลุ่มหลงมัวเมาอยู่ไม่น้อย 
รวมกับความโกรธ ความโลภ อันเป็นธรรมดาของปัจจัยภายในประสาปุถุชนแล้ว
ทั้งยังธรรมะที่เป็นสัจธรรมยิ่ง คือการไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นเป็นไปได้ ท่านทั้งหลายจงรับสัจจะปัจจัยอันอยู่เหนือการควบคุมนี้เป็นบทเรียนพิเศษสำหรับการพัฒนาใจตน


เราไม่ได้โกหกเพื่อแสวงหาสัจจะที่แท้ เพื่อความหลุดพ้น วิมุติที่ยอดยิ่ง ด้วยรู้ว่าเป็นไปไม่ได้
เราโกหกเพื่อให้ได้ใคร่ โกหกเพื่อไม่ให้เสียไป โกหกเพื่อให้พ้นผิด ยอมรับเพื่อนิรโทษ ในขณะที่ถูกต้องคือสำนึกผิดและยอมรับโทษ รับผลของบาปด้วยใจกล้าและยอมรับชะตาที่ควบคุมไม่ได้ ในเมื่อไหนๆก็ต้องตายถือเป็นร้ายที่สุดจุดจบของชีวิตที่หนีไม่พ้น จะดิ้นรนขนขวายทุรนทุรายใจทำไม

สิทธิแห่งวิญญาณอิสระ ไม่อยู่ในฐานะจำเลยที่จะต้องตอบคำถามด้วยก็ได้ซ้ำ อย่าว่าแต่จะต้องฝืนตอบด้วยถ้อยเท็จ
เพียงแต่แน่ใจแล้วหรือไม่ที่จะเลือกทางแยกโดดเดี่ยวตนเองได้

ไม่เห็นด้วยกับการโกหกเพื่อสุขผู้อื่น ในเมื่อการไม่พูดความจริงทั้งหมดเป็นเรื่องปกติรับได้ หรือเรียนรู้ที่จะรอให้เวลาสถานการณ์เหมาะสมจึงค่อยเปิดเผย

พึงระวังบาปจากไม่รู้จริง แต่ยืนยันฟันธง ส่งกระจายขยายผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น



เห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรม ไม่เป็นไร เข้าใจ เราก็ถูกจองจำอยู่ด้วยทุกข์เช่นกัน

เช้าๆ สวดมนต์ได้พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ก่อนเริ่มทำใหม่ให้ถูก
ยืนตรงเคารพธงชาติ เรียกว่าได้สยามมานุสติ ร่วมชาติ ร่วมจิต

ปัญญาเป็นสภาวะในธรรมชาติที่เกิดในจิตใจ ที่ถือเป็นยอดใลก เป็นเหตุของกุศล และนำความสุขมาให้มนุษย์

หรือบุคคลยังสามารถล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร

เราไม่ได้มีปัญญา ขนาดนั้น
เราไม่ได้อดทน มุ่งมั่น ไม่ย่อหย่อนในความเพียรพอ
ที่เราทำได้แน่ๆ ในวิถีชีวิต คือเจริญสติรักษาศรัทธา




บันทึกการเข้า

ดาบของชาติเล่มนี้   คือชีวิตเรา
ถึงจะคมอยู่ดี            ลับไว้
som36
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 29
ออฟไลน์

กระทู้: 404


« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2009, 08:12:56 PM »

ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดีที่แบ่งปันมาให้
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2009, 12:03:04 PM »

 +1 ให้กับคุณ.BIGFISH ครับ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 21 คำสั่ง