เรื่องนี้ คนเชื่อก็บอกว่าน่ากลัว คนไม่เชื่อก็บอกเลอะเทอะเหลวไหล ลองดูข้อมูลความสูงของทะเลบางขุนเทียนเมื่อซัก15ปีที่แล้วมาเทียบกับปัจจุบันดูครับ

ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ห้องปฏิบัติการสึนามิและพายุคลื่น ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนมีความน่าสะพรึงกลัวมากกว่าที่ทุกคนคิด ว่ากันเฉพาะผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทั่วโลก จะทำให้ชุมชนริมชายฝั่งทะเลบ้านเรา ได้รับความเสียหายอย่างไรบ้างก็มีข้อมูลที่น่าสนใจและพึงตระหนักเป็นอย่างยิ่ง
ตัวอย่างกรณีศึกษาชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน ที่ได้มีการนำเสนอในการประชุมประจำปีวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจัดโดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า
ความเป็นทะเลกรุงเทพฯ หรือปอดทะเลของชาวกรุงเทพฯกำลังจะหมดไปกับทั้งการกระทำโดยภัยธรรมชาติและภัยจากมนุษยชาติ ความไม่มีเสถียรภาพของชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนในปัจจุบัน ทำให้ชายฝั่งเกิดการกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง จากผลการศึกษาโดยห้องปฏิบัติการสึนามิและพายุคลื่น ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยข้อมูลแนวชายฝั่งจากภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ. 2523 เป็นแนวเริ่มต้น และใช้แนวชายฝั่งจากภาพถ่ายทางอากาศ ปี พ.ศ. 2537 และ 2543 เป็นข้อมูลปรับเทียบและสอบทานแบบจำลองคณิตศาสตร์
พบว่า การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนในช่วงปี พ.ศ. 2523-2537 และปี พ.ศ. 2538-2543 มีอัตราการกัดเซาะเฉลี่ย 15 เมตรต่อปี และ 9 เมตรต่อปี ตามลำดับ
ผลคาดการณ์ในอนาคต 10 ปี จะพบว่าแนวป่าชายเลนปัจจุบันจะหมดไปเนื่องมาจากการถอยร่นของแนวชายฝั่ง และอีก 30 ปี ป่าชายเลนก็จะหมดไป พื้นที่ด้านหลังป่าชายเลนซึ่งเป็นบ่อกุ้งของชาวบ้าน และคลองซึ่งใช้เป็นที่สัญจรของชาวบ้านก็จะหมดไปด้วย
http://www.mediathai.net/module/newsdesk/newsdesk_subcat.php?board_id=1533910 ปีที่แล้ว วัดขุนสมุทรจีนอยู่ห่างจากแนวชายฝั่งทะเลประมาณ 2 กม. ปัจจุบัน ในช่วงน้ำทะเลชึ้นสูง น้ำทะเลท่วมถึงโบสถ์ ต้องยกพื้นโบสถ์ให้สูงขึ้น ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง
หมู่บ้านขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วิกฤติ ที่มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง ตลอดระยะเวลา 28 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนที่ทำการของส่วนราชการ รวมถึงประชาชนต้องอพยพ ถอยร่นเข้าไป ในแผ่นดินครั้งแล้วครั้งเล่า ในช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษครึ่งที่ผ่านมา โรงเรียนของชุมชนต้องย้ายสถานที่ตั้งมาแล้วถึง 4 ครั้ง ส่วนผู้ใหญ่บ้านเองก็ ย้ายบ้านมาแล้วถึง 4 ครั้งเช่นกัน