พอได้ของที่ต้องการครบแล้วก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปที่ศาลเสด็จเตี่ยอีกครั้ง
พวกเราขึ้นไปที่ศาลหลังใหม่ที่อยู่บนเนินเขาก่อน

ซึ่งที่ศาลก็มีดอกกุหลาบ และธูปเทียน จำหน่าย
ซึ่งเขาไม่ได้จำหน่ายราคาตายตัว แล้วแต่เราทำบุญตามกำลังศรัทธา
ผมซื้อประทัดสองกล่อง กล่องละ หนึ่งพันนัด เพื่อที่จะไปจุดถวายเสด็จเตี่ย

จากนั้นก็ไปยังบริเวณหน้าศาล เพื่อจัดเตรียม ของที่จะใช้ไหว้เสด็จเตี่ย
ซึ่งก็จะมี ผัดเผ็ดหมูป่า ขนมจีนน้ำพริก ดอกกุหลาบแดง ซิการ์ที่พี่้hellish นำมาจากอเมริกา
กระสุนปืน ขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 19 นัด และประทัด สองพันนัด (กล่องแดงๆ)


หลังจากจัดของเสร็จแล้ว ก็ จุดธูปเทียนไหว้เสด็จเตี่ยบริเวณด้านล่าง
ส่วนดอกกุหลาบแดง ทองคำเปลว และของที่จะถวายเสด็จเตี่ย นำขึ้นมาบนศาล
ภายในศาลเสด็จเตี่ย จะมีรูปหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อยู่บริเวณด้านบน
จากนั้นก็ถวายของที่นำมาไหว้เสด็จเตี่ย แล้วก็กล่าวคำบูชาเสด็จเตี่ย
และนำทองคำเปลวไปปิดที่พระองค์จำลองของท่าน




บริเวณผนังด้านหลังพระองค์จำลอง จะมีรูปวาดของ เรือรบหลวงพระร่วงขนาดใหญ่
ซึ่งห้ามปิดทองคำเปลวบริเวณนี้อย่างเด็ดขาดครับ
ในปีพ.ศ. 2462 พระองค์ทรงซื้อเรือรบหลวงพระร่วง
และทรงเป็นผู้บังคับการเรือ นำเรือรบหลวงพระร่วงกลับมาจากประเทศอังกฤษ
นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป

หลังจากกราบสักการะ และถวายของไหว้เสด็จเตี่ยเสร็จแล้ว
ก็ไปยังบริเวณที่ทางศาลจัดไว้ให้จุดประทัด หรือยิงปืนถวาย
ซึ่งเป็นศาลาเล็กๆ บริเวณหน้าผาริมทะเล ใกล้ๆศาลนั่นเอง
ผมกับพี่hellish ช่วยกันจัดเตรียมประทัดจำนวน สองพันนัดที่ผมได้ซื้อมาจุดถวาย
ซึ่งมือจุดชนวนประทัดนั้น จะเป็นใครไปได้ นอกจากกระผมเอง



ประทัดสองพันนัดหมดไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้พี่้hellish ยิงปืนถวายเสด็จเตี่ยบ้าง
โดยใช้ปืน GLOCK19 ยิงถวายด้วยกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 19 นัด
พี่hellishยิงเร็วมาก สังเกตจากปลอกกระสุนที่ลอยอยู่จำนวนสองปลอก (ที่วงกลมไว้)
ยิงเสร็จก็เก็บปลอกที่ยิงแล้ว 9 ปลอก เพื่อนำไปถวายเสด็จเตี่ยบนศาลอีกครั้ง


จากนั้นก็ไปไหว้สักการะ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ย ซึ่งเสด็จในกรม ทรงให้ความเคารพนับถือมาก



พี่เจ้าของรถตู้ซึ่งจอดรถรอพวกเราอยู่บริเวณข้างศาลของเสด็จเตี่ย
ได้เปิดเพลงทหารเรือ ที่เพิ่งซื้อมาจากบนศาล ถวายพระองค์ท่าน
แบบว่าเปิดดังมาก แต่เปิดได้ไม่นาน ฝนที่ตั้งเค้ารอท่าอยู่
ได้ตกกระหน่ำลงมาอย่างแรง แต่แปลกมากตกมาไม่ถึง 5นาที
ฝนก็หยุดขาดเม็ดเป็นปลิดทิ้ง บางคนเชื่อว่าคือเรื่องปกติของภาคใต้ที่ฝนตก
แต่พวกผมเชื่อว่า พระองค์ท่านทรงรับรู้ถึงความตั้งใจ และเจตนาที่จะมาสักการะพระองค์ท่าน
ฝนที่ตกมาชั่วครู่นั้นเปรียบเสมือนน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เทวดา ประพรมลงมาให้แก่พวกเรา
ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หันหน้าศาลออกสู่ทะเลชุมพร

หาดทรายรีซึ่งทอดยาวเป็นแนวโค้งสวยงามตามธรรมชาติ มุมมองจากศาลเสด็จในกรม
จากนั้นก็ขับรถลงมาบริเวณด้านล่างเพื่อมายังสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
นั่นคือต้นหูกวาง ที่อยู่ด้านหลังศาลพระตำหนักล่าง ซึ่งในปัจจุบัน
คงเหลือให้เห็นแต่เฉพาะโคนต้นเท่านั้น ถือเป็นต้นไม้ประวัติศาสตร์
เนื่องจากในอดีตเคยเป็นบริเวณที่พักพระศพของพระองค์ท่าน
เพื่อรอ รล.เจนทะเลมาอัญเชิญพระศพ จากจังหวัดชุมพรมายังกรุงเทพฯ
และมาพักถ่ายพระศพสู่ ร.ล. พระร่วง ที่บางนา ต่อจากนั้น ร.ล.พระร่วงได้นำพระศพเข้ามายังกรุงเทพฯ
และต่อมาสถานที่ดังกล่าวได้กลายเป็นสถานที่กราบไหว้ของชาวประมง
จึงได้เกิดการสร้างศาลถวาย เมื่อ พ.ศ.2472 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ บริเวณศาลของเสด็จเตี่ย นั่นคือ รล.ชุมพร
พระอนุสรณ์ถึงพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ซึ่งกองทัพเรือมอบให้แก่ชาวจังหวัดชุมพร นำมาขึ้นบกอยู่เหนือหาดทรายรี
สถานที่สิ้นพระชนม์ของเสด็จในกรม เมื่อปลายปีพุทธศักราช 2523
ร.ล. ชุมพรขึ้นประดิษฐานบนหาดทรายรีจนสำเร็จ โดยการร่วมแรงร่วมศรัทธา
จากชาวบ้าน เรือเข้าที่เรีบยร้อยเวลา 2 นาฬิกา ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2523
หลังจากขึ้นประดิษฐานได้เรียบร้อยก็ดำเนินการตกแต่งและจัดทำงานต่าง ๆ
จนสำเร็จเป็นพิพิธภัณฑ์ทำพิธีมอบให้แก่ชาวชุมพรวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2523




เป็นอันว่าภารกิจ การเดินทางมาสักการะกราบไหว้
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ ศาลที่หาดทรายรี จ.ชุมพร
เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง
พวกเราทั้งหมดต่างอิ่มบุญ และปลื้มใจมาก ที่ได้มาสักการะพระองค์ท่าน
ถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์แห่งนี้