..ดูเหมือนว่าราคาปืนบ้านเราจะขึ้นมาถึงจุดสูงสุด และหยุดนิ่งในจุดมานานพอสมควร ตราบใดที่ราคานี้ยังขายได้ คงจะนิ่งแบบนี้ไปอีกนาน..
มันไม่นิ่งนี่ซิครับ...
พอร้านไหนขึ้นราคาแล้วขายได้ ร้านอื่นยังขายราคาเดิมอยู่ก็เหมือนคนค้าขายไม่เป็นไงครับ... กลไกตลาดถูกบิดเบือน ประชากรประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมตั้งแยะ แต่โควต้าปืนไม่เพิ่มตามสัดส่วน...
ที่จริงเรื่องโควต้าปืนไม่เกี่ยวกับกลไกตลาดอย่างเดียวครับ แต่เป็นสมดุลย์ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง... มีเหตุผลทางรัฐศาสตร์มากมายว่าอาวุธในมือประชาชนต้องสมดุลย์กับกำลังของฝ่ายปกครอง จึงเกิดการถ่วงดุลย์ตามทฤษฎีสัญญาประชาคม...
แต่บังเอิญเรื่องอาวุธปืนไปอยู่ในอำนาจของ"กรมการปกครอง"...
และฝ่าย"ปกครอง"มักอ้างเสมอว่าประชาชนยังไม่มีการศึกษาเพียงพอ, ยังไม่มีความสามารถควบคุมอำนาจอันเกิดจากอาวุธร้ายแรงในมือตนเอง... จะเห็นว่าได้ยินบ่อยว่ากลัวคนได้รับอนุญาตจะไปโมโหขับรถปาดหน้าแล้วยิงกัน, ทำปืนลั่นใส่ผู้อื่น, หรือกลัวจะไปยิงสามี(ภรรยา)ของตนเอง...ประโยคนี้.....ทําให้ผมนึกย้อนสมัยยังเป็นนิสิต......อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนวิชารัฐศาสตร์.....ในวิชาการเมืองการปกครองไทย....
ท่านพูดถึงในยุคเผด็จการทหาร......ที่มักอ้างว่า...คนไทยยังด้อยการศึกษา ไม่มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการประชาธิปไตย....
แล้วถือเอาข้ออ้างนี้.....ยึดอํานาจไว้กับตัวเอง.....
ท่านเปรียบเทียบถึงอเมริกา.......ว่าตอนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้น.....ไอ้กันส่วนใหญ่ยังขี่ม้าไล่ยิงกับอินเดียนแดงอยู่เลย......ด้อยการศึกษาไม่ได้ต่างกัน....
แต่ที่ต่าง.....คือชนชั้นผู้นํา.......ที่มีความคิด เสียสละ ทําเพื่ออนาคตของประเทศตัวเอง......
มีตัวอย่างแถม.....เป็นเรื่องของลีกวนยิว.....เฮ้ออออ......เศร้า