เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กรกฎาคม 06, 2025, 04:54:44 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าโดนจับขณะไปโอนย้ายจะทำอย่างไรครับ  (อ่าน 8503 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #45 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 01:30:11 PM »

ผมว่าคุณไม่ผิดหรอก ลองดูคำพิพากษาฎีกานี้สิครับ  ตรงๆเลย เยาะเย้ย

คำพิพากษาฎีกาที่ 5139/2545 (เรื่องการซื้อ/มีและใช้อาวุธปืนตามแบบ ป.3)

การที่นายทะเบียนอาวุธปืนออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ให้แก่ผู้ขออนุญาต ถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนได้แล้ว ส่วนการไปซื้อหรือรับโอนอาวุธปืนตามแบบ ป.3 ดังกล่าว แล้วนำไปดำเนินการจดทะเบียนออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เป็นขั้นตอนต่อเนื่องมาเพื่อควบคุมอาวุธปืนในราชอาณาจักรให้รู้ว่าอาวุธปืนแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใดเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าผู้ขออนุญาตเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบอนุญาตแบบ ป.4 ให้

??  ตรงตัวแดงแหละครับ ป.๓ ฉบับเดียวก็ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองปืนที่อยู่กับบ้านได้แล้ว   เยาะเย้ย


สมมุติว่ามี ป.3 ที่ขอซื้อปืนจากร้าน   แต่มีตัวปืนโอนลอยอยู่ที่บ้าน   ป.3 จะคุ้มครองได้ไหมครับ

อันนี้ก็ก้ำกึ่งแต่น่าจะไม่คุ้มครองนะครับ เพราะป.๓ ระบุว่าซื้อร้านปืน  แต่กลับซื้อจากบุคคล
ต้องกลับไปแก้ ป.๓  หรืออาจต้องเจรจากันกับตำรวจละครับว่าจะจับด้วยเหรอ  ก็แค่ไปขอแก้ป.๓ เท่านั้นเองน่าอะลุ่มอะหล่วยได้บ้าง

แน่ใจหรือครับ
กรณีตามคำพิพากษาศาลฎีกา   เป็นเรื่องที่ขอซื้อปืนจากบุคคล  นายทะเบียนได้รับคำร้องว่า นาย ก.ต้องการซื้อปืนจาก นาย ข.ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ต่างท้องที่   จึงออกใบ ป.3 อนุญาตให้นาย ก.ซื้อปืนชนิด...ขนาด...หมายเลขทะเบียน....ของนาย ข.ได้
และเมื่อนาย ก.นำหลักฐานการตัดโอน พร้อมกับปืนมานายทะเบียนออก ป.4  นายทะเบียนตรวจสอบแล้วว่า สภาพปืนตรงกับหลักฐานทางเอกสาร และเป็นปืนที่ออกใบอนุญาตให้ได้  ก็สลักหลัง ป.3 และนัดให้มารับใบ ป.4   แต่ถูกจับก่อนใบ ป.4 ออก
ศาลฎีกา  จึงเห็นว่านายทะเบียนได้ออกใบอนุญาตให้นาย ก. มีและใช้ปืนกระบอกนั้นแล้ว

แต่ในกรณีที่ข้อเท็จจริง  ต่างไปจากนี้ ผลของคำพิพากษา ก็คงจะแตกต่างออกไป

ถ้าสามารถนำสืบได้แบบนั้นว่า ซื้อปืนโอนลอยมาก่อน  แล้วค่อยไปขอป.๓ ภายหลัง   
ผมว่าอันนี้น่าจะผิดซื้อปืนในขณะยังไม่ได้รับอนุญาตได้เช่นกันครับ   แต่ถ้าสืบไม่ได้ก็อาจถือว่าเกลื่อนกลืนกันไปและอาจจบ

ส่วนข้อหามีปืนในครอบครอง ก็ยังเห็นว่าป.๓ ที่ออกมาภายหลังและตรงกระบอก+เจ้าของ ที่เราจะซื้อนั้นมีผลคุ้มครองเราได้ทันที
ทำให้เราไม่ผิดในข้อหานี้ไปด้วย ไหว้ Wink

แต่ถ้าป.๓ ไปขอมาระบุว่าซื้อจากร้านปืน   แต่เรากลับไปซื้อจากนาย ก.   ผมว่าอันนี้ก้ำกึ่งครับ  ว่าป.๓ จะคุ้มครองปืนกระบอกที่เราซื้อจากนาย ก. ไม่ให้ผิดข้อหามีปืนผิดมือในครอบครองได้ไหม
แต่ส่วนตัวเห็นว่า  มันยังไม่คุ้มครอง   เพราะจะคุ้มครองกระบอก ของร้านปืนที่ขายให้เราตามที่ระบุในป.๓เท่านั้น   หากผิดมือผิดกระบอกไปเป็นของนาย ก.  ป.๓ อาจไปไม่ถึงครับ ยังอาจผิดข้อหามีปืนผิดมือของนาย ก.ได้ .  ไหว้ เพราะตามป.๓ นายทะเบียนเขาอนุญาตให้ซื้อปืนจากร้านปืนเท่านั้น   ไม่ได้อนุญาตให้ซื้อจาก นายก.   หากซื้อไปก็เท่ากับว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อจากนาย ก.  ต้องกลับไปให้นายทะเบียนแก้ไขใหม่ก่อน ไม่งั้นการอนุญาตไม่ถูกกระบอกก็ไม่สมบูรณ์ ครบ ๑๐๐% ( ความเห็นส่วนตัวนะครับ )

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2009, 01:40:29 PM โดย สะดุ้งมาร. » บันทึกการเข้า
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« ตอบ #46 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 01:39:08 PM »

ผมมาเติมให้นิดนึง
กรณี ป.๓ การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน โดยซื้อจากร้านปืน  หรือโอนรับโอนอาวุธปืนจากบุคคล

สาระสำคัญ อยู่ที่ ได้ัรับอนุญาตจาก นายทะเบียนอาวุธปืนแต่ละท้องที่ ฯ แล้วหรือยัง. 


ซื้อรับโอนจากบุคคล การครอบครองอาวุธปืนที่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีผลทันทีเมื่อท่านได้รับอนุญาต
ตามคำสั่งนายทะเบียน ที่ลงไว้ในคำ้ร้องขอรับโอน และเมื่อเสียค่าธรรมเนียม ๕ บาท แล้วนั่นแหละ
ส่วน ป.๓ นั้นเป็น เอกสารรับรอง เพื่อให้ท่านมีสิทธิจัดการตามนั้น

ส่วนเรื่องการตัดยอดจากต้นแหล่ง นั้น เป็นวิธีการทางธุรการ(ที่ไม่ต้องมีำคำสั่งอนุญาตเป็นการเฉพาะอีก) 
เพื่อควบคุมอาวุธปืน ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากนายทะเบียนอนุญาตไปแล้ว เป็นเรื่องของ นายทะเบียนอาวุธปืนฯ ๒ ท้องที่.. .

ส่วน ป.๓ ซื้อจากร้านปืน.  เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ให้กับร้านปืนไปแล้ว ท่านสามารถครอบครองอาวุธปืนกระบอกนั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ในเงื่อนไขว่า ร้านปืนจักต้องดำเนินการ เกี่ยวกับงานธุระการ ให้ได้ ป.๔ ตามมาด้วยให้เสร็จสิ้น
เป็นครรลอง ที่ต้องกระทำ ถ้าท่านไม่ซื้อตามกำหนดใน ป.๓  หรือร้านปืน ไม่จัดการ เพื่อออก ป.๔ ก็จะต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งโยงถึงเรื่องธุรกิจ ตามมาด้วย

ป.๔  นั้น เปรียบได้กับหนังสือสำคัญ เพื่อเป็นหลักฐานให้ผู้ ได้รับอนุญาตฯ ยึดถือไว้เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่
และเป็นหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ

ก่อนได้ รับ ป.๔  หรือ ป.๔ สูญหาย ก็ไม่ได้ทำให้การมีอาวุธปืนกระบอกโดยถูกต้อง นั้น ขาดลง..  Wink





ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« ตอบ #47 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 01:47:51 PM »

ผมว่าคุณไม่ผิดหรอก ลองดูคำพิพากษาฎีกานี้สิครับ  ตรงๆเลย เยาะเย้ย

คำพิพากษาฎีกาที่ 5139/2545 (เรื่องการซื้อ/มีและใช้อาวุธปืนตามแบบ ป.3)

การที่นายทะเบียนอาวุธปืนออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ให้แก่ผู้ขออนุญาต ถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนได้แล้ว ส่วนการไปซื้อหรือรับโอนอาวุธปืนตามแบบ ป.3 ดังกล่าว แล้วนำไปดำเนินการจดทะเบียนออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เป็นขั้นตอนต่อเนื่องมาเพื่อควบคุมอาวุธปืนในราชอาณาจักรให้รู้ว่าอาวุธปืนแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใดเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าผู้ขออนุญาตเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบอนุญาตแบบ ป.4 ให้

??  ตรงตัวแดงแหละครับ ป.๓ ฉบับเดียวก็ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองปืนที่อยู่กับบ้านได้แล้ว   เยาะเย้ย


สมมุติว่ามี ป.3 ที่ขอซื้อปืนจากร้าน   แต่มีตัวปืนโอนลอยอยู่ที่บ้าน   ป.3 จะคุ้มครองได้ไหมครับ

อันนี้ก็ก้ำกึ่งแต่น่าจะไม่คุ้มครองนะครับ เพราะป.๓ ระบุว่าซื้อร้านปืน  แต่กลับซื้อจากบุคคล
ต้องกลับไปแก้ ป.๓  หรืออาจต้องเจรจากันกับตำรวจละครับว่าจะจับด้วยเหรอ  ก็แค่ไปขอแก้ป.๓ เท่านั้นเองน่าอะลุ่มอะหล่วยได้บ้าง

แน่ใจหรือครับ
กรณีตามคำพิพากษาศาลฎีกา   เป็นเรื่องที่ขอซื้อปืนจากบุคคล  นายทะเบียนได้รับคำร้องว่า นาย ก.ต้องการซื้อปืนจาก นาย ข.ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ต่างท้องที่   จึงออกใบ ป.3 อนุญาตให้นาย ก.ซื้อปืนชนิด...ขนาด...หมายเลขทะเบียน....ของนาย ข.ได้
และเมื่อนาย ก.นำหลักฐานการตัดโอน พร้อมกับปืนมานายทะเบียนออก ป.4  นายทะเบียนตรวจสอบแล้วว่า สภาพปืนตรงกับหลักฐานทางเอกสาร และเป็นปืนที่ออกใบอนุญาตให้ได้  ก็สลักหลัง ป.3 และนัดให้มารับใบ ป.4   แต่ถูกจับก่อนใบ ป.4 ออก
ศาลฎีกา  จึงเห็นว่านายทะเบียนได้ออกใบอนุญาตให้นาย ก. มีและใช้ปืนกระบอกนั้นแล้ว

แต่ในกรณีที่ข้อเท็จจริง  ต่างไปจากนี้ ผลของคำพิพากษา ก็คงจะแตกต่างออกไป

ถ้าสามารถนำสืบได้แบบนั้นว่า ซื้อปืนโอนลอยมาก่อน  แล้วค่อยไปขอป.๓ ภายหลัง    ผมว่าอันนี้น่าจะผิดซื้อปืนในขณะยังไม่ได้รับอนุญาตได้เช่นกันครับ   แต่ถ้าสืบไม่ได้ก็อาจถือว่าเกลื่อนกลืนกันไปและอาจจบ

ส่วนข้อหามีปืนในครอบครอง ก็ยังเห็นว่าป.๓ ที่ออกมาภายหลังและตรงกระบอก+เจ้าของ ที่เราจะซื้อนั้นมีผลคุ้มครองเราได้ทันที
ทำให้เราไม่ผิดในข้อหานี้ไปด้วย ไหว้ Wink

แต่ถ้าป.๓ ไปขอมาระบุว่าซื้อจากร้านปืน   แต่เรากลับไปซื้อจากนาย ก.   ผมว่าอันนี้ก้ำกึ่งครับ  ว่าป.๓ จะคุ้มครองปืนกระบอกที่เราซื้อจากนาย ก. ไม่ให้ผิดข้อหามีปืนผิดมือในครอบครองได้ไหม
แต่ส่วนตัวเห็นว่า  มันยังไม่คุ้มครอง   เพราะจะคุ้มครองกระบอก ของร้านปืนที่ขายให้เราตามที่ระบุในป.๓เท่านั้น   หากผิดมือผิดกระบอกไปเป็นของนาย ก.  ป.๓ อาจไปไม่ถึงครับ ยังอาจผิดข้อหามีปืนผิดมือของนาย ก.ได้ .  ไหว้ เพราะตามป.๓ นายทะเบียนเขาอนุญาตให้ซื้อปืนจากร้านปืนเท่านั้น   ไม่ได้อนุญาตให้ซื้อจาก นายก.   หากซื้อไปก็เท่ากับว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อจากนาย ก.  ต้องกลับไปให้นายทะเบียนแก้ไขใหม่ก่อน ไม่งั้นการอนุญาตไม่ถูกกระบอกก็ไม่สมบูรณ์ ครบ ๑๐๐% ( ความเห็นส่วนตัวนะครับ )



ตรงสีแดงนั้น....ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าตำรวจทำได้จริงๆหรือครับ
ตัวอย่าง....วันที่ 1 ผมโอนลอยปืนมาหนึ่งกระบอกจากนาย ก.แล้วไปทำเรื่องขอ ป.3
                วันที่ 20 ผมถึงได้ ป.3 ว่าให้รับโอนปืนจากนาย ก.
                วันที่ 25 ผมถูกตำรวจจับ  ตำรวจแจ้งว่าคุณโอนลอยปืนมาวันที่ 1-20 คุณยังไม่มีใบอนุญาติผมขอจับคุณ...อย่างนี้หรือครับ....
.....ช่วยผมด้วยครับผมงงมากๆ.... หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน   
บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #48 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 01:47:51 PM »

อยากให้ฟ้องกลับครับ

อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ก็จะได้กลับไปทบทวนขอบเขต บทบาทและหน้าที่ ของตัวเองให้ชัดเจน


เป็นประเด็นจนได้...

เท่าที่สังเกตุ..
มันมีขั้นตอน..แต่ละขั้นตอน..
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็แยกกัน..คือ..
1.ชุดตรวจค้น..
ชุดนี้..ที่นำหมายค้นมาบ้านผม..
มีจำนวนสามนาย..แต่งตัวนอกเครื่องแบบ..หนึ่งในนั้นผมรู้จักและรู้ว่ามีอาชีพเป็นตำรวจ..
ซึ่งก็ปฏิบัติกับผมดีมาก..
ก่อนนำผมไปตรวจสอบเบื้องต้น..ถึงที่มาของปืน..
แล้วทำบันทึกการตรวจค้น..ส่งต่อให้..นายตำรวจอีกท่านหนึ่ง..

2.นายตำรวจผู้ตรวจสอบบันทึกการตรวจค้น..
นายตำรวจท่านนี้จะดูบันทึกการตรวจค้นพร้อมตรวจสอบเอกสารการครอบครองปืน..
ก่อนบอกกับลูกน้อง..ให้ดำเนินคดีในข้อหาที่กล่าวถึงข้างต้น..

3.ลูกน้องนายตำรวจที่แจ้งข้อกล่าวหา...ทำเอกสารการตรวจพบการกระทำความผิด..
ก่อนนำตัวผมพร้อมเอกสารไปส่งต่อให้ร้อยเวรดำเนินคดี..
ร้อยเวรก็จะทำเอกสาร..สรุปสำนวนเตรียมยื่นฟ้องต่ออัยการ..
พร้อมแจ้งข้อหาอย่างเป็นทางการ..

ในขั้นตอนนี้..เราสามารถยื่นเรื่องขอประกันตัวได้..
ถ้ามีหลักทรัพย์หรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตตามกฏหมาย..มาเซนต์ค้ำประกัน..

ผมถูกแจ้งข้อหาตอน8โมงเช้า..
กว่าจะเสร็จเรื่องก็ปาเข้าไปประมาณสองทุ่มพอดี..

ระหว่างขั้นตอนที่สาม..
ผมจะถูกคุมตัวในห้องขัง..
กรณีร้อยเวรเรียกให้ออกมาซักถาม..ที่ห้องสอบสวน..
ผมจะถูกใส่กุญแจมือ..และจะถูกถอดออกตอนกลับเข้าห้องขังอีกครั้งหนึ่ง..
ก่อนใส่กุญแจมือ..เจ้าหน้าที่จะขออนุญาตผมพร้อมบอกว่า..มันเป็นระเบียบที่ต้องปฎิบัติ..

ส่วนเรื่องที่ทำไมมีหมายค้นมาที่บ้าน..
ผมสัญนิฐานเองว่า..
เนื่องจากผมชอบแย้งความคิดที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอาวุธปืน..
โดยอ้างอิงจากเหตุผลในเว็ปอวป.
และชอบถามคำถามที่ผมสงสัย..
เกี่ยวกับคุณสมบัติ..คุณลักษณะของปืนแต่ละรุ่นรวมถึงข้อกฏหมายบางประเด็นกับคนโตๆแถวบ้าน..
ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่สามารถตอบได้..(เหมือนไปหักหน้าเขาเหล่านั้น)
เลยโดนลองของเข้าก็เป็นได้..

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..ผมก็ไม่ได้ติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้นแต่น้อย..
ส่วนคดีผมจะจบแบบลงแบบใด..
ก็คิดเสียว่า..เรากำลังลงทะเบียนเรียนสอบซ่อมแล้วกัน..
ถ้าผ่าน..เราก็จะเลื่อนขึ้นชั้นเรียนขึ้นมาอีกชั้น..

คิดแบบนี้แล้ว...ประเทศนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะน่ะครับ..


มันมีรายละเอียดในสถานะการณ์..ดังนี้...

1..ชุดตรวจค้น...
ตำรวจที่รู้จักกับผม..(ในระหว่างแสดงหมายศาลอนุญาตให้ตรวจค้น)
พูดว่า..เขาไม่อยากมาเลย..คนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน..แต่ต้องมาเพราะมีหมายศาล(ผมเข้าใจ..ความรู้สึก..เลยอนุญาตให้ตรวจค้นโดยไม่ขอดูหมายศาล)

2..นายตำรวจผู้ตรวจสอบบัญทึกการตรวจค้น..
นายตำรวจท่านนี้..เป็นคนดูรายละเอียดและตรวจสอบเอกสารพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาแก้ผม..
ดูเวลานั้น..จะหัวเสียกับเหตุการณ์สิบล้อปิดถนนประท้วงด่านชั่งน้ำหนักที่อำเภอบางไผ่..
เข้าใจว่า..นายตำรวจท่านนี้..จะเป็นหัวหน้าชุดในการปฏิบัติการณ์เอาผิดกับสิบล้อเหล่านั้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง..
เพราะมีโทรศัพท์..เข้ามา..แล้วท่านก็แจกแจงวิธีการทำงานพร้อมข้อกฏหมายในความผิดของสิบล้อเหล่านั้น..
สังเกตุจากน้ำเสียงตอนรายงาน..นายตำรวจท่านนี้..ค่อนข้างจะให้ความเคารพต่อผู้ที่โทรมาเป็นอย่างมาก..
เหมือนกับตำรวจทุกคนในห้องที่อยู่..ก็ให้ความเคารพต่อนายตำรวจท่านนี้มากเช่นกัน..
เพราะไม่ว่าท่านจะบอกอะไร..ตำรวจทุกคนในห้อง..จะพูดแค่คำว่า.."ครับ!"..
(ช่วงนี้แหล่ะที่ผมไม่เข้าใจ..แต่พยายามทำเป็นเข้าใจ..
เพราะดูท่านจะให้ความสนใจกับการรายงานสถานะการณ์สิบล้อปิดถนนประท้วงที่อ.บางไผ่มากว่า)

3..พนักงานสอบสวน..
ในขณะที่สอบสวนผม..ท่านก็จะเอาเอกสารที่ผมนำติดตัวมา..มาประกอบรูปคดี..
ระหว่างพิมพ์เอกสารไป..คุยกับผมไป..
มีการซักถามถึงกฏหมายในบางข้อ..
อยู่ๆท่านก็บ่นกับตัวเองว่า..."เฮ่อ!..ไปจับมาทำไม.."
(เรื่องนี้ผมเข้าใจ..ความรู้สึกเลย)..

ปัญหามันอยู่ตรงช่วงที่2..
นายตำรวจผู้แจ้งข้อกล่าวหา..และสั่งให้ลูกน้องดำเนินคดีในความผิดที่ท่านคิดว่าผิด..มากกว่า..
คิดเสียว่า..ผมคงโดนจับผิดเวลาไปนี่เอง..
ดันโดนจับไม่ดูตาม้าตาเรือ..
ดันไปโดนตอนสิบล้อปิดถนนประท้วง..ซึ่งสื่อต่างๆ..กำลังให้ความสนใจ..
ดันไปพบท่านตอนที่ท่านต้องรายงานเหตุการณ์ทางโทรศัพท์ให้กับใครก็ไม่รู้ทางโทรศัพท์..

ถ้าคดีนี้..ต้องมีข้อผิดพลาด..
ผมมองว่า..มันผิดที่ระบบราชการ..มากกว่า..
เพราะเรื่องลักษณะนี้..มันเป็นประเพณีปฎิบัติในระบบราชการไทยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว..!
ไม่มีผู้น้อยคนไหน..กล้าแสดงความคิดที่สวนทางกับ..
ผู้อวุโสที่มีสิทธิ์ในการให้คุณให้โทษกับหน้าที่การงานของตัวเอง..

เหมือนคำพูดที่เรา..ชอบมาพูดกันเล่นๆว่า..
"ใช่ครับพี่...ดีครับผม..เหมาะสมครับท่าน."......ไงครับ!



บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #49 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 02:20:50 PM »




ผมเห็นด้วยกับผู้การสุพินท์ ถ้าคุณคิดอย่างนั้น สมมุติว่าถ้าศาลตัดสินแล้วไม่ผิด เราก็ปล่อยเลยตามเลย
เสียเวลา เสียเงิน เราเสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องโดนอะไร ต่อไปเจ้าหน้าจะทำอะไรก็ได้ ต้องฟ้องกลับให้เป็นบทเรียนซะบ้าง

ครับ..ถูกครับ..
ฟ้องกลับให้เป็นบทเรียน..

แต่ผลที่จะตามมาล่ะครับ..!

สมมุติถ้าผมชนะ..
เราก็จะได้..
ความถูกต้อง..ความสะใจ..ความรู้สึกที่ดีๆกลับมา..
แต่ในทางกลับกัน..
เราก็จะเสีย..
ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ดีๆไป..
เพราะกลัวว่า..ถ้าทำไปแล้วจะโดนฟ้องกลับ..
งั๊นสู้ไม่ทำอะไรเสียเลยดีกว่า..

วันๆก็คงนั่งฮัมเพลง..ของทิดแอ๊ด..บาว 
"ไม่มีผลงาน..ไม่มีความผิด..ไม่ต้องทำงาน..ไม่มีความผิด..และไม่ต้องรับผิดชอบ.............สบายกว่า!"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2009, 02:22:34 PM โดย todsagun » บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
พราน
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 35
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 910



« ตอบ #50 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 02:57:48 PM »

จิตวิญญาณความเป็น พงส.คือต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา การทำงานเพียงเป็นแค่พนักงานไปรษณีย์ส่งสารไปถึงอัยการ  โดยไม่ปัดเป่าความทุกข์ร้อนให้กับประชาชนผมว่าใช้ไม่ได้ครับ  ดูตามที่ท่าน todsagun เล่ามา ผมว่า พงส.เขาก็รู้ครับถึงได้บ่นออกมาว่า ไปจับมาทำไม เพราะถึงส่งไปอัยการก็สั่งไม่ฟ้องอยู่ดี ส่วนประเด็นเรื่อง ป.3 คงเป็นข้อยุติได้ว่า มีผลให้ได้รับอนุญาตแล้วเพราะท่านนำไปตัดโอนและยื่นเรื่องไว้ที่อำเภอแล้ว ทีนีก็รอแค่ขั้นตอนทางธุรการ จริงๆไม่ใช่หน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตด้วยซ้ำ ผมว่าถ้าคนทำงานตั้งใจที่จะทำงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขกันจริง พงส.ก็สามารถทำสำนวนสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการได้ เว้นแต่ไม่แจ้งเพื่อหวังผลอย่างอื่น
บันทึกการเข้า
เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย
Sr. Member
****

คะแนน 53
ออฟไลน์

กระทู้: 900


« ตอบ #51 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 06:51:42 PM »

ได้ครับ..
6.30น.โดยประมาณ..ของเช้าวันที่..30มิ.ย.09
มีตำรวจนอกเครื่องแบบพร้อมหมายค้น..มาเรียกผมที่หน้าบ้าน..
โดยเขาบอกว่า..มีคนแจ้งว่า..บ้านนี้สงสัยน่าจะมีของผิดกฏหมาย..

ผมงงๆ..แต่ก็ยินดีและให้ความร่วมมือให้ค้นภายในบ้าน..
ทันทีที่เขาเดินเข้ามาบ้าน..
ตำรวจคนหนึ่งถามว่า..
มีปืนไหม..
ผมตอบว่า..
มี..
เขาก็ถามว่าอยู่ไหน..
ผมก็บอกว่า..อยู่นั่น..อยู่นั่น..แล้วก็นั่น..
เขาไปตามที่ผมบอก..แล้วรวบรวมปืนทั้งหมดใส่เป้..พร้อมเชิญผมมาโรงพัก..
ผมขออนุญาตเขา..นำเอกสารติดตัวมาด้วย..ซึ่งเขาก็อนุญาต..

หลังจากตรวจสอบเอกสารแล้ว..
มีการแจ้งข้อหา..ว่า..
ปืนลูกโม่สมิธ..m60..ผิดเนื่องจากไปมีใบป.4
(เอกสารที่ผมมีของปืนกระบอกนี้..คือ..สำเนาป.3ที่เป็นชื่อผมกับสำเนาป.4ของเจ้าของเดิม..
ส่วนเอกสารจริง..อยู่ที่อ.บางปะกง เพราะผมไปยื่นเรื่องตัดโอนชื่อเจ้าของเดิมเพื่อนำมาขอป.4ในชื่อผมที่อ.เมือง..)

ผมพยายามชี้แจง..ด้วยเหตุผลข้างต้น..
คำตอบที่ได้คือ..

"ถ้าคุณ..ไม่มีใบป.4..
คุณไม่มีสิทธิ..มีปืนกระบอกนี้..
ถ้ามี..ถือว่าผิด.."

ผมไม่ได้..พูดอะไรต่อ..
ได้แต่นั่งนิ่งๆ..
แล้วโทรศัพท์..ให้อาจารย์มาประกันตัว..

(กรณีนี้..หลักทรัพย์ที่ต้องใช้คือ..หนึ่งแสนบาทถ้วน..(ไม่มีลดหย่อน)
ผมรบกวนอาจารย์ท่านหนึ่งมาเซนต์ค้ำประกัน..เพราะไม่มีหลักทรัพย์มากพอในช่วงเวลานั้น..

แต่เนื่องจาก..เป็นข้าราชการบำนาญ..
ทางกฏหมายตีเป็นค่าหลักทรัพย์เท่ากับ..กำนันผู้ใหญ่บ้าน..
คือ..หกหมื่นบาท..

คดีผมใช้คนค้ำประกันสองคน..คือตัวอาจารย์และภรรยา..ครับ..

กรณีข้าราชการโดยทั่วไป..วิธีคำนวนคือ..เงินเดือนปัจจุบันคูณ10จะได้เป็นมูลค่าหลักทรัพย์..
ส่วนเอกสารที่จะต้องใช้..ก็มี..หนังสือรับรองเงินเดือนจากหน่วยงานในสังกัด..

กรณีโชคร้ายมากมาย..ติดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ..
ต้องใช้เงินสดอย่างเดียว..

ถ้าหาไม่ได้..ต้องนอนตะแลงแกง..จนกว่าจะหาหลักทรัพย์มายื่นประกันตัว..
กรณีหาไม่ได้เลย..
ท่านจะต้องถูกควบคุมตัว..จนกว่าจะส่งฟ้องศาล..
ปกติก็จะใช้ระยะเวลา..ในการดำเนินเรืองทั้งหมดเป็นเวลาสามเดือน..ครับ..)

ตอนนี้..สำนวนยังไม่ได้ส่งอัยการ..
วันนี้..ผมไปรับเอกสารตัดโอนมาพร้อมยื่นเรื่องเพื่อทำเอกสารป.4ที่อ.เมือง..

เจ้าหน้าที่ที่อำเภอบอกว่า..จะเร่งให้..อย่างช้า..ไม่เกินสิ้นเดือนนี้..

มีข้อสังเกตุ..ตรงที่ว่า..
ในใบป.3..มีข้อความว่า...อนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน..
ผมก็คิดเองว่า...ถ้าอนุญาตให้ซื้อ..ผมก็ต้องมีสิทธิ์รับสิ่งที่ผมซื้อ..มาอยู่ในความดูแล..

ในใบป.4...มีข้อความว่า..อนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน..
ผมก็ดูว่า..กรณีผมไม่น่าเข้าข่ายความผิดนี้..

เพราะ..คำว่าให้..."มีและใช้.."
กรณีผมน่าจะเป็น...มีแต่ไม่ได้ใช้(เก็บไว้ในบ้านเพื่อดำเนินการด้านเอกสารให้ถูกต้อง)
ถ้าเป็นคำว่า..มีหรือใช้อาวุธปืน..นี่สิ..ผมถึงจะเข้าข่ายความผิด..เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีหรือใช้..ซะหน่อย..
(ผมคิดเองตามความรู้อันน้อยนิดของผมนะครับ..อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้..)


ส่วนเหตุผลในการทำผิดของผมทางฝ่ายเจ้าหน้าที่..อธิบายว่า..
ถึงคุณจะซื้อถูกต้อง..
คุณก็ต้องฝากปืนไว้กับเจ้าของเดิมก่อน..
จนกว่าจะถึงวันไปคัดชื่อของเจ้าของเดิมออกในวันตัดโอนและออกเอกสารป.4เป็นชื่อผม..
(ผมก็คิดต่อไปว่า..มันจะมีช่องว่างของการครอบครองอยู่ตรงที่..
ช่วงตัดโอนชื่อจากเจ้าของเดิม>>>>>>>>>>>>จนถึงช่วงเวลาที่ใบป.4ออก..
ผมก็ไม่ทราบว่า..ช่วงนี้..ปืนจะต้องอยู่ในความดูแลของใครเพื่อจะไม่ให้ผิดกฏหมาย)

ตอนนี้..ผมรอใบป.4...ให้ออกมาก่อน..

แล้วคิดวาจะนำไปยื่นต่อพนักสอบสวนอีกที่..
เผื่อพนักงานสอบสวนท่านจะเห็นใจ..ไม่ส่งฟ้องอัยการ..

หรือถ้าท่านยืนยันที่จะส่งฟ้อง..อัยการ..
ผมก็จะยื่นเรื่อง..เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ..
เผื่ออัยการ..ท่านจะเห็นใจ..ไม่ส่งฟ้องศาล..

หรือถ้าท่านยังยืนยันจะส่งฟ้องศาล..
ผมก็จะขอแถลงต่อศาลถึงเจตนาแห่งความผิดคือเพื่อให้ถูกต้องตามกฏหมาย..เผื่อศาลท่านอาจยกฟ้อง

ถ้าผิดจากนี้..ผมก็เสียค่าปรับครับผม.. ไหว้

ปล. ไม่ทราบว่า..
ข้อความทั้งหมดของผม..เป็นที่เข้าใจของผู้อ่านหรือปล่าว..?
ผิดพลาดตรงไหน..
ขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วยครับผม.. ไหว้

ผมว่าคุณไม่ผิดหรอก ลองดูคำพิพากษาฎีกานี้สิครับ  ตรงๆเลย เยาะเย้ย

คำพิพากษาฎีกาที่ 5139/2545 (เรื่องการซื้อ/มีและใช้อาวุธปืนตามแบบ ป.3)

การที่นายทะเบียนอาวุธปืนออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ให้แก่ผู้ขออนุญาต ถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนได้แล้ว ส่วนการไปซื้อหรือรับโอนอาวุธปืนตามแบบ ป.3 ดังกล่าว แล้วนำไปดำเนินการจดทะเบียนออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เป็นขั้นตอนต่อเนื่องมาเพื่อควบคุมอาวุธปืนในราชอาณาจักรให้รู้ว่าอาวุธปืนแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใดเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าผู้ขออนุญาตเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบอนุญาตแบบ ป.4 ให้

??  ตรงตัวแดงแหละครับ ป.๓ ฉบับเดียวก็ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองปืนที่อยู่กับบ้านได้แล้ว   เยาะเย้ย

ปืนยังไม่ได้โอนเป็นชื่อเจ้าของเดิมแต่มาอยู่กับเราที่บ้านของเรา  ถึงจะมีป.3แต่ปืนก็ยังไม่ใช่ของเรา น่าจะโดนข้อหาปืนผิดมือมากกว่านะครับ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #52 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 07:28:54 PM »

นายสมชายเพิ่งเข้ามาอ่านครับ... ขอให้ความเห็นเรื่องฟ้องกลับฯ...

เป็นนายสมชายฟ้องกลับครับ... เรื่องที่ว่าจะทำให้เสียกำลังใจนั้น ไม่น่าเอามาพิจารณาครับ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้มีความเห็นส่งฟ้องฯ ในเรื่องก้ำกึ่งแบบนี้ แสดงว่าพฤติกรรมผู้มีอำนาจไม่ได้ขึ้นกับกำลังใจในการทำงานครับ แต่ขึ้นกับอารมณ์ตนเองเพื่อเอาใจผู้ที่ตนเองคิดว่ามีบารมีต่อตนเอง หากไม่ฟ้องกลับเกรงว่าเรื่องจะไม่จบง่ายครับ จบเรื่องนี้ก็จะมีเรื่องโน้นเข้ามาให้ปวดหัวไม่รู้จักจบ...

เดิมพันของการฟ้องกลับไม่ได้อยู่ที่ความสะใจนะครับ... แต่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ที่เกินอำนาจตามกฏหมายด้วยครับ...

ต้องขออภัยที่นายสมชายอายุน้อยกว่าท่าน จขกท. แต่ให้ความเห็นต่อผู้อาวุโสกว่านะครับ... คือนายสมชายเมื่อก่อนก็กลัวการเป็นความขึ้นศาลมาก แต่เมื่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ มีคดีกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานก่อสร้างติดพัน มีทั้งถูกฟ้อง ฟ้องแย้ง และเปิดฉากฟ้องก่อน... จึงพบว่าเมื่อใครก็ตามลากเราขึ้นศาลได้ แสดงว่าหมดความเกรงใจกันแล้ว หากแสดงอ่อนแอให้เห็นจะมีเรื่องตามมาไม่รู้จบครับ...

ตำรวจที่ทำงานโดยสุจริต จะไม่ลากประชาชนขึ้นศาลโดยง่ายๆ เพราะการลากขึ้นศาลแล้วหลุด แปลว่าเสียเครดิตตนเอง... และคดีที่หลุด จะโดนฟ้องกลับเสมอครับ หากอีกฝ่ายมือสะอาด...
บันทึกการเข้า
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #53 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 07:32:47 PM »


ปืนยังไม่ได้โอนเป็นชื่อเจ้าของเดิมแต่มาอยู่กับเราที่บ้านของเรา  ถึงจะมีป.3แต่ปืนก็ยังไม่ใช่ของเรา น่าจะโดนข้อหาปืนผิดมือมากกว่านะครับ

ครับ..มุมมองของท่านเป็นมุมมองเดียวกลับนายตำรวจผู้แจ้งข้อกล่าวหาผมเลย..

แต่ผมสงสัยนิดนึงตรงที่..
ใบป.3...อนุญาติให้ซื้อ..
ถ้าซื้อแล้วผมควรน่าจะได้สิทธิ์ในการดูแลสิ่งที่ผมซื้อถูกต้องหรือไม่..
กรณีต้องใช้ความสมบูรณืของตัวเอกสารประกอบ..มันเป็นเรื่องทางธุรการ..
ที่เกินความสามารถผมจะเป็นผู้ดำเนินการจัดทำเอกสารทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว..
เพราะกฏหมายระบุต้องให้..นายอำเภอเป็นคนเซนต์อนุมัติ..
ทางนิตินัยอาจไม่สมบูรณ์..แต่ทางพฤตินัยไม่ทราบว่าสมบูรณ์แล้วหรือไม่..
ความไม่สมบูรณ์ที่กล่าวถึง..ถือเป็นความผิดทางกฏหมายใช่หรือไม่..
ผมต้องมีความผิดจากความไม่สมบูรณ์ดังกล่าว..ใช่หรือปล่าว..


แล้วจะมีช่องว่าง..อยู่ตรงที่..
กรณีตัดโอนต่างพื้นที่..
ถ้าตัดโอน..โดยขั้นตอนที่ชื่อของเจ้าของเดิมถูกตัดออกจากอำเภอของเจ้าของเดิมแล้ว..
แล้วเจ้าของใหม่ที่ซื้อปืนกระบอกที่ซื้อ..ดำเนินการยื่นเรื่องด้านเอกสารออกใบป.4ในท้องที่ของตนเอง..
ช่วงนี้จะมีระยะเวลาด้านเอกสาร..กรณีผม..อย่างเร็วไม่น่าจะต่ำจากสองอาทิตย์..
ระยะเวลานี้..ปืนควรอยู่กลับใคร..เพื่อจะไม่ให้มีความผิดทางกฏหมาย..
ถ้าอยู่กับเจ้าของเดิม...ก็น่าจะผิด..เพราะชื่อผู้ครอบครองถูกคัดออกแล้ว..
ถ้าอยู่กับเจ้าของใหม่..ก็น่าจะผิด..เพราะยังไม่ได้รับเอกสารใบป.4ที่เป็นชื่อของเรา..

แต่กับผม..ตอนนี้ไม่กังวล...
เพราะปืนกระบอกที่ว่า..อยู่ที่โรงพัก..!

หวังว่าเสร็จเรื่องแล้ว..
ตอนผมไปรับปืน..
สภาพของมัน..จะคงอยู่เหมือนสภาพ..ตอนถูกตรวจยึดนะครับ..
อะไหล่ของมัน..ก็ยังเป็นอะไหล่ของมัน..
ไม่ต้องการผู้หวังดี..มาช่วยอัพเกรด..ปืนให้ผมโดยที่ผมเองไม่รู้เห็นด้วย..

ไม่มีร่องรอยตอกโน่นตอกนี่..
บนตัวปืน..
ด้วยเหตุผลที่ว่า..
จะได้เป็นมงคลต่อตัวผู้ที่ครอบครอง..
หรือแก้ฮวงจุ้ยให้..จะได้เฮงๆ..

หรือมีร่องรอยการขูดขีดหรือรอยกระแทกเนื่องจาก..
การโยนปืนของผมไปรวมๆกับปืนของกลางกระบอกอื่น..

พูดไปน้ำตาจะไหลอีกแล้ว..
ขอยืนยัน..อีกทีว่า..
ผมไม่ติดข้องหมองใจในการปฏิบัติหน้าที่..ตลอดไปถึงดุยพินิจ..
ของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเลย..จริงๆ.. หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน



บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #54 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 07:47:37 PM »

นายสมชายเพิ่งเข้ามาอ่านครับ... ขอให้ความเห็นเรื่องฟ้องกลับฯ...

เป็นนายสมชายฟ้องกลับครับ... เรื่องที่ว่าจะทำให้เสียกำลังใจนั้น ไม่น่าเอามาพิจารณาครับ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้มีความเห็นส่งฟ้องฯ ในเรื่องก้ำกึ่งแบบนี้ แสดงว่าพฤติกรรมผู้มีอำนาจไม่ได้ขึ้นกับกำลังใจในการทำงานครับ แต่ขึ้นกับอารมณ์ตนเองเพื่อเอาใจผู้ที่ตนเองคิดว่ามีบารมีต่อตนเอง หากไม่ฟ้องกลับเกรงว่าเรื่องจะไม่จบง่ายครับ จบเรื่องนี้ก็จะมีเรื่องโน้นเข้ามาให้ปวดหัวไม่รู้จักจบ...

เดิมพันของการฟ้องกลับไม่ได้อยู่ที่ความสะใจนะครับ... แต่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ที่เกินอำนาจตามกฏหมายด้วยครับ...

ต้องขออภัยที่นายสมชายอายุน้อยกว่าท่าน จขกท. แต่ให้ความเห็นต่อผู้อาวุโสกว่านะครับ... คือนายสมชายเมื่อก่อนก็กลัวการเป็นความขึ้นศาลมาก แต่เมื่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ มีคดีกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานก่อสร้างติดพัน มีทั้งถูกฟ้อง ฟ้องแย้ง และเปิดฉากฟ้องก่อน... จึงพบว่าเมื่อใครก็ตามลากเราขึ้นศาลได้ แสดงว่าหมดความเกรงใจกันแล้ว หากแสดงอ่อนแอให้เห็นจะมีเรื่องตามมาไม่รู้จบครับ...

ตำรวจที่ทำงานโดยสุจริต จะไม่ลากประชาชนขึ้นศาลโดยง่ายๆ เพราะการลากขึ้นศาลแล้วหลุด แปลว่าเสียเครดิตตนเอง... และคดีที่หลุด จะโดนฟ้องกลับเสมอครับ หากอีกฝ่ายมือสะอาด...
เรื่องค่าเสียหายนั้น..ผมไม่คิดจะเรียกร้องครับ..
เพราะผมไม่ได้รับราชการเป็น..
ข้าราชการในการปกป้องรักษาไว้ซึ่งความสุขสงบของประชาชนในท้องที่..
จะได้คิดว่า..
เราจะเรียกรับผลประโยชน์ในเรื่องนี้เรื่องนั้นเท่าไหร่ดี..
จะอ้างถึงใครบ้าง..ถ้าอยากจะเรียกมากๆ..
อ้างนายดีมั๊ย..ต้องส่งนายด้วย..หรืออ้างอัยการดี..
นักการที่โรงพักล่ะ..เอามาประกอบด้วยดีปล่าว..
เจ๊แม่ครัว..ที่ขายข้าวมันไก่..ก็น่าจะไม่เลว..เอามารวมด้วย..
ให้ตัวละครดูเยอะๆ..จะได้เรียกได้แยะๆ..

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวจนได้...นายทศกัณฑ์!





บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #55 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 07:58:51 PM »


เบาลงได้แล้วละครับ ความเห็นออกทะเล หมดแล้ว 

ตามที่ จขกท. อยากทราบ  ก็ได้รับความกระจ่าง เป็นแนวทาง ไปแล้ว ..  Wink
บันทึกการเข้า

wag the black
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #56 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 08:45:39 PM »

ถามต่อคร๊าบบบบบบ..........

หากเป็นชิ้นส่วนอาวุธปืนเช่นลำกล้องและสไลด์  ที่เราเรียกว่าชุดประกอบลำกล้องอะไหล่  ถูกส่งมาทางไปรษณีย์แล้วถูกอายัด
หรือเป็นการหิ้วเข้ามากับบุคคลแล้วเดินไปมอบให้ศุลกากร.................ต่อมาศุลกากรนำออกประมูลขาย............5555555555
คนที่ประมูลได้มีเอกสารจากศุลกากรรับรอง 

ถามว่านำไปจดทะเบียนได้หรือไม่55555555555555
บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #57 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 09:50:02 PM »

ผมว่า การตรวจค้น หรือยึดปืน ถ้าทำโดยตำรวจชั้นประทวน บางทีอำนาจการตัดสินใจอาจไม่กล้า แต่ถ้านำของกลางส่งโรงพัก ซึ่งจะมีร้อยเวร หรือผกก.ซึ่งเป็นสัญญาบัตร น่าจะมีการวินิจฉัยเบื้องต้นได้ ไม่ใช่จับมาก็เอาแต่จะส่งฟ้องเพียงอย่างเดียว บางทีคนที่โดนฟ้องเขามีหน้าที่การงานที่ต้องกระทำ ไม่มีค่อยมีเวลาที่จะวิ่งไปโรงไปศาล อย่างนี้แหละ คนไทยถึงพยายามหลีกเลี่ยงการมีเรื่องถึงขึ้นโรงพัก หรือหลีกเลี่ยงการพบเจอกับตำรวจไปเลย
บันทึกการเข้า
ton68
เวลาอยู่ด้วยกันเหมือนไร้ค่าไม่รู้เป็นไง พอเธอจากไป...คิดถึงจังเลย
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 22
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 172



« ตอบ #58 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 11:05:52 PM »

ผมมาเติมให้นิดนึง
กรณี ป.๓ การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน โดยซื้อจากร้านปืน  หรือโอนรับโอนอาวุธปืนจากบุคคล

สาระสำคัญ อยู่ที่ ได้ัรับอนุญาตจาก นายทะเบียนอาวุธปืนแต่ละท้องที่ ฯ แล้วหรือยัง. 


ซื้อรับโอนจากบุคคล การครอบครองอาวุธปืนที่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีผลทันทีเมื่อท่านได้รับอนุญาต
ตามคำสั่งนายทะเบียน ที่ลงไว้ในคำ้ร้องขอรับโอน และเมื่อเสียค่าธรรมเนียม ๕ บาท แล้วนั่นแหละ
ส่วน ป.๓ นั้นเป็น เอกสารรับรอง เพื่อให้ท่านมีสิทธิจัดการตามนั้น

ส่วนเรื่องการตัดยอดจากต้นแหล่ง นั้น เป็นวิธีการทางธุรการ(ที่ไม่ต้องมีำคำสั่งอนุญาตเป็นการเฉพาะอีก) 
เพื่อควบคุมอาวุธปืน ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากนายทะเบียนอนุญาตไปแล้ว เป็นเรื่องของ นายทะเบียนอาวุธปืนฯ ๒ ท้องที่.. .

ส่วน ป.๓ ซื้อจากร้านปืน.  เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ให้กับร้านปืนไปแล้ว ท่านสามารถครอบครองอาวุธปืนกระบอกนั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ในเงื่อนไขว่า ร้านปืนจักต้องดำเนินการ เกี่ยวกับงานธุระการ ให้ได้ ป.๔ ตามมาด้วยให้เสร็จสิ้น
เป็นครรลอง ที่ต้องกระทำ ถ้าท่านไม่ซื้อตามกำหนดใน ป.๓  หรือร้านปืน ไม่จัดการ เพื่อออก ป.๔ ก็จะต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งโยงถึงเรื่องธุรกิจ ตามมาด้วย

ป.๔  นั้น เปรียบได้กับหนังสือสำคัญ เพื่อเป็นหลักฐานให้ผู้ ได้รับอนุญาตฯ ยึดถือไว้เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่
และเป็นหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ

ก่อนได้ รับ ป.๔  หรือ ป.๔ สูญหาย ก็ไม่ได้ทำให้การมีอาวุธปืนกระบอกโดยถูกต้อง นั้น ขาดลง..  Wink




ไหว้ถูกที่สุดเลครับ เยี่ยม
              อากใหเจ้าหน้าที่ๆที่ชอบใช้อำนาจแบบผิดๆและปัญญามีน้อย เขามาอ่านและหาความรู้จากเวปนี้จังครับ
              เพื่อเสริมสร้างปัญญา จะได้ไม่โดนใครเขาด่าเอาครับ คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #59 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2009, 11:15:50 PM »

เรื่องค่าเสียหายนั้น..ผมไม่คิดจะเรียกร้องครับ..
เพราะผมไม่ได้รับราชการเป็น..
ข้าราชการในการปกป้องรักษาไว้ซึ่งความสุขสงบของประชาชนในท้องที่..
จะได้คิดว่า..
เราจะเรียกรับผลประโยชน์ในเรื่องนี้เรื่องนั้นเท่าไหร่ดี..
จะอ้างถึงใครบ้าง..ถ้าอยากจะเรียกมากๆ..
อ้างนายดีมั๊ย..ต้องส่งนายด้วย..หรืออ้างอัยการดี..
นักการที่โรงพักล่ะ..เอามาประกอบด้วยดีปล่าว..
เจ๊แม่ครัว..ที่ขายข้าวมันไก่..ก็น่าจะไม่เลว..เอามารวมด้วย..
ให้ตัวละครดูเยอะๆ..จะได้เรียกได้แยะๆ..

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวจนได้...นายทศกัณฑ์!

คนละประเด็นครับ...

ค่าเสียหายฯ หมายถึงค่าเสียหายที่เราโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม ทั้งที่ผู้จับกุมควรจะรู้ตั้งแต่แรกว่า"ไม่น่าจะไปจับมา"... อย่างนี้เล็งเห็นผลแห่งการกระทำครับ...
การเล็งเห็นผลแล้วยังทำอีก แสดงว่ามีเจตนาไม่สุจริตตั้งแต่แรก ตรงนี้เป็นอาญาฯ... แต่ยังมีเรื่องแพ่งตามมาอีก เช่นค่าเสียเวลาต้องไปโรงพัก ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อันเกิดจากการนี้ และค่าเสียโอกาส ฯลฯ ต้องคิดต่อเองครับ หากอยากจะฟ้อง... ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับแม่ครัวขายข้าวมันไก่, ไม่เกี่ยวกับใครจะคอรัปชั่นเรียกเงินส่งนาย... นั่นคนละประเด็นครับ(ออกทะเล)...

นายสมชายมองเห็นอีกเรื่องนึงแล้วครับ... เรื่องที่ว่าหากเกิดเรื่องขึ้นศาล ทนายต้องเก่งจับประเด็น พยานต้องฉลาดไม่โดนยั่ว ไม่โดนหลอกล่อให้งับเหยื่อ ฯลฯ ...
หากฟ้องกลับต้องมีความพร้อมด้วยครับ หากไม่แน่นก่อนออกรบ มีสิทธิโดนสวนกลับแรงๆครับ...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.522 วินาที กับ 20 คำสั่ง