ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 18 กรกฎาคม 2552 พ.ต.อ.สุพจน์ บุญชูดวง ผกก.สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากกรณีคนร้ายใช้ก้อนหินปากระจกรถ บนถนนสายเอเซีย 41 ช่วง หลัก กม.ที่ 608 พื้นที่ ม.5 ต.บ้านควน ก่อนเรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนสายหลักที่มีผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า คาดว่าแก๊งดังกล่าวคงเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ที่มีพฤติกรรมเลียนแบบ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในบางจังหวัด จึงสั่งให้ชุดสืบสวนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด
พร้อมรวบรวมลายนิ้วแฝงบนก้อนหินและหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาล รวมทั้งสอบปากคำประชาชนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ
เพราะทราบเพียงว่าเคยมีเหตุเกิดขึ้น แต่ยังไม่เคยมีการแจ้งความ และยอมรับว่าเป็นห่วงความรู้สึกของประชาชนที่จำเป็นต้องผ่านเส้นทางสายนี้ใน ยามค่ำคืน
ด้าน นายประเนตร กนธวงศ์ พร้อมภรรยาคือ นางกาญจนา แปดทิศ และบุตรสาวคือ ด.ญ.ธิดารัตน์ กนธวงศ์ วัย 6 ขวบ ที่ประสบเหตุถูกคนร้ายปาหินใส่รถเมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคม 2552 ได้เดินทางกลับ จ.เพชรบุรีแล้ว
หลังได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บจากเศษกระจกและเศษก้อนหินที่กระเด็นเข้าไปในดวงตา
นายเชน จงจิตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการจัดส่ง บริษัท ศิริมงคลโลจิตติกส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีรถบรรทุกสิบล้อและรถบรรทุก 18 ล้อหลายคัน และที่ผ่านมาเคยถูกแก๊งปาหินบนเส้นทางดังกล่าวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
บางครั้งกระจกหน้ารถแตกจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ บางครั้งเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่ได้แจ้งความเพราะต้องรักษาเวลาในการส่งสินค้า จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ให้ได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้รถใช้ถนน
ด้านผู้จัดการโรงงานปาล์มน้ำมัน แห่งหนึ่ง(ขอสงวนนาม) ใน อ.หลังสวน กล่าวว่า ทราบจากพนักงานว่า เคยถูกคนร้ายปาหินเช่นกัน และตนเองก็เคยประสบเหตุ 2 ครั้ง หากตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายแก๊งนี้ได้ คงต้องหาทางป้องกันตนเอง ด้วยการใช้อาวุธปืนยิงสวนไปที่คนร้ายบ้าง
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์
อยากให้ไปอ่าน comment ข่าวที่เว็บนี้ อยากทราบว่าแต่ล่ะท่านมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
http://news.mthai.com/general-news/51728.html