นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ กล่าวถึง ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้าน วิดิทัศน์ พ.ศ....ซึ่ง ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ซึ่งร่าง กฏกระทรวงมีการห้ามเด็กนักดริ๊งในคาราโอเกะว่า จะต้องย้อนกลับไปดูกฏหมาย หลักคือ พ.ร.บ.สถานบริการ ว่าคาราโอเกะจดแจ้งไว้ในสถานบริการประเภทใดและ ได้กำหนดห้ามมีเด็กนั่งดริ๊งไว้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ห้ามและไม่เปิดช่องให้ออกคำสั่งไว้ ถือ ว่ามติ ครม. ที่มีขึ้นในครั้งนี้อาจไม่ชอบด้วยกฏหมาย ทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิของ ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ทั้งนี้ หากร่างกฏกระทรวงไม่ชอบด้วยกฏหมาย จะต้องมีการแก้ไขกฏหมายหลักเพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้
ด้านนายสันติ ปิติคาม อดีตประธานชมรมสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หากกฏหมายนี้บังคับใช้จะส่งผลกระทบตามมาหลายประการ โดยธุรกิจ คาราโอเกะทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง จะต้องปิดกิจการ เพราะต้องยอมรับว่า หากไม่มีเด็กนั่งดริ๊งคงไม่มีใครเข้า เมื่อปิดแล้วพนักงานนั่งดริ๊งในคาราโอเกะแต่ละ แห่งที่มีอยู่ 20 - 50 คน รวมทั่วเทศนับแสนคนจะต้องตกงาน
นายสันติ กล่าวว่า การใช้บริการของลูกค้าเป้นความพึงพอใจ ส่วนใหญ่ เป็นวัยทำงานที่ต้องการผ่อนคลาย ส่วนเด็กนั่งดริ๊งก็มีหน้าที่บริการรินเหล้าร้องเพลง เป็นเพื่อน ไม่ได้มีการขายบริการ เป็นงานสุจริต เด็กนั่งดริ๊งจำนวนไม่น้อยน่าเห็นใจ หลายคนเลือกเกิดไม่ได้จำต้องหารายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว การจำกัดสิทธิ ในการทำงานสุจริตของพวกเขาถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่ง
นอกจากผลกระทบดังกล่าวแล้ว ร่างกฏหมายฉบับนี้จะเป็นช่องทางให้ เจ้าหน้าที่รัฐหาผลประโยชน์ เพราะคาราโอเกะหลายแห่งลงทุนไปมากเป็นหลักสิบ ล้าน คงไม่มีใครยอมปล่อยให้เจ๊งง่าย ๆ เชื่อว่าผู้ประกอบการเหล่านี้จะยอมจ่ายให้ กับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อรักษาธุรกิจของตัวเองไว้
นายสันติ กล่าวว่า ร่างกฏกระทรวงดังกล่าวแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ที่ควร จะทำคือการจัดระเบียบเด็กคาราโอเกะที่มักจะยืนเรียกลูกค้าริมถนน รวมถึงออก มาตรการที่เข้มงวดอื่น ๆ พร้อมทั้งบังคับใช้อย่างจริงจัง ทั้ง สั่งปิด ยึดใบอนุญาต ชั่วคราวและถาวร อย่างไรก้ตามในฐานะผู้ประกอบการ หากร่างกฏกระทรวงบังคับใช้ ขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบออกมารวมตัวกันยื่นศาลปกครอง
ผมว่างานนี้กระเทือน.. คนร้องเพลงคาราโอเกะ...โดยเฉพาะเพลงคู่ ที่ไม่มีสาวๆไปด้วย...ถ้าเป็นเมื่อก่อนรวมผมด้วยแน่นอน....

เท่าที่ตามข่าวดู.. ผมยอมหน้าแตก..

ผมว่าตามข่าวที่อ้างจาก อาจรย์สอนกฎหมายข้างต้น และผู้ประกอบการธุรกิจ ผมว่าคงมีการเข้าใจผิด โดยเฉพาะอาจารย์คนข้างต้น
น่าจะชัดเจนและให้ข้อมูลออกมามากกว่านี้ สำหรับการออกมาให้ข่าวในแง่ของกฎหมาย โดยส่วนตัวผมล่ะคนหนึ่งที่อคติ อาจารย์ที่สอนกฎหมายในมหาวิทยาลัยนี้หลายคน..
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจนั่น ผมไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว พวกทำธุรกิจแนวนี้ส่วนใหญ่พอมีปัญหาเมื่อไร? อ้างความชอบธรรม ทำเป็นเห็นใจและนึกสงสารผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าคนอื่นทุกที
เอาไงแน่2กระทรวงนี้

....................................
สำหรับกรณีการควบคุมร้านคาราโอเกะที่ห้ามมีเด็กนั่งดริ๊ง ที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าอยู่ในส่วนความรับผิดชอบของวธ.นั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะกฎหมายที่ดูแลร้านคาราโอเกะมี 2 ฉบับ ฉนับแรกอยู่ในการดูแลของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการควบคุมร้านคาราโอเกะที่มีสาวนั่งดริ้ง ส่วนฉบับที่วธ.ดูแลจะควบคุมเฉพาะคาราโอเกะหยอดเหรียญตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารทั่วไปที่ไม่มีสาวนั่งดริ้ง ซึ่งขณะนี้ ผมได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.)สำรวจจำนวนร้านคาราโอเกะที่อยู่ในความดูแลของวธ.ว่า มีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อจะได้ดำเนินการจัดระเบียบต่อไป รมว.วัฒนธรรม กล่าว จากข้างต้น ทางกระทรวงวัฒนธรรม เขากล่าวไว้ถูกต้องแล้วครับ เพราะว่ากฎหมายที่ใช้ควบคุม คาราโอเกะ ในปัจจุจุบันนี้มีกฎหมายที่ใช้อยู่ 2 ฉบับ คือ
" - พระราชบัญญัติ ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ " ( http://movie.culture.go.th/Portals/0/download/p51.pdf ) เป็นอำนาจของ
รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งประเด็นที่ กล่าวถึงคือข้างล่างนี้
วีดิทัศน์ หมายความว่า วัสดุที่มีการบันทึกภาพ หรือภาพและเสียงซึ่งสามารถนำมาฉายให้ เห็นเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องในลักษณะที่เป็นเกมการเล่น
" คาราโอเกะ " ที่มีภาพประกอบ หรือลักษณะอื่นใดตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
พูดง่ายๆส่วนใหญ่ก็ประเภท ตู้/ห้องคาราโอเกะ ที่หยอดเหรียญ ตามห้างโดยเฉพาะ หน้าลานโบว์ลิ่ง นั่นแหล่ะครับ
...........................................................
.........
ส่วนร้านคาราโอเกะ ที่พวกเราและหลายท่านชอบไปนั่งจะร้องหรือจะอย่างไร?ก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่ จะขออนุญาตโดยใช้
" -พระราชบัญญัติ สถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙" ( http://www.kodmhai.com/m4/m4-19/h25/M1-30.html ) ซึ่ง เป็นอำนาจของ
รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และมีการแก้ไขคำนิยามใหม่ ตาม "พรบ.สถานบริการฉบับที่ ๔ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๖ " (
http://www.kodmhai.com/25462550/254625501/56-1-23.html#3 ) ซึ่งประเด็นที่ กล่าวถึงคือข้างล่างนี้
"สถานบริการ" หมายความว่า สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์ในทางการค้า ดังต่อไปนี้
.......
(4) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายหรือให้บริการ โดยมีรูปแบบอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) มีดนตรี การแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิงและยินยอม หรือปล่อยปละละเลยให้นักร้อง นักแสดง หรือพนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้า
(ข)
มีการจัดอุปกรณ์การร้องเพลงประกอบดนตรีให้แก่ลูกค้า โดยจัดให้มีผู้บริการขับร้องเพลงกับลูกค้า หรือยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้พนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้า ...........................................................
.........
เมื่อคืนฟัง รมว. กระทรวงวัฒนธรรม ก็พูดไม่ชัดและฟังยัง งง ๆ อยู่ เลยลองหาข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกัน ....ลองดูครับว่าผมเข้าใจถูกต้องไหม?
เพราะงานนี้ถ้าเข้าใจถูกไม่กระเทือนเลยครับ แต่ถ้าเข้าใจผิด คงกระเทือนหนักแน่ ๆ ...