เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 28, 2025, 02:44:00 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมต้อง ..เรียบร้อยโรงเรียนจีน  (อ่าน 12721 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สหายแป๋ง คนดง
ถึงตัวเจ้าจะจากไปแต่ชื่อและความดีของเจ้าจะอยู่ในใจพี่เสมอ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2284
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 53136


ป่าสร้างคนแต่คนกลับสร้างป่า ด้วยลมปาก


« ตอบ #60 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2009, 12:11:31 PM »

กางเกงลิง....เพราะมันไปห้อยอยู่บนลาว........อิอิ

    ขำก๊าก ขำก๊ากห้อยอยู่บนราวครับราว  ไม่ใช่ลาว  ถ้าห้อยอยู่บนลาวแสดงว่า
ลาวอย่างผมถอด................ลายลูกไม้นะไม่ใช่จ๊อกกี้  คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

รักชาติ  ศาสน์  กษัตริย์ 
ยืนหยัดในความเป็นไทย


  เกิดเป็นเซื้อซาดแฮ้ง  อย่าเหม็นสาบกุยกัน.......
  ข้าราษฎรประจำไทยควรคำนึง
http://www.youtube.com/watch?v=gM1D0xIwLVo
ต้นคระกูลไทย
http://www.youtube.com/watch?v=
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #61 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2009, 12:13:09 PM »

กางเกงลิง....เพราะมันไปห้อยอยู่บนลาว........อิอิ

    ขำก๊าก ขำก๊ากห้อยอยู่บนราวครับราว  ไม่ใช่ลาว  ถ้าห้อยอยู่บนลาวแสดงว่า
ลาวอย่างผมถอด................ลายลูกไม้นะไม่ใช่จ๊อกกี้  คิก คิก คิก คิก คิก คิก

ของปู่น่ะสมัย  แอ็บเปิ้ลสีรุ้ง   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #62 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2009, 01:20:17 PM »

เออ....ปล่อยให้ผมได้ทำงานบ้างเถิดก๊าบบบบบบบบ..........................
ขอบคุณก๊าบบบบบบบบบบ....

เถ้าแก่เค้าจะไล่ป๋ม  ไปนั่งหน้าลิฟท์ อยู่แล้วก๊าบบบบบบบบบบ.............
ไม่เอา อะ อยากรู้ อะ นะ นะ พี่ 51 คนดี๊ คนดี จูบบบบ

เถ้าแก่ เค้าจะให้ป๋ม  ไปคอยตรวจบัตรหน้าลิฟท์ อยู่แล้ว
ได้โปรดเถิดกั๊บ...ท่านปลัดขิก  คริ คริ
หัวเราะร่าน้ำตารินตอบแบบนี้เดี๋ยวอีนังกวางมันมาเติมคำว่า ขิก ต่อจาก ฯ แน่ ๆ พี่ หัวเราะร่าน้ำตาริน

  ตามคำเรียกร้อง   ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
ตูไม่น่าจุดธูปเรียกมันมาเลย หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #63 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 07:37:37 AM »

ทำไมต้อง "ผู้หญิงยิงเรือ" ครับ?

เอ่อ นั่นดิครับ ผู้ชายพายเรือ ด้วย  Grin

เข้ามาบวก ๑ ให้พี่อับดุล เอ้ย แมลงวันหัวเขียวก่อน ชม.นี้  หัวเราะร่าน้ำตาริน


สำนวนนี้ ไปค้นมาแล้ว มี๒ ความเห็นนะครับ ตามนี้เลย

สำนวนผู้ชายพายเรือ  ผู้หญิงยิงเรือ  นี้ท่านขุนวิจิตรมาตรา  ได้อธิบายไว้ว่า  ใช้ได้อีกอย่างหนึ่ง (ซึ่งจะพบได้ในหนังสือเก่า ๆ หรือหนังสือสมุดไทย) ว่า ผู้ชายรายเรือ  ผุ้หญิงริงเรือ   และเข้าใจว่า  แต่ก่อนคงใช้กันว่า "ผู้ชายรายเหรื่อ" เหรื่อในคำนี้ก็เป็นคำเดียวกับแขกเหรื่อที่ยังมีใช้อยู่ในปัจจุบัน   แขกเหรื่อ แปลว่า คนแปลกหน้า  ผู้ชายรายเหรือ จึงหมายถึง ผู้ชายแปลกหน้า  ให้พึงระวังการคบหาไว้ 
ส่วนคำว่าราย ในรายเหรื่อ แปลได้สองความหมายคือ
1.คือ คำระบุว่า รายนั้น  รายนี้  รายเหรื่อจึงหมายถึง  รายที่แปลกหน้ามา
2.ราย  เป็นเพียงคำสร้อยเสริมบท  เช่น ถนนรนแคม    ไปค้างอ้างแรม 

ส่วนคำว่าผู้หญิงยิงเรือนี้ท่านขุนวิจิตรมาตรา  ได้อธิบายว่าเป็นคำที่เกิดขึ้นที่หลัง  เป็นผู้หญิงริงเรือ  ให้เข้ากับผู้ชายพายเรือ  แล้วต่อมาเพี้ยนเสียง เป็น ผู้หญิงยิงเรือ  ให้เข้าคู่เสียงกัน

...++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ผู้ชายพายเรือ

ภาพของการพายเรือลดเลี้ยวไปตามลำคลองสายต่างๆ

แวะบ้านโน้นบ้าง แวะบ้านนี้บ้าง

แทะโลม แทะเล็ม ล่องลอย รื่นรมณ์ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เพราะพายเรื่อยๆเหนื่อยก็หยุด

กระหายน้ำก็แวะขอน้ำดื่มจากสาวๆ ริมฝั่งคลอง


ผู้หญิงยิงเรือ...

ภาพผู้หญิงถือปืน...แต่ไม่ได้แบกปูนไปโบกตึก

ใช้เรือที่ผ่านมาเป็นเป้ากระสุน...อยากได้ลำไหนก็ยิงให้โดน

ในเมื่อผู้ชายพายเรือ ผู้หญิงก็มีหน้าที่เดียวคือ ซุ่มยิง

ลองพายผ่านไปสิ...ถ้าแม่ไม่ให้ผ่าน

จะทำทุกวิถีทางให้เรือล่มจนได้


เกิดคำถามว่า...

ผู้ชายพายเรือ...กับ...ผู้หญิงยิงเรือ ไหนร้ายกว่ากัน ?

ผู้ชายพายเรือ...พอใจผู้หญิงบ้านไหนก็หยุดชม

ผู้หญิงยิงเรือ...พอใจเรือลำไหนก็หยุดยิง

ดูไปดูมา...ผู้หญิงดูจะหน้ากลัวกว่าเป็นไหนๆ

ผู้ชาย...อาจเหมือนเสือที่คอยจ้องจะตะปบเหยื่ออย่างใจเย็น

แต่ผิดกับผู้หญิง...

ลองเห็นเหยื่อเมื่อไร กระโดดกัดกกหูได้ทันที

ยิ่งสมัยนี้ยิ่งแล้วใหญ่...

รอให้ผู้ชายมาจีบ...ช้าไม่ทันใจ...แจกเบอร์เลยไวกว่า

ฉันเลยอยากจะบอกผู้ชายทุกคนว่า...

ผู้ชายมักคิดว่า...เราเป็นคนพายเรือ

จะบังคับเรือไปทางทิศไหนก็ได้

แต่ก็อย่าชะล่าใจ...

เพราะอย่าง ๆ เมื่อลงไปอยู่ในวังวนของสายน้ำแล้ว

สายน้ำ...ก็ไม่นิ่งเท่าสายตาที่กำลังจับจ้องอยู่

เท่าที่รู้...คามต้องการของมนุษย์

ทำให้นุษย์จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้นานเสมอ

อย่าประมาทความอ่อนหวานของผู้หญิง !

ไม่ใช่เพราะผู้หญิงหรอกหรือ...

ที่ทำให้ผู้ชายหลายคนจมอยู่ใต้น้ำมานักต่อนักแล้ว

ผู้ชายเป็นเจ้าของเรือก็จริงนะ...

แต่ในวังวนของ ความรัก ก็สำลักกันได้ทุกคน !


จากหนังสือ ทำไมโลกชอบเล่นตลกกับเรา ?


ฺฺฺBy ว. แหวน


สำนักพิมพ์ ไยไหม


....................+++++++++++++++++++++++++++++++++++

จะเชื่อข้อมูลไหนดีหนา  ไหว้ ไหว้ Grin Cheesy



















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 08, 2009, 07:41:13 AM โดย สมิงดำ » บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #64 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 07:48:11 AM »

Grin Grin Grin  ง่า..ขออนุญาตสอบถามเพิ่มเติมครับว่าทำไมค้อง" ดำตับป็ด " ด้วยครับ

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน 
   
 
ตับเป็ด
 
ตับเป็ด ๑
ความหมาย

น. ชื่อหินชนิดหนึ่งสีดํา เนื้อแข็ง, เรียกสีดําเจือแดงว่า สีตับเป็ด หรือ ดําตับเป็ด.

 
 
 
 
ฮ่ๆ ไปค้นมาอีกและ  Grin ดำตับเป็ด น่าจะมาจาก ตับเป็ดเป็นหินชนิดหนึ่งมีสีดำ  เลยเรียกว่าดำคล้ายหินตับเป็ดซะเลย
บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #65 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 07:58:46 AM »

ทำไมเรียกนักเต้น วงดนตรีว่า ..หางเครื่อง.. Grin



ส่วนอันนี้ถามเอง ค้นเอง ตอบเองว่า  Cheesy

หางเครื่องถือกำเนิดในวงดนตรีลูกทุ่งมานาน เมื่อเกิดวงดนตรีเพลงลูกทุ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น นักร้องเพลงลูกทุ่งทั้งหญิงและชายแต่งตัวอย่างบ้านนอก บอกลักษณะลูกทุ่งแท้ ต่อมาจึงค่อยเปลี่ยนมาแต่งกายแบบตะวันตก ด้านหลังนักร้องก็จะมีหญิงสาวมาเต้นประกอบตามจังหวะเพลง ดูคล้ายเต้นระบำ สมัยนั้นมีผู้เต้นเพียงสองคนเท่านั้น
..........คำว่า “หางเครื่อง” สันนิษฐานว่าแต่เดิมมาจากสำนวนว่า “เขย่าหางเครื่อง” กล่าวคือในขณะที่นักร้องออกมาร้องเพลงบนเวที จะมีคนออกมาตีฉิ่ง ฉาบ กรับ ไม้ต๊อก และเคาะลูกแซ๊กอยู่ข้างหลังนักร้อง ใกล้กับพวกนักดนตรี ทำให้จังหวะเพลงเด่นชัด มีความไพเราะและสนุกสนานมากขึ้น ดังนั้นคำว่า “หางเครื่อง” ในที่นี้จึงหมายถึง เครื่องให้จังหวะดนตรี ดังกล่าวข้างต้น มิได้หมายถึงคนเต้นประกอบเพลงดังความหมายปัจจุบัน

.ในตอนแรก ผู้ที่ออกมาเขย่าหางเครื่องก็มีทั้งหญิงและชาย ไม่ได้เป็นคณะหรือมีรูปแบบตายตัว บางครั้งก็เป็นตัวตลกประจำวง บางครั้งก็เป็นนักร้องประจำวง ต่อมาจึงวัฒนาการขึ้นใช้ ผู้หญิงสวย ๆ ออกมาเขย่าหางเครื่อง แต่ก็ยังไม่ออกลีลาเต้น เพียงเดินให้เข้ากับจังหวะเพลงเท่านั้น เพลงส่วนใหญ่จะมีจังหวะบีกิน ช่าช่าช่า โบเลโร่ และรำวง การแต่งกายก็ไม่เหมือนกัน บางคนสวมชุดกระโปรงยาว บางคนสวมชุดกระโปรงสั้น สุดแล้วแต่เจ้าตัวจะซื้อหามาใส่กันเอง
..........ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๙–๒๕๑๐ ผู้ที่ออกมาเขย่าหางเครื่องประกอบจังหวะการร้องเพลงลูกทุ่งมีจำนวนเพิ่มเป็น ๔-๗ คน มีทั้งคณะผู้หญิงและคณะผู้ชาย จะแต่งกายเหมือนกันทั้งคณะ บางครั้งก็แต่งกายเหมือนนักร้อง อย่างไรก็ตามจะแต่งกายชุดเดียวตลอดการแสดงแต่ละครั้ง ไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายหลายชุดดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน วงดนตรีที่มีการเต้นเขย่าหางเครื่องประกอบที่กล่าวขวัญถึงกันในยุคนี้ได้แก่วงของสุรพล สมบัติเจริญ และวงของสมานมิตร เกิดกำแพง

ลีลาการเต้นและการแต่งกายของผู้เต้นประกอบจังหวะเพลงฟู่ฟ่ามากขึ้นทุกที โดยพัฒนามาจากการเต้นระบำฝรั่งเศสของฟอลลี่ แบร์แช (Folies Bergeres) และการเต้นโมเดิร์นด๊านซ์ (Modern Dance) นับตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗ “ จะพบว่าผู้ที่ออกมาเต้นเลิกถือ ฉิ่ง ฉาบ กรับ ไม้ต๊อก หรือลูกแซ๊กแล้ว ในช่วงนี้คำนี้ “หางเครื่อง” แปรเปลี่ยนมาเป็นบุคคลที่เต้นประกอบเพลงและจำนวนผู้เต้นก็มีมากขึ้น ในวงดนตรีของศรีนวล สมบัติเจริญ ซึ่งดำเนินกิจการต่อจากสามีที่ถูกลอบสังหารชีวิต ปรากฎว่าจัดผู้เต้นระบำประกอบเพลงโดยใช้ผู้เต้นประมาณ ๑๐ คน และลีลาการเต้นก็เป็นแบบระบำฮาวายของตะวันตก
..........หลังจากนี้ การแข่งขันด้านหางเครื่องระหว่างวงดนตรีลูกทุ่งเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งจนบางครั้งต้องมีนายทุนเข้าไปมีส่วนในการตั้งวงดนตรี และการจัดการแสดงอยู่หลายวง เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง ในการแสดงดนตรีของวงใหญ่ ๆ จะมีหางเครื่องเต้นประกอบทุกเพลง และเปลี่ยนชุดแต่งกายทุกเพลง จำนวนผู้เต้นแต่ละเพลงมีประมาณ ๑๕–๑๖ คน แต่ถ้าเพลงเอกผู้เต้นจะเพิ่มเป็น ๓๐–๓๕ คน วงดนตรีลูกทุ่งวงใหญ่จะมีหางเครื่องในสังกัดของตนเองประมาณ ๔๐–๖๐ คน ถ้าเป็นวงเล็กมีเงินทุนน้อย จะใช้วิธีจ้างหางเครื่องมาแสดงเป็นงานไป จึงเกิดอาชีพผู้ฝึกซ้อมรีวิวการเต้นของหางเครื่องไว้รับจ้าง
..........หางเครื่องมักแต่งกายด้วยผ้าสีสด เช่น สีแดงสด ฟ้า เขียว ชมพูสด เหลืองจำปา สีทอง สีดำ เนื้อผ้ามักเป็นผ้าเนื้อนุ่มพลิ้ว ปักเลื่อม ประดับสายสร้อย กำไล ตุ้มหู และดอกไม้ ส่วนผู้ชายมักสวมรองเท้าบู๊ต
..........ในแง่ศิลปะ หางเครื่องซึ่งลอกเลียนมาจากตะวันตกไม่น่าจะเข้ากันได้กับการแสดงเพลงลูกทุ่ง แต่ในแง่ธุรกิจผู้ที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งต่างยอมรับว่าหางเครื่องเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ผู้ชมเคยชินและชื่นชอบกับการชมหางเครื่องประกอบการแสดงเพลงลูกทุ่ง หางเครื่องเป็นสิ่งที่ทำให้เพลงลูกทุ่งต่างจากลูกกรุง ผู้ชมก็ตื่นตาตื่นใจกับเสื้อผ้าและลีลาการเต้นของหางเครื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อการแข่งขันด้านหางเครื่องไม่มีขีดจำกัด วงดนตรีลูกทุ่งบางวงก็เลิกราไปเพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ในปัจจุบันเมื่อเพลงลูกทุ่งซบเซาลงไปกว่าแต่ก่อน ความวิจิตรตระการตาของหางเครื่องก็ลดน้อยลงไปด้วย


 Grin Grin
บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #66 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 08:00:21 AM »

อีกข้อที่ยังสงสัย ว่าทำไมเรียก ว่า ..ร้อนตับแตก / ร้อนตับแลบ ..
ร้อน กะเพาะแตก  ร้อนไต ม้าม อัณฑะ แตก ไม่ได้เหรอ  Grin Grin
บันทึกการเข้า
khwanphet_NAVY 39
Hero Member
*****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 2035


« ตอบ #67 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 08:44:51 AM »

อีกข้อที่ยังสงสัย ว่าทำไมเรียก ว่า ..ร้อนตับแตก / ร้อนตับแลบ ..
ร้อน กะเพาะแตก  ร้อนไต ม้าม อัณฑะ แตก ไม่ได้เหรอ  Grin Grin
........................ ขำก๊าก..........................สงสัยเหมือนกันครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #68 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 09:19:03 AM »

ก็...ผมคาดว่า   ท่านหมิง....มีคำตอบอยู่แล้วนี่ครับ....คริ คริ
บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #69 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 02:01:36 PM »

ก็...ผมคาดว่า   ท่านหมิง....มีคำตอบอยู่แล้วนี่ครับ....คริ คริ

บวกอีก ๑ รอบที่ ๓   Cheesy Grin Grin  คำนี้ค้นหาแล้วไม่เจอครับท่าน 51 ร้อนตับแลบ / ร้อนตับแตก  Shocked

ถามท่าน 51 อีกข้อครับ  ว่า  คำว่าเจ้าชู้ประตูดิน  ..
ทำไมบอก เจ้าชู้ ก็รู้ความหมายแล้ว  ..ต้องไปเติมคำว่าประตูดิน เข้าไปอีก .  ไหว้ Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 08, 2009, 02:03:21 PM โดย สมิงดำ » บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #70 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 08:53:13 PM »

ประตูดินวังหลวง คือประตูศรีสุดาวงศ์
เป็นประตูเข้าออกของฝ่ายใน ที่มิใช่เจ้านาย
และสำหรับออกไปสู่เขตถนน  ที่อยู่ระหว่างกำแพงชั้นกลางกับชั้นนอก

ซึ่งบริเวณนี้ ว่าเป็นที่ชุมนุมของพวกชาววัง   เวลาออกไป "อุโมงค์" หรือ "ศรีสำราญ"
ดังที่ในหนังสือเรื่อง "สี่แผ่นดิน" ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช บรรยายไว้
บรรดาบุรุษส่วนมากข้าราชการหนุ่ม ๆ มักจะมาคอยเกี้ยวพาราสีหรือดูตัวหญิงชาววัง  กันที่นี่

คำว่า เจ้าชู้ประตูดิน ใช้กันมานานแล้ว ที่ต้องเป็นคำต่อว่า  ประตูดิน
ก็เพราะ  ประตูดิน  ในที่นี้     คือประตูศรีสุดาวงศ์ในพระบรมมหาราชวัง
เป็นประตูทางเข้าออกเขตชั้นใน      ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาหญิงชาววัง
ซึ่งผู้ชายเข้าไม่ได้   หนุ่ม ๆ ที่อยากดูสาวชาววัง
ก็ต้องรอตอนสาวชาววัง    ออกมาจับจ่ายซื้อหาข้าวของนอกประตู   ถึงจะได้เห็น
 
แต่จะไปเกี้ยวแบบเดินไปขอเบอร์แบบเดี๋ยวนี้  ไม่ได้     เพราะจะมีคนมาเฝ้า
และที่หน้าประตูก็มีโขลน หรือตำรวจวังด้วย
สุ่มสี่สุ่มห้าเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปจีบ ไม่ได้

คราวนี้  พอสาวชาววังออกมา หนุ่ม ๆ ก็จะไปคอยดักดูอยู่แถวหน้าประตูดิน  ที่ว่านี่แหละ
หวังจะทำความรู้จักด้วย   จึงเป็นที่มาของคำว่า   เจ้าชู้ประตูดิน   นั่นเอง
แถมบางครั้ง มีสร้อยคำต่อท้ายด้วยว่า "เจ้าชู้ประตูดิน หมูหมาเกี้ยวสิ้นไม่เลือกหน้า"





และในสมัยรัชกาลที่ 2 เกิดสำนวนว่า "เจ้าคุณประตูดิน"
สำนวนนี้มาจากท้าวศรีสัจจา (มิ) ซึ่งเป็นผู้ว่าการฝ่ายในพระราชวัง
ที่มีฉายาเรียกกันว่า "เจ้าคุณประตูดิน"  เห็นจะเป็นเพราะที่นั่งเป็นประจำของท่าน
คือ  ตรงประตูดินข้างภายใน คอยดูแลคนเข้าออก และคงจะเป็นที่เกรงขามของบรรดานางใน

จนกระทั่งมีเนื้อร้องเพลงเต่าเห่เมื่อครั้งรัชกาลที่ 3  เอ่ยถึงท้าวศรีสัจจา (มิ) ผู้นี้ว่า

“เย็นเอยเย็นย่ำ จะค่ำลงแล้วอยู่รอนรอน

สาวน้อยน้อยพากันจร ไปเก็บดอกแก้วเล่นเย็นเย็น

......ฯลฯ...... ......ฯลฯ......

......ฯลฯ...... ......ฯลฯ......

โขลนคนหนึ่งจึงร้องห้าม ที่พวงงามงามอย่าเด็ดไป

ห้ามแล้วหาฟังไม่ จะไปเรียนเจ้าคุณประตูดิน”

บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #71 เมื่อ: สิงหาคม 08, 2009, 09:09:45 PM »

กรณีของตับแตก ตับแลบ นั้น  หมายถึงการใช้ โวหารภาพพจน์ 
โวหารภาพพจน์  คือ สำนวน หรือการใช้ภาษาที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึก  หรือมโนภาพ
มีหลายกลวิธี เช่น  การใช้โวหารในลักษณะของ อธิพจน์ (hyperbole) คือ

การเปรียบเทียบเกินความจริง ในบางครั้งการใช้ภาษากล่าวเกินความจริง
จะสามารถสื่อสารความหมายได้  ตรงกับความคิดและอารมณ์ความรู้สึกจริง ๆ เช่น
เมื่อเราหิวมาก ถ้าเราบอกว่า "หิวมาก"  อาจสื่อได้แค่  ข้อเท็จจริง

แต่ถ้าเราบอกว่า "หิวไส้จะขาด" จะสืออารมณ์ความรู้สึกของผู้พูดได้ด้วย
เราจะเห็นได้ว่า   การเปรียบเทียบเกินจริง นั้น   มีใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น
"แหมรีบแทบตายกว่าจะเสร็จ" "คอยเป็นชาติแล้วนะ" "ร้อนตับแลบ"
"งานนี้รับรองหืดขึ้นคอ" "อย่างเธอน้ำทะเลยังเรียกพี่" เป็นต้น


ส่วนที่มาของ ตับแลบ นั้น
น่าจะมาจาก อาการกระพือเสื้อขึ้น ลง   เวลาระบายความร้อน
และเสื้อเลิกขึ้นไปสูงถึงชายโครง
ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ นั่นเองครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 08, 2009, 09:14:46 PM โดย แมลงวันหัวเขียวตัวน้อย ๆ ลอยตุ๊บป่อง ๆ ในหม้อแกงเขียวหวานไก่ » บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #72 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2009, 06:57:57 AM »

กระจ่างแจ้งเลยครับ พี่แมลงวันตัวน้อยๆ ฯ  + ให้อีกรอบที่เท่าใด๋ ก็จำไม่ได้แล้วครับ .. Cheesy Grin เยี่ยม หลงรัก ไหว้
บันทึกการเข้า
บุนหลาย-รักในหลวง
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 69


« ตอบ #73 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2009, 08:42:45 AM »

+1 พี่สมิงดำ +1 พี่ 51
บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #74 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2009, 01:23:45 PM »

+1 พี่สมิงดำ +1 พี่ 51

+ คืนให้คุณกังวานไกล และ+เพิ่มให้พี่ ๕๑  หลงรัก Wink Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.101 วินาที กับ 21 คำสั่ง