เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 11, 2025, 07:11:07 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะพี่ๆ ในการตั้งสโลแกนหน่อยครับ  (อ่าน 9504 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 02:39:47 PM »

สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม.)  เดิมใช้  "มีภัย มีเรา" 199

อยากขอคำเสนอแนะพี่ๆ เพื่อใช้ในการปรับปรุง สโลแกนหน่อยครับ และนำไปใช้ในการติดข้างรถดับเพลิง และรถกู้ภัย ของ สปภ.กทม. อยากให้เป็นคำขวัญที่อ่านแล้วติดตา ตรึงใจ

และแยกประเภทของเหตุที่เกิดได้ชัดเจนครับเหตุเพลิงไหม้ อุบัติเหตุสารเคมี เรือล่ม อุบัติเหตุทางน้ำ สัตว์มีพิษ ช่วยเหลือสัตว์ โทรมา 199 ส่วนเหตุ  ปล้น ฆ่า  เหตุวิ่งราวต่างๆ  ให้แยกไป เหตุด่วน เหตุร้าย 191 เพราะส่วนใหญ่เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ใน กทม. ประชาชนจะโทรไปที่ 191

ไม่โทรมา ที่ 199 ตรงนี้เสียเวลาในการ  ส่งข่าวอีกหลายนาที ทำให้คลี่คลายสถานการณ์ล่าช้า  ขอบพระคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ไหว้ ไหว้



 

บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 02:40:58 PM »

วิสัยทัศน์
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการสาธารณ-ภัยกรุงเทพมหานครให้เข้มแข็ง โดยมีวิสัยทัศน์ คือ
                             
                                 ประสานเครือข่าย เน้นการมีส่วนร่วม มุ่งการป้องกัน เชี่ยวชาญการบรรเทา

 ในการสร้างระบบบริหารจัดการสาธารณภัย ที่นำไปสู่วิสัยทัศน์ที่พึงปรารถนา มีหลักการดังนี้

1. ในขณะเกิดเหตุใช้ระบบการบัญชาการเหตุการณ์ (Incident Command System) หรือ ICS โดยมีผู้บัญชาการเหตุการณ์เพียงคนเดียว (Incident Commander หรือ IC)
2.  มีการดำเนินงานตั้งแต่การป้องกัน การบรรเทา และการฟื้นฟู โดยเน้นการป้องกันมิให้ภัยเกิดเป็นหลัก
3.  ปฏิบัติงาน เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์และเป็นที่พึงพอใจของประชาชน
4.  ประสานงาน ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชน
5.  ผู้นำชุมชนต่าง ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
6.  ฝึกอบรมบุคลากร ให้มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ
 
พันธกิจ

ลดความเสี่ยงและความเสียหายด้านอัคคีภัยและสาธารณภัยต่าง ๆ ที่มีต่อชีวิต ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรการในการป้องกัน พัฒนาขีดความสามารถในการจัดการให้ภัยยุติลง โดยเร็ว ตลอดจนช่วยเหลือและฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ประสบภัยให้กลับคืนสู่สภาพปกติ

 เป้าประสงค์
1. ให้สาธารณภัยในกรุงเทพมหานครลดลง
2. ดำเนินการระงับ บรรเทา ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
3. ให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร
4. ให้ประชาชนมีจิตสำนึกในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 

บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 02:41:18 PM »

ประวัติและความเป็นมา

สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(กองตำรวจดับเพลิง กองบังคับการตำรวจดับเพลิงเดิม)
               งานป้องกันและระงับอัคคีภัยสำหรับประเทศไทย ได้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กล่าวคือ ในรัชสมัยพระราชาธิราช ประมาณ พ.ศ. 2057 – 2071 ได้จัดให้มีหมู่เวรยามรักษาการณ์ระวังภัย มีทั้งการสอดแนมระวังผู้ที่มารุกราน การก่อวินาศกรรม และวางเพลิงเผาเมืองประจักษ์พยานที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือ การตั้งหอกลอง ขึ้นภายในกำแพงพระนคร สูงประมาณ 1 เส้น หอกลองที่สร้างขึ้นในสมัยนั้น มีอยู่ 3 ชนิด คือ
                1. กองมหาฤกษ์ ใช้ตีเมื่อเวลามีข้าศึกหรือเกิดจลาจล มีขบถขึ้นกลางเมือง
                2. กลองพระมหาระงับดับเพลิง ใช้ตีเมื่อเวลาไฟไหม้ในกำแพงเมืองให้ตี 3 รา ไหม้นอกกำแพงเมืองพนักงานจะตีกลองเป็นจังหวะสม่ำเสมอไปจนกว่าไฟจะดับ
                3. กลองพระทีพาราตรี ใช้ตีบอกเวลาย่ำรุ่งและย่ำค่ำ  กลองทั้ง 3 ชนิดนี้ ในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้เปลี่ยนเสียใหม่เป็นกลองนำพระสุริยศรี กลองอัคคีพินาศ และกลองพิฆาตไพรีเพิ่งมาเลิกใช้กลองในสมัยรัชกาลที่ 5 นี่เองเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ร.ศ.124 (พ.ศ.2456) จอมพลพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงนครชัยศรีสุระเดช ขณะนั้น ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาการกรมยุทธนาธิการ ได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน จัดวิธีการปกครอง และระเบียบการทหารบกใหม่ต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ว่าจะต้องจัดตั้งขึ้นเป็นแผนกหนึ่งกรมหนึ่งต่างหากฝึกหัดคนได้เฉพาะหน้าที่ให้คล่องแคล่วและมีหน้าที่เฉพาะการดับเพลิงและเตรียมการ การดับเพลิงนั้นจะต้องแยกกันเป็นกองร้อยไปประจำในตำบลต่างๆ อีกชั้นหนึ่งจึงจะได้ผลจริง คุณมีมากคุ้มกับพระราชทรัพย์ที่จะเสียในการตั้ง “กรมดับเพลิง” นี้ โดยแท้การดับเพลิงนี้จะอยู่ในกระทรวงนครบาลหรือในการปกครองทหารนั้นแล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร แต่ถ้าหากอยู่ในปกครองทหารแล้วจะเป็นเหตุให้นานาประเทศสังเกตงบประมาณทหารมากขึ้น และเข้าใจผิดไปเพราะการทั้งนี้ย่อมไม่ใช่เป็นหน้าที่ของทหารตามสมมติเจ้าใจในเมืองต่างประเทศการที่กราบบังคมทูลพระกรุณาเช่นนี้หาได้คิดหลีกเลี่ยงหน้าที่โดยประการใดประการหนึ่งไม่เห็นแก่ประโยชน์ของทางราชการเท่านั้น แม้มี“กรมดับเพลิง”เช่นนี้แล้วเมื่อเกิดเพลิงใหญ่ทหารก็จำใจต้องไปช่วยอยู่เช่นเดิมนั่นเอง แต่ได้กำลังของ “กรมดับเพลิง” นี้เป็นผู้อำนวยการและวางแผน จากเหตุผลดังกล่าว เมื่อได้มีการจัดการทหารมณฑลกรุงเทพฯ ขึ้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกหน้าที่การดับเพลิงจากฝ่ายทหารให้มาขึ้นกับ “กรมตระเวน” ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น “กรมตำรวจนครบาล” มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและดับไฟอย่างเต็มที่ ในสมัยที่กิจการดับเพลิงได้โอนมาขึ้นอยู่กับกรมตำรวจนี้ ตามหลักฐาน ปรากฏว่าในปี พ.ศ.2451 พ่อค้าประชาชนได้ร่วมใจกันบริจาคทรัพย์ซื้อรถดับเพลิงให้แก่กรมตำรวจ 1 คัน และนับว่าเป็นรถดับเพลิงคันแรกที่มีอยู่ในกรมตำรวจ จนกระทั่งปี พ.ศ.2474 กรมตำรวจมีรถดับเพลิง 5 คัน เรือดับเพลิง 1 ลำ ซึ่งนับว่าเป็นระยะที่กรมตำรวจมีอุปกรณ์ดับเพลิงที่ทันสมัยขึ้น อำนาจหน้าที่ในการดับเพลิงจึงตกมาเป็นของตำรวจโดยสมบูรณ์ ทหารและบริษัทฯ ที่เคยดำเนินการช่วยเหลืออยู่ก็เลิกล้มไป ถึงแม้ว่ากรมตำรวจจะมีอุปกรณ์ในการดับเพลิงที่ทันสมัยขึ้นก็ตาม แต่การปฏิบัติงานก็หาบรรลุตามเป้าหมายเท่าที่ควร ปรากฏว่าสถิติเพลิงไหม้และความเสียหายมีประมาณสูงขึ้นเพราะยังขัดข้องอยู่ที่จำนวนเจ้าหน้าที่และการติดต่อสื่อสารนับวันที่ประเทศไทยได้เปลี่ยนการปกครองรัฐบาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากิจการดับเพลิงเป็นงานที่ต้องเร่งปรับปรุงเป็นเรื่องด่วน และถือว่าอัคคีภัยเป็นภัยที่ร้ายแรงของประชาชน ที่ควรได้รับความคุ้มครองโดยเร็วที่สุด จึงได้ตรวจตราพระราชบัญญัติิแก้ไขเพิ่มกฎหมายลักษณะอาญาพุทธศักราช 2475 เพิ่มโทษผู้ทุจริตวางเพลิงให้มากขึ้น โดยมีโทษอย่างแรงที่สุด ถึงการประหารชีวิตต่อมาคณะรัฐประหารได้จัดตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งประกอบด้วยผู้แทนคณะรัฐมนตรี ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนฝ่ายทหารและผู้แทนฝ่ายตำรวจ เพื่อพิจารณาทางแก้ไขกิจการดับเพลิงที่ปฏิบัติไม่ได้ผลได้ตามเป้าหมายในขณะนั้น ผลการพิจารณาหารือของกรรมการชุดนี้ มีความเห็นว่าควรจะจัดตั้งกองดับเพลิงอาชีพหรือประจำขึ้น อย่างที่นานาประเทศปฏิบัติกัน แต่เนื่องจากทางตำรวจยังขาดกำลังคนและงบประมาณ กระทรวงกลาโหม จึงได้สั่งโอนเงินเดือนและกำลังคน มาขึ้นกับกรมตำรวจ โดยจัดรวบรวมหน่วยดับเพลิงที่กระจัดกระจายกันอยู่ มาเข้าเป็นแผนกหนึ่ง ในความรับผิดชอบของหัวหน้าแผนกดับเพลิง ขึ้นตรงต่อกรมตำรวจ
                    ในปี พ.ศ. 2480 ด้วยเหตุผลบางประการ กรมตำรวจได้จัดรูปส่วนราชการใหม่จึงเป็นผลให้ต้องโอนกิจการบุคคลในแผนกดับเพลิง ไปสังกัดอยู่กับเทศบาลนครกรุงเทพฯ บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปลี่ยนฐานะไปเป็นพนักงานเทศบาล มีสิทธิและหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบพนักงานเทศบาลสืบไป
                    แม้หน่วยดับเพลิง จะได้จัดตั้งขึ้นเป็นปึกแผ่นแล้วในสมัยนั้น แต่เหตุการณ์และอุปสรรคหลายประการ ไม่สามารถช่วยกิจการดับเพลิง ให้วิวัฒนาการไปตามสมควร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ได้รับการเอาใจใส่สมัยแรกๆ ต้องประสบปัญหานานานับประการ ยิ่งกว่านั้นสถานการณ์สงคราม ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องปฏิบัติงานอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ที่ได้ออกปฏิบัติงานจนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บไม่เคยรับค่าตอบแทนเป็นบำเหน็จพิเศษแต่อย่างใดเลย

กิจการดับเพลิงในสมัยวิวัฒนาการ
                    บทเรียนที่ได้ประสบทั้งในยามปกติ จลาจล และสถานการณ์สงคราม ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกิดความอดทน
ความมานะบากบั่นและหาทางปรับปรุงตนเอง ให้เข้ากับถานการณ์และสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ โดยยึดถืออุดมคติในการทำงานเพื่อรักษาไว้ซึ่งทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติ ในปี พ.ศ. 2496 กระทรวงมหาดไทยได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ด้านนี้อย่างมาก จึงได้สั่งโอนกิจการดับเพลิงจังหวัดพระนคร –ธนบุรี กลับเข้ามาขึ้นสังกัดกรมตำรวจ ตามเดิม โดยกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมีฐานะเป็นกองกำกับการในกองสวัสดิภาพประชาชน เรียกว่า “กองกำกับการดับเพลิง” แบ่งส่วนราชการ เป็น 4 แผนก คือ
                     1. แผนกนครบาลพระนครเหนือ
                     2. แผนกนครบาลพระนครใต้
                     3. แผนกนครบาลธนบุรี
                     4. แผนกช่างและแผนการ
                     ในปี พ.ศ. 2501 ซึ่งอยู่ในสมัยการปฏิวัติ ได้เกิดเพลิงไหม้ทั่วราชอาณาจักร ประเมินค่าความเสียหายถึง 4,190,663 บาทคณะปฏิวัติได้ตระหนักถึงภัยพิบัติ ที่เกิดจากอัคคีภัยเป็นอย่างมาก จึงได้พิจารณาให้มีการแก้ไขงานในด้านป้องกันและระงับอัคคีภัยขึ้นและผลการพิจารณาครั้งนี้ กองกำกับการดับเพลิงได้ถูกยกฐานะขึ้นเป็น “กองตำรวจดับเพลิง” ขึ้นตรงต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาลแบ่งส่วนราชการออกเป็น 2 กองกำกับการ คือ
                     กองกำกับการ 1 มี 2 แผนก คือ
                         1. แผนกป้องกันเพลิง
                         2. แผนกอบรมการดับเพลิง
                     กองกำกับการ 2 มี 2 แผนก คือ
                         1. แผนกผจญเพลิง
                         2. แผนกช่าง

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกิจการดับเพลิง
                     แม้ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจการดับเพลิง จะได้รับการยกฐานะเป็น “กอง” ก็ตามแต่สภาพเครื่องมือเครื่องใช้ ที่มีอยู่ส่วนมาเป็นของเก่าชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเกิดเพลิงไหม้แต่ละครั้ง เครื่องมือที่มีอยู่ใช้ไม่ใคร่ได้ผล เพราะกองตำรวจดับเพลิง ยังขาดงบประมาณ ขาดเจ้าหน้าที่จะซ่อมแซม การปฏิบัติงานแต่ละครั้งจึงไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร แต่ก็ยังนับว่าเป็นนิมิตที่ดี ของกองตำรวจดับเพลิง และทรัพย์สินของประชาชน ที่ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจได้มาตรวจราชการกองตำรวจดับเพลิง เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2500 เวลาประมาณ 11.00 น. และผลของการตรวจราชการของท่านครั้งนั้น ท่านได้พบสภาพชำรุดทรุดโทรม ของเครื่องมือเครื่องใช้อาคารที่ทำการเป็นอย่างมาก และได้สั่งการให้ปรับปรุงกิจการของ กองดับเพลิงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้จัดการให้เพิ่มทั้งจำนวนเจ้าหน้าที่และงบประมาณในการดับเพลิง ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญยิ่งของวงการดับเพลิงของประเทศไทย ก็ว่าได้ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงสภาพของกองตำรวจดับเพลิงตอนนั้น จึงขอยกบันทึกการตรวจราชการ ของรองอธิบดีกรมตำรวจ มาเพื่อประกอบการพิจารณา คือ
                      “ 2 พ.ย. 2500 เวลา 11.00 น. ได้มาตรวจสถานีดับเพลิงพญาไท ได้ตรวจสถานที่ต่างๆ รถดับเพลิงอยู่ในสภาพเรียบร้อย ห้องพัสดุควรจะได้จัดเข้าของเครื่องใช้ให้เป็นที่เป็นแห่งๆ และทำป้ายบอกจำนวนให้เรียบร้อย เมื่อของใดที่ไม่ใช้ก็ให้รายงานจำหน่ายเสียโรงซ่อมยังไม่สะอาดให้จัดการให้เรียบร้อยห้องส้วมห้องน้ำให้ดูแลให้สะอาดส่วนทั่วๆไปพอใช้การตรวจขอให้ตรวจกันจริงห้องสมุดยังมีน้อยไป ควรจะหามาอีกให้ขอจากผู้มีจิตศรัทธา ข้าราชการที่ตามในการดับเพลิงให้ทำสมุดประวัติไว้ จะได้ให้ รุ่นหลังดูเป็นตัวอย่างจะได้มีกำลังใจในการดับเพลิง ในการปฎิบัติราชการประตูเข้ารู้สึกยังคับแคบไป เวลาจะออกดับเพลิงคงจะไม่เหมาะ เครื่องมือเครื่องซ่อมซึ่งมีีไม่เพียงพอ ให้รายงานขึ้นไป การเบิกของจาก พธ. ก็ยังไม่ได้ให้เร่งไปอีก
                                     
                                                                                    ลงชื่อ พลตรี ประเสริฐ รุจิรวงศ์
                                                                                                รอง อ.ตร.
                                                                                              2 พ.ย. 2500

                       หลักจากที่ รองอธิบดีกรมตำรวจ มาตรวจราชการในครั้งนั้นแล้ว ก็ได้สั่งให้มีการปรับปรุงกิจการดับเพลิงให้เจริญรุดหน้าขึ้นเป็นลำดับ ได้จัดสรรงบประมาณให้ซ่อมแซมรถเก่า ที่ชำรุดให้ใช้การได้เป็นอย่างมาก จนกระทั่งในต้นที พ.ศ. 2503 แผนกช่างของกองตำรวจดับเพลิง ได้ดัดแปลงรถแลนด์โรเวอร์ที่ชำรุด ของกองพลาธิการกรมตำรวจ เป็นรถดับเพลิงคันแรกที่ผลิตในประเทศไทยและได้ให้ชื่อว่า “รถเสริมกำลัง 9” หมายเลขโล่ 0471 ซึ่งนับว่าได้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก
                        จากการมองการณ์ไกลของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ดังที่กล่าวมาแล้ว กองตำรวจดับเพลิง จึงได้ขยายแผนการปฏิบัติงานออกไปเพื่อให้บริการแก่ประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง ในการนี้กองตำรวจดับเพลิง มีสภาพพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ด้านไฟไหม้อย่างเดียว แม้กระทั่งน้ำท่วม พายุ การขาดแคลนน้ำ และอุบัติเหตุต่างๆ ที่ร้ายแรง ตำรวจดับเพลิงจะเข้าไปช่วยเหลือพร้อมทั้งอพยพประชาชนและสัตว์เลี้ยง ตลอดจนช่วยซ่อมแซมบ้านพัก และแจกจ่ายเครื่องอุปโภค บริโภค เวชภัณฑ์ ให้แก่ผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ เพื่อให้การบริการด้านการช่วยเหลือกประชาชนได้ประสบความสำเร็จ และเป็นไปอย่างกว้างขวาง กองตำรวจดับเพลิง ได้จัดตั้งหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านนี้ขึ้นโดยเฉพาะ เรียกว่า “หน่วยบรรเทาสาธารณภัย” หรือชื่อย่อ “บ.ภ.” หมายเลข 199
                        จากแนวความคิดและความตั้งใจจริงอย่างไม่ย่อท้อของ พล.ต.ต.ม.ร.ว.เจตจันทร์ ประวิตร ผู้บังคับการตำรวจดับเพลิง ที่จะปฏิบัติงานด้านการระงับอัคคีภัยให้มีประสิทธิ์ภาพมากยิ่งขึ้น และประกอบกับการมองการณ์ไกลของคณะที่ปรึกษาฯ ตลอดจนคณะรัฐมนตรี ในสมัยนั้น จึงได้อนุมัติให้กองตำรวจดับเพลิง ขยายส่วนราชการ เพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มมากขึ้นโดยอาศัยกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2514 กองตำรวจดับเพลิง จึงยกฐานะ เป็น กองบังคับการตำรวจดับเพลิง และปฏิบัติงานทางด้านป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัย เจริญรุดหน้ามาโดยตลอด
                        จนกระทั้งได้มีแนวคิดที่จะปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ กองบังคับการตำรวจดับเพลิง ให้มีขนาดเล็กลง โดยมีแนวคิดที่จะโอนภารกิจที่ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจโดยตรงให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง งานด้านดับเพลิงและกู้ภัย ถือเป็นภารกิจหนึ่งที่มิใช่หน้าที่โดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเห็นควรที่จะโอน
ภารกิจดังกล่าวให้กรุงเทพมหานคร รับไปดำเนินการ

ภารกิจดับเพลิงคืนสู่กรุงเทพมหานคร
                        ในปี พ.ศ. 2546 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2546 มติเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2546 และมติเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 เรื่องการดำเนินการถ่ายโอนภารกิจกองบังคับการตำรวจดับเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร โดยให้ภารกิจกองบังคับการตำรวจดับเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 และคณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่าเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติโอนยานพาหนะวัสดุ,อุปกรณ์ และอาคารสถานที่ให้กรุงเทพมหานครแล้ว กรุงเทพมหานครก็สามารถปฏิบัติภารกิจการรักษาความปลอดภัยแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เป็นอย่างดี

ตั้งสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
                        เพื่อปฏิบัติตาม มติของคณะรัฐมนตรี ที่ให้โอนภารกิจดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย มาอยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งที่ กำหนดให้ภารกิจดับเพลิงและบรรเทาสาธารณภัย ที่รับโอนมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในความดูแลของหน่วยงานใหม่ของกรุงเทพมหานคร มีสถานะเป็นสำนักที่ชื่อว่า “สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” และเนื่องจาก มีข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการตำรวจดับเพลิง โอนไปสังกัดสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพียง 170 นาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีหนังสือที่ตช.0006.334/4719 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2546 อนุมัติให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดของกองบังคับการตำรวจดับเพลิงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 1,217 ราย ช่วยราชการที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานครเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบหมายมีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 เป็นต้นไป
                        กรุงเทพมหานครได้รับมอบภารกิจดับเพลิงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2546
พร้อมได้มีพิธีรับมอบภารกิจเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2546
                        สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือที่ ตช. 006.28/11825 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2546 และหนังสือ
ที่ตช. 0006.28/3582 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 เชิญประชุมหารือการประสานงานเกี่ยวกับการโอนภารกิจกองบังคับการตำรวจดับเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับภารกิจการถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในเขตพระราชฐานที่ประทับ ซึ่งในคราวการประชุมในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 และวันที่ 20 พฤศจิกายน 2546 นั้น ได้มีข้อสรุปในเรื่องกำลังพล อาคารสถานที่ วัสดุ – อุปกรณ์ และยานพาหนะ และในเรื่องการถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในเขตพระราชฐานที่ประทับทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งกรุงเทพมหานครจะต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีโดยจะต้องปฎิบัติภารกิจถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดในระยะแรกของการรับโอนจะต้องสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติภารกิจการถวายความปลอดภัยด้านอัคคีภัยระยะหนึ่งจนกว่ากระทรวงมหาดไทยจะมีความพร้อม
 
                   สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับสถานการณ์
การป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติต่าง ๆ ที่สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุงเทพมหานครอย่างใหญ่หลวงในแต่ละปีโดยให้หน่วยงานของกรุงเทพมหานคร   
ได้แก่           
-  กองป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกรุงเทพมหานคร   สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 
-  ฝ่ายบรรเทาผู้ประสบภัย  กองสังคมสงเคราะห์  สำนักสวัสดิการสังคม   
- กองบังคับการตำรวจดับเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งรวมภารกิจทั้งหมด ของกองบังคับการตำรวจดับเพลิง สำนักงาน
 ตำรวจแห่งชาติ  มาอยู่ในความรับผิดชอบ ตั้งแต่วันที่  1 พฤศจิกายน 2546 
อำนาจหน้าที่
   สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลหรือตามที่ร้องขอ การให้การสงเคราะห์และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย กฎหมายว่าด้วยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

โครงสร้าง
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีส่วนราชการดังต่อไปนี้   
   1. สำนักงานเลขานุการ
   2. กองวิชาการและแผนงาน
   3. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
   4. กองปฏิบัติการดับเพลิง 1
   5. กองปฏิบัติการดับเพลิง 2
   6. กองปฏิบัติการดับเพลิง 3
   7. กองปฏิบัติการดับเพลิง 4

1.สำนักงานเลขานุการ
                   หน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานสารบรรณและธุรการทั่วไปของสำนักงานช่วยอำนวยการและเลขานุการดำเนินงานด้านบริหารงานบุคคล
งานการคลัง งานพัสดุ งานการประชุม  งานนิติกรรม และสัญญา  การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์  และยานพาหนะงานอื่นๆที่รับผิดชอบของกองใด โดยเฉพาะและปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งงานภายในส่วนราชการ ดังนี้
  1.  ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
  2.  ฝ่ายการคลัง
  3.  ฝ่ายการเจ้าหน้าที่


2.กองวิชาการและแผนงาน
               หน้าที่ความรับผิดชอบ เกี่ยวกับการศึกษา วิเคราะห์และวางแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การพัฒนาระบบป้องกันสาธารณภัย การตรวจสอบอาคารสถานที่    ที่มีความเสี่ยง และการดำเนินการใดๆ  ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่น   ที่เกี่ยวข้อง  การตรวจสอบและวิเคราะห์สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้  รวมทั้งเป็นศูนย์การสนเทศและให้บริการเอกสารสิ่งพิมพ์และสื่อต่างๆ  ทางวิชาการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การจัดทำแผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การจัดฝึกอบรม  และเผยแพร่วิชาการป้องกันและระงับอัคคีภัย รวมทั้งการกู้ภัย การประสานความร่วมมือกับนานาประเทศด้านวิชาการและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง
 

3.กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

         มีหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับการอำนวยการงานสาธารณภัย
การประสานงานกับส่วนราชการ งานเอกชน การกำหนดมาตรการการกำกับ
ดูแล การปฏิบัติงานของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และอาสาสมัคร
บรรเทาสาธารณภัย การให้การสงเคราะห์และบรรเทาสาธารณภัย การให้การ
สงเคราะห์และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย การสื่อสารและปฏิบัติ
หน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง


4.กองปฏิบัติการดับเพลิง 1 - 4

         มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการระงับอัคคีภัยและภัยพิบัติอื่นๆ ที่ขึ้น
ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล หรือตามที่ร้องขอ กู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตรวจตราป้องกันอัคคีภัยและภัยพิบัติอื่นๆ สำรวจและจัดทำแผนที่ แหล่งน้ำ แหล่งชุมชนและเส้นทางตามจุดอันตราย ดูแลและรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ยานพาหนะต่างๆ ให้อยู่ในสภาพปฏิบัติงานได้ทุกโอกาส ฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้ความชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่ ให้การช่วยเหลืองานและบริการประชาชน ส่วนงานราชการและหน่วยงานอื่นๆร้องขอ และปฏิบัติหน้าที่อื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยรับผิดชอบสถานีดับเพลิง ดังนี้
                     1.   สถานีดับเพลิงภูเขาทอง
                     2.   สถานีดับเพลิงบางรัก
                     3.   สถานีดับเพลิงยานนาวา
                     4.   สถานีดับเพลิงถนนจันทร์
                     5.   สถานีดับเพลิงทุ่งมหาเมฆ
                     6.   สถานีดับเพลิงบรรทัดทอง
                     7.   สถานีดับเพลิงสวนมะลิ

กองปฏิบัติการดับเพลิง 2  รับผิดชอบสถานีดับเพลิง 8 สถานี ดังนี้
                     1. สถานีดับเพลิงบางกะปิ
                     2. สถานีดับเพลิงบางชัน
                     3. สถานีดับเพลิงลาดกระบัง
                     4. สถานีดับเพลิงหัวหมาก
                     5. สถานีดับเพลิงพระโขนง
                     6. สถานีดับเพลิงคลองเตย
                     7. สถานีดับเพลิงห้วยขวาง
                     8. สถานีดับเพลิงบ่อนไก่

กองปฏิบัติการดับเพลิง 3    รับผิดชอบสถานีดับเพลิง 9 สถานี ดังนี้
                     1. สถานีดับเพลิงบางโพ
                     2. สถานีดับเพลิงลาดยาว
                     3. สถานีดับเพลิงบางเขน
                     4. สถานีดับเพลิงลาดพร้าว
                     5. สถานีดับเพลิงดุสิต
                     6. สถานีดับเพลิงสุทธิสาร
                     7. สถานีดับเพลิงพญาไท
                     8. สถานีดับเพลิงสามเสน
                     9. สถานีดับเพลิงบางซ่อน

กองปฏิบัติการดับเพลิง 4    รับผิดชอบสถานีดับเพลิง 11 สถานี ดังนี้
                     1. สถานีดับเพลิงตลาดพลู
                     2. สถานีดับเพลิงทุ่งครุ       
                     3. สถานีดับเพลิงบางอ้อ         
                     4. สถานีดับเพลิงดาวคะนอง   
                     5. สถานีดับเพลิงบางแค     
                     6. สถานีดับเพลิงบางขุนนนท์
                     7.   สถานีดับเพลิงปากคลองสาน
                     8.   สถานีดับเพลิงตลิ่งชัน
                     9.   สถานีดับเพลิงธนบุรี
                    10. สถานีดับเพลิงบางขุนเทียน
                    11. สถานีดับเพลิงบวรมงคล
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
dig5712
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 119
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1801



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 02:46:35 PM »

ส่งเข้าประกวด 1 สโลแกนครับ  Grin

"199 เราปกป้องคุณจากอุบัติภัย"

อิอิ ยังคิดได้แค่นี้ครับ....คุ้นๆเหมือนข้างรถตำรวจเมืองนอกเลย  Grin Grin
บันทึกการเข้า
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 02:55:52 PM »

ขอบพระคุณครับพี่ รับทุกความคิดเห็น ความคิดเห็นของพี่ อาจได้วิ่งว่อนไปกับรถดับเพลิงทั่วกรุงก็ได้ครับ
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 03:06:29 PM »


         เอ้อ ... น้าโจ ....... รางวัลครับ รางวัล

บันทึกการเข้า

                
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 03:12:39 PM »

ลุงปูครับ สาธารณกุศลครับพี่ อิอิ
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 03:14:37 PM »

"ดับเพลิง กู้ภัย 199"  ฉึ่ง เก้า เก้า 
บันทึกการเข้า
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 03:18:43 PM »

ตรงดีครับพี่โอม ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 03:23:22 PM »

ลุงปูครับ สาธารณกุศลครับพี่ อิอิ

         งั้นผมให้รางวัลปลอบใจแทนก็แล้วกัน ..... เป็นชุดทำความสะอาดรถยนต์ของ 3M  จำนวน ๑ ชุด

         ยังไงตัดสินแล้วน้าโจ PM แจ้งเตือนพร้อมที่อยู่ของเธอะวินเนอร์อีกทีก็แล้วกันครับ ..... (อยากแจกนิ)

บันทึกการเข้า

                
ozero++รักในหลวงมากค่ะ++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1287
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 25366


มารยาท...มีให้รักษา


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 03:45:42 PM »

199 เราช่วยใคร เอ๊ย ตกใจ 199 เราช่วยคุณ Grin
บันทึกการเข้า

เข้ามากด like กันได้นะคะ http://www.facebook.com/OAroi
และ https://www.facebook.com/SiaAke
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 04:26:04 PM »

ส่งเข้าประกวด 1 สโลแกนครับ  Grin

"199 เราปกป้องคุณจากอุบัติภัย"

อิอิ ยังคิดได้แค่นี้ครับ....คุ้นๆเหมือนข้างรถตำรวจเมืองนอกเลย  Grin Grin

อิ อิ รถตำรวจในทรานสฟอร์เมอร์ภาค1 ก็แบบนี้ครับ
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 04:27:55 PM »

ตรงดีครับพี่โอม ขอบคุณครับ

สำหรับน้องโจวเหวินฯ  น้อยกว่านี้  ได้อย่างไรกั๊บ...
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 04:28:33 PM »

เรือล่ม ไฟไหม้ สัตว์ร้าย โทร 199
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 06, 2009, 04:30:22 PM »

เรือล่ม ไฟไหม้ สัตว์ร้าย โทร 199

เรือล่ม (ปากอ่าว)  ไฟไหม้  สัตว์ร้าย...ซับวอดวาย  โทร ฉึ่ง เก้า เก้า
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 21 คำสั่ง