ครม.ไฟเขียวจ่ายบำนาญลูกจ้างประจำ2แสนคนรัฐคลอดมาตรการช่วยลูกจ้างประจำของหน่วยราชการที่ทำงานเกินกว่า25 ปี มีสิทธิได้รับเงินบำนาญ
เหมือนข้าราชการจากเดิมที่ได้รับเฉพาะเงินบำเหน็จก้อนเดียว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (25 ส.ค.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวง
การคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง(ฉบับที่ ..)พ.ศ... ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือลูกจ้างประจำของส่วนราชการที่
เคยเรียกร้องสิทธิประโยชน์การขอรับบำนาญตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช
รมว.คลังเปิดเผยว่า การอนุมัติของครม.ครั้งนี้ถือเป็นข่าวดีของลูกจ้างประจำที่รอคอยกันมานานและการอนุมัติ
ในครั้งนี้จะมีผลต่อลูกจ้างประจำที่จะเกษียณอายุในสิ้นปีงบประมาณ 2552นี้ รวมทั้งได้จัดงบประมาณรองรับ
สำหรับปีงบประมาณ 2553 ไว้แล้ว และผลจากการอนุมัตินี้เป็นครั้งแรกที่ลูกจ้างประจำกว่า 200,000 คน จะ
ได้รับความมั่นคงในชีวิต และสามารถจะเลือกรับบำนาญได้ตามเดิมที่รับบำเหน็จได้ก้อนเดียวซึ่งจะทำให้ต้อง
ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปีละ 3,000 ล้านบาท จากภาระที่ต้องจ่ายค่าบำเหน็จอยู่แล้ว ซึ่งเป็นภาระที่
กระทรวงการคลังรองรับได้และเป็นสวัสดิการที่สร้างความยุติธรรมระหว่างลูกจ้างประจำและข้าราชการประจำ
โดยสิทธิประโยชน์นี้จะให้กับลูกจ้างประจำที่ทำงานมาเกินกว่า 25ปี และเป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังและครม.
ยินดีมอบให้ส่วนปีงบประมาณ 2553 ได้ตั้งเงินไว้ 3,000 ล้านบาทในรูปบำเหน็จแต่ก็เพียงพอเพราะบางราย
จะรับเป็นบำนาญ ทั้งนี้ การจ่ายเงินบำนาญถือเป็นสิทธิชั่วชีวิตที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่าเงินบำเหน็จที่
จ่ายให้ครั้งเดียว
ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเสนอนี้เมื่อเข้าครม.ให้ใช้คำว่า
เงินบำเหน็จรายเดือนแต่ในที่สุดสรุปให้ใช้คำว่า บำนาญ โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามว่า ร่างระเบียบฉบับนี้
จะซ้ำซ้อนกับกฎหมายบำเหน็จบำนาญของข้าราชการหรือไม่ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกา ชี้แจงว่า
เป็นกฎหมายคนละฉบับกันไม่เกี่ยวกับลูกจ้างประจำและสามารถดำเนินการได้ อีกทั้งนายกฯได้สอบถาม
กระทรวงการคลังว่า ทำไมถึงใช้ชื่อบำเหน็จรายเดือน ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าไม่อยากให้ชื่อซ้ำซ้อนกับของข้าราชการ
แต่ในที่สุด ครม.เห็นร่วมกันให้ใช้คำว่าบำนาญ
ส่วนค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลต้องนำมาดำเนินการจ่ายเงินบำนาญให้กับลูกจ้างประจำทั้งในส่วนของเงินบำเหน็จและ
เงินบำนาณจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 275,846 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 43ปี โดยประมาณจากอายุเฉลี่ยคนไทย
ที่มีอายุ 80ปี ซึ่งลูกจ้างประจำกลุ่มสุดท้ายออกจากราชการในปี 2576และถึงแก่ความตายในปี 2595แต่เมื่อลูกจ้าง
ประจำมีสิทธิ์ได้รับบำนาญแล้ว จะทำให้รับประหยัดงบประมาณในการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายละ500 บทต่อเดือน
ให้แก่ลูกจ้างประจำกลุ่มดังกล่าวได้ประมาณ 17,823ล้านบาท คงเหลือค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจริงประมาณ 258,023ล้านบาท
นายวัชระ กล่าว
จาก
Click