2. กรณีการคุมปืนมือเดียว
- เป็นการยิงที่ยากมากๆ เนื่องจากรถความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. นั้น หากยิงโดยไม่หวังผลในเป้าหมายอาจจะพอยิงได้ แต่หากจะยิงหวังผลในสภาพที่รถวิ่งและรถเคลื่อนไหวนั้นคุมศูนย์ปืนยากมาก
3. วิธีป้องกันคือ
- ควบคุมสติ หลีกเลี่ยงเหตุอันตราย
- พาครอบครัวไปทานข้าว เป็นคนดีในสังคม
- มีปืน มีฝีมือ รัฐให้ไว้เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง โดยชอบด้วยกฏหมาย
- จด ทะเบียนรถ แล้วแจ้งเ้จ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ทั้งฝ่ายตำรวจ หรือ ฝ่ายปกครอง
แล้วก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ แต่หากต้องถูกยิงก่อนและยังถูกยิงอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
ขอบคุณครับ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการใช้อาวุธปืน ทั้งทีมีปืนอีกทั้งยังไม่ชอบพก ขอบคุณที่แนะนำครับ
ขอบคุณครับ เท่าที่ผมอ่านดูเนี่ยท่านเจ้าของกระทู้ค่อนข้างเป็นผู้ที่ใจเย็นมากๆ ( จากกรณีที่ไม่ได้ยิงตอบโต้ ) เพียงแต่ประเด็นที่สอบถามนั้นเกิดจกความสงสัย ว่าหากจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วผลจะเป็นอย่างไร และควรทำอย่างไรเท่านั้นเอง และลักษณะการขับรถดังกล่าวมาแล้วนั้น มันค่อนข้างเสี่ยงที่จะเกิดเหตุความไม่พอใจให้กับผู้ร่วมใช้ท้องถนนซึ่งมีทั้งคนใจเย็น คนใจร้อน และคนอีกหลายประเภท
เรื่องต่อมา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เมื่อประมาณเดือน ต.ค. 2551
มีรถตู้โดยสารปรับอากาศคันหนึ่งซึ่งได้เหมารถทั้งคันไปทำธุระ วิ่งมาจากทางปทุมธานี ใช้เส้นทางถนนวิภาวดี มุ่งหน้าดินแดง รถคันนั้นบรรทุกผู้โดยสารเกือบเต็มคันรถ มีทั้งผู้หญิง คนชรา และชายผู้มีอาวุธปืนทั้ง กล็อค 17 , บาเร็ตต้า , และ 686 ซึ่งคนบนรถตู้ทั้งคันรู้จักกันทั้งหมด
เมื่อวิ่งมาถึงบริเวณใกล้สนามบินดอนเมือง มีรถเก๋ง ขับชิดทางด้านขวามือตลอด รถตู้ได้ใช้ไฟขอทาง แต่รถเก๋งไม่ยอมหลบ กลับปาดซ้าย ปาดขวา แล้วชลอรถให้รถตู้แซงขึ้นไป
และแล้ว ก็มีเสียง ปัง..ปัง
เป็นเสียงปืนจากคนขับรถเก๋ง พร้อมกับขับขึ้นมาขนาบข้างรถตู้ แล้วคนขับโชว์ปืนสั้น ในลักษณะชี้ปืนขึ้นฟ้า
" คนขับรถเก๋งหารู้ไม่ว่า บนรถตู้ตั้น ปืนทั้ง 3 กระบอก ซึ่งเล็งจากผู้ที่ไม่ได้ขับรถ แต่เล็งผ่านกระจก พร้อมจะกระหน่ำยิงคนขับรถที่ขับรถขึ้นมากระนาบข้างในระยะประชิด "
แต่ ปืนทั้ง 3 กระบอก ไม่ได้ัรับอนุญาตจากหัวหน้าที่คุมรถมา หัวหน้าสั่งให้ใจเย็น รอฟังคำสั่ง หากคนขับรถเก๋ง ยกปืนเล็งมาอีกครั้ง ให้กระำหน่ำยิงให้จบให้เร็วที่สุด
ผลก็คือ คนขับรถเก๋ง เมื่อได้โชว์ปืนแล้ว มีความสุขแล้ว พอใจว่าได้ข่มขู่ (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกปืนอีก 3 กระบอกเล็งในระยะประชิด และเชื่ออย่างกินขนมได้เลยว่า หากมีการยิงปะทะกันแล้ว รถเก๋็งซึ่งทั้งขับรถและยิงปืนมือเดียง กระบอกเดียว เสียเปรียบรถรถตู้ที่มีถึง 3 กระบอก และไม่ใช่คนขับด้วย) ขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข และสะใจ
แต่คนขับรถเก๋ง หารู้ไม่ว่า ได้ถูกรถตู้จดทะเบียนรถไว้แล้ว
พอรุ่งเช้า รถตู้ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าตรวจสอบ
ตกบ่าย คนขับเก๋ง หน้างอยเหงา ซีดเผือก เดินมาพร้อมดอกไม้ ธูปเทียน และผู้บังคับบัญชา มาพบคนบนรถตู้พร้อมขอขมาลาโทษ พร้อมกับยอมรับผิดทุกประการ
สรุป .. เหตุการณ์นี้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ และไม่มีการได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ต้องขอบคุณหัวรถตู้ ที่ไม่ได้สั่งให้ยิงตอบโต้รถเก๋งไป แต่เลือกที่จะดำเนินการตามกฏหมาย และขอขอบคุณเจ้าของรถเก๋ง ที่ไม่ได้ยิงเข้ามายังรถตู้ จนเป็นเหตุให้ต้องปะทะกันแล้วขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์"
** ด้วยเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกัน น่าจะพอเป็นประโยชน์ต่อท่านเจ้าของกระืูทู้บ้างและท่านอื่นๆบ้าง***
หากการป้องกันตัว ยังพอพึ่งกฏหมายได้บ้าง ก็ขอให้นึกถึงกฏหมาย จนกว่าว่าสถานการณ์บางเหตุการณ์ กฏหมายไม่อาจคุ้มครองท่านได้ ก็ขอให้ใช้ทุกความรู้ ความสามารถ ทุกอุปกรณ์ ในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตัวท่านและครอบครัวเถอดครับ