เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 28, 2025, 01:46:26 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านใดฟัง ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ บ้างครับ  (อ่าน 2700 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Ultraman Taro #รักในหลวง#
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 195
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1624



« เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 02:26:17 AM »

อ้างถึง


ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ ... คนวางหมากบนกระดานชีวิต
แต่ละย่างก้าวในชีวิตที่ไม่รู้แน่ว่าจะชักพาไปสู่ความสำเร็จหรือล้มเหลว เชื่อแน่ว่าแต่ละคนให้ความสำคัญกับมันแตกต่างกัน ในขณะที่หลายคนปล่อยปละชีวิตตามโชคชะตา กลับมีบางคนมุ่งมั่นที่จะเดินไปข้างหน้าให้ได้ตามเส้นทางที่ตนกำหนด

ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ คนไทยที่มีคุณสมบัติอย่างที่องค์การนาซ่าต้องตามหาอยู่ถึง 3 ปีจึงจะพบและมอบทุนให้เขาเรียนจนจบด็อกเตอร์ ตลอด 7 ปีที่ทำงานอยู่กับนาซ่า หรือรวมแล้ว 10 ปีที่อยู่อเมริกาทำให้เขาได้สั่งสมประสบการณ์มากมาย จนถึงวันหนึ่งเขาก็หิ้วกระเป๋ากลับมาเมืองไทย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

ปัจจุบันเขาตั้งบริษัทชื่อ อริยชน ตัวเขาเองทำหน้าที่เป็นวิศวกรที่ปรึกษาเน้นในด้านการบริหารองค์กรและระบบบริหารจัดการให้กับองค์กรขนาดใหญ่และกลางหลายแห่ง เช่น ปูนซิเมนต์ไทย , แบตเตอรี่ 3K , บริษัทไทยเทพรส และทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินและตรวจยุทธศาสตร์ให้กับกระทรวงวิทยาศาสตร์และกระทรวงแรงงาน และนอกเหนือจากเวลาเหล่านี้ เขายังเป็นอาจารย์สอนวิปัสสนากรรมฐานให้กับพนักงานบริษัทและบุคคลทั่วไป

ในวัยที่ย่าง 46 ปี หากถามเขาถึงหลักกิโลและเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาว่าเป็นเพราะความบังเอิญชักพาให้เป็นไปหรือเปล่า เขาจะตอบว่า "ไม่" และจะสำทับอย่างอารมณ์ดีว่า "เรื่องอย่างนี้ไม่มีฟลุ๊ค" ฉะนั้นเมื่อบวกทั้งมุมมองวิธีคิด หยาดเหงื่อแรงงาน และมันสมองที่เขาคอยลับให้แหลมคมอยู่เสมอ คำหนึ่งที่หลุดออกมาระหว่างสนทนาบ่อยครั้งคือ ผมเป็นนักวางยุทธศาสตร์...

"วิธีคิดของผมไม่ค่อยเหมือนใครตั้งแต่เล็กแล้ว ผมมองอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า "what if" หรือ "ถ้า" ถ้าเป็นอย่างนี้จะทำยังไง แล้วถ้าไม่ใช่ละจะทำยังไง จะมอง what if ตลอด มองทางแยก ผมคิดนะว่าเวลายืนอยู่หน้าประตู แค่เลือกจะเลี้ยวซ้ายกับเลี้ยวขวาชีวิตผมเปลี่ยนได้เหมือนกัน ซึ่งในเมื่อทางเลือกเป็นสิ่งสำคัญทำไมเราไม่เลือกวางแผนตั้งแต่ต้นว่าเราจะไปทางไหน"

หลังจากจบปริญญาตรีทางด้านเคมีเทคนิคจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.วรภัทร์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยขอทางบ้านเฉพาะเงินค่าตั๋วเครื่องบินก่อนจะไปตายเอาดาบหน้าด้วยการหางานประเภทล้างจานหรือแม้กระทั่งเป็นโชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ในนิวยอร์กหาเงินส่งตัวเองเรียน โดยมีคุณปู่เป็นแรงบันดาลใจอย่างที่เขาพร่ำบอก กับตัวเองในยามลำบากว่าขนาดปู่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากไหหลำยังสามารถเติบโตร่ำรวยขึ้นมาได้เลย เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องทำได้

ซึ่งแม้จะออกตัวว่าไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ไม่นานเขาก็หาทุนเรียนได้จนจบปริญญาโททางด้านวิศวกรรมวัสดุศาสตร์

"ผมโง่มาตั้งนานตอนอยู่จุฬาฯ ผมได้ 2.6 เอง แต่พอไปอเมริกาแล้วผมไปจับหลัก how to learn หรือ วิธีเรียนรู้ ไปเจออาจารย์พูดไม่เก่ง สุดยอดพูดคือไม่ต้องพูด ในเมื่อเขาพูดไม่เก่งเราก็ต้องตั้งคำถามเก่ง คือผมไปแหย่แกถามแกว่าอันนี้อะไร ๆ มันอยู่ที่การตั้งคำถามของเราต่างหาก"

เรียนปริญญาโทอยู่ 2 ปี พอจบก็เกือบที่จะต้องเก็บกระเป๋ากลับเมืองไทยอยู่แล้วหากไม่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาชาวอินเดียที่ดร.วรภัทร์ฝากตัวใกล้ชิดพาไปรู้จักกับองค์การด้านอวกาศที่ชื่อว่านาซ่า


"จบโททำงานที่นาซ่า เผอิญเขาต้องการคนอย่างผมอยู่พอดี คือหนึ่ง จบตรีวิศวะเคมี สอง ปริญญาโทด้านโลหะ สาม มีความรู้ด้านชีววิทยา ซึ่งตอนเรียนปริญญาโทผมศึกษาเรื่องเหล็กดามในกระดูกคน แล้วตอน มศ. 5 ผมก็เป็นประธานชมรมชีวะของเซนต์คาเบรียล ได้ชีวะ A หมดเลย อีกข้ออย่างคือต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนสาขามาเป็นวิศวกรเครื่องกล เขาจะให้เรียนต่อเอกทางนี้"

"กลางวันทำงาน ตอนเย็นก็ไปเรียน เรียนด็อกเตอร์อยู่ 7 ปี ที่นานเพราะเปลี่ยนสาขาเลยต้องปรับพื้นฐานเยอะ ต้องเรียนเซรามิกด้วย เขาเรียกผมจับฉ่ายวิศวกร เพราะคนที่จะเป็นดีไซเนอร์ออกแบบอะไรใหม่ ๆ ได้มันต้องรู้วิศวกรครบทุกสาขา เขาต้องการคนที่รู้รอบพุง อย่างผมนี่เขาหามา 3 ปี"

การเป็นแค่นักศึกษาปริญญาโทที่ทำงานท่ามกลางคนระดับด็อกเตอร์ในองค์การนาซ่าเป็นเรื่องกดดันสำหรับเขา แต่เขาก็ฟันฝ่ามาจนได้ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงอยู่ที่นาซ่า 7 ปี เขาก็ยังไปคว้าได้รางวัลจากงานวิจัยเรื่องเครื่องยนต์ไอพ่น จึงทำให้เขากลายเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

เหตุการณ์ที่ดำเนินมาถึงจุดนี้ก็เปลี่ยนบทบาทเขาจากโรบินฮู้ดสัญชาติไทยที่ดิ้นรนหาส่งเงินตัวเองเรียน มาเป็นวิศวกรมือรางวัลขององค์การนาซ่า เมื่อเป็นดังนั้นเรื่องฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เรียกว่าเข้าขั้นอยู่ได้อย่างสบาย ณ ตรงนั้น

...แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย ด้วยเหตุผลที่ต้องดูแลพ่อแม่ที่ชราลงทุกวัน อีกทั้งก็ตามคนรักกลับมาเมืองไทย นอกจากนี้คือไม่อยากอยู่ใช้ชีวิตบั้นปลายเป็นคนแก่เหงา ๆ ที่อเมริกา

"กลับมาอยู่เมืองไทยรายได้เปลี่ยนเลย แต่ผมคิดอย่างนี้ว่าคนจน ๆ งี่เง่าอย่างกูไปเหยียบอเมริกาโดยเริ่มต้นจากศูนย์ ภายใน 10 ปีกูสามารถสร้างฐานะที่อเมริกาได้ ด้วยสมองอย่างกู อยู่เมืองไทยสิบปีกูก็ต้องมีได้"

ส่วนลู่ทางที่จะพาไปให้ถึงเป้าหมาย เขาวางไว้แล้วว่าจะต้องเริ่มต้นจากการเป็นอาจารย์ก่อนอื่น

"ผมมองอย่างนี้ว่าที่สูงเท่านั้นจึงจะเห็นรอบตัว เพราะฉะนั้นถ้าผมเข้าไปทำงานในโรงงานใดโรงงานหนึ่งเท่ากับผมเข้าหุบเขาไปเลย ชีวิตผมอับเฉาทันที ยกตัวอย่างคุณไปอยู่โรงงาน A คุณก็ต้องไปอยู่กับเขาจันทร์ถึงเสาร์ คุณจะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากโรงงาน A แล้วคุณจะวุ่นวาย เหมือนหนูเข้าไปปั่นอยู่ในถัง และเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนอายุ 40 กว่า คุณก็พบว่าคุณไปไหนไม่ได้ คุณก็กลายเป็นขี้ข้าให้กับคนตระกูลหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท อย่างนั้นคุณเสร็จเลย"

ดังนั้น ดร.วรภัทร์จึงเริ่มจากวางยุทธศาสตร์ชีวิตของตัวเองเมื่อย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยด้วยการยอมรับเงินเดือน 7,000 บาทสำหรับตำแหน่งอาจารย์ที่จุฬาฯ


"จากนั้นก็วางแผน วางมาร์เก็ตติ้งว่าทำยังไงคนอย่างผมจะได้เป็นที่ปรึกษาใหญ่ ตะกายดาวแต่ต้องตะกายดาวอย่างมียุทธศาสตร์ ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าสันดานตัวเองเป็นยังไง จากนั้นผมนั่งเช็คคนในวงการ อาจารย์ที่ดัง ๆ ในประเทศไทยมีกี่คน คนไหนใกล้เกษียณ แล้วเขามีลูกศิษย์ไว้กี่คน นั่นคือผมคำนวณแล้ว"

การวางแผนที่ชีวิตอย่างเป็นระบบของดร.วรภัทร์ ทำให้เขาก้าวหน้าไปอย่างเป็นขั้นตอนตามแผนที่วางไว้

"พอวิชา Quality กำลังจะบูม คนเก่งวิชานี้ในเมืองไทยเด่น ๆ มีไม่เกิน 5 คน แต่เนื่องจากมาร์เก็ตมันใหญ่ ทำไมเราไม่เป็นคนที่หก แล้วผมก็มานั่งดูจุดอ่อนของทั้ง 5 คน เขาเรียนจบทางด้านวิศวะอุตสาหการ ไม่รู้ทางด้านเคมี ไม่รู้ทางด้านเครื่องกล รอบรู้สู้ผมไม่ได้ ในขณะเดียวกัน พอทำตรงนี้ได้ที่ปั๊ปก็อย่าประมาท ศาสตร์ทางด้าน Management ตัวใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ คอยเปิดหูเปิดตา และคบเด็กเสมอ อย่างเกม Raknarok ผมยังเล่นเลย ต้องอย่าสร้างแก๊ป"

ซึ่งไม่เพียงเป็นนักเล่นเกมคอมพิวเตอร์ตัวยงเท่านั้น สมัยก่อนหากมีเวลาว่างเขาชอบเล่นบริดจ์ หมากรุก อ่านนิยายกำลังภายใน ศึกษาประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังคลั่งไคล้ในการดูฟุตบอลด้วย

"เวลาดูฟุตบอลผมไม่ได้เชียร์ข้างไหน ผมดูว่าถ้าผมเป็นโค้ชผมจะแก้เกมส์ยังไง อย่าลืมนะนักยุทธศาสตร์ต้องดูเรื่องการแก้เกม เรื่อง Management ถ้าผมเป็น อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผมจะทำยังไง ถ้าเป็นโรนินโญ่ช็อตนี้จะทำยังไง แล้วในนัดต่อไปผมจะทำยังไงต่อ ผมจะมองในแง่ Strategy"

ซึ่งในแง่นี้เกมกับชีวิตก็ไม่ต่างกันที่ ดร.วรภัทร์ให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนว่าจะทำอะไรต่อไป และเขามักจะมองอะไรข้ามช็อตเสมอ

"เหมือนเวลาสอนลูกศิษย์ อาจารย์บางคนชอบด่าลูกศิษย์แหลกลาญ แต่ผมไม่ใช่นะ ผมไม่รังแกลูกศิษย์ ผมสอนเต็มที่และก็แทบจะรู้ก่อนสอบแล้วใครเกรด A เกรด B ใครที่ B ผมก็ช่วยให้เขาได้ A ลองคิดดูสิว่ามันจะรักคุณมั้ย แล้วเดี๋ยวนี้พวกนี้ไปนั่งในบริษัทใหญ่ ๆ 15 ปีผ่านไป ลูกศิษย์ผมตอนนี้ก็อายุ 35 อายุขนาดนี้จะไปอยู่ตำแหน่งไหนล่ะ คือเป็นตัวชงเรื่องแล้วไง กำลังเป็นผู้กุมอำนาจตัดสินใจว่าจะเชิญใครเป็นที่ปรึกษา ซึ่งอย่างนั้นแล้วมันจะบอกบอสให้เชิญใครล่ะ"

ดร.วรภัทร์ยืนยันว่าเรื่องพวกนี้เขาคำนวณไว้แต่แรก ซึ่งในแต่ละจังหวะชีวิตเขาจะมองไปข้างหน้าในระยะ 5 ปี 10 ปีตลอด และสำหรับตอนนี้เขามองยาวไปถึงบั้นปลายชีวิตทีเดียว โดยหาที่ทางให้ตัวเองเสร็จสรรพ...ว่าเขาจะไปอยู่ "วัด"

"ปณิธานผมอยู่ที่นิพพาน ผมมองว่าไม่ต้องถึงกับจนแต่ก็ไม่ถึงกับรวย มีเวลาส่วนหนึ่งไปปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมเป็นการลงทุนข้ามชาติ นักวางกลยุทธ์อย่างผมมองข้ามช็อตเลย โลกหน้ามีไม่มีไม่รู้ แต่ในแง่การบริหารความเสี่ยง ถ้าเกิดมีแล้วไม่ทำอะไรเลย...ซวย หรือถ้าไม่มีก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย กูกับมึงก็เท่ากันคือไปอยู่ในหลุม แต่โอกาสที่มันมีมันสูง ยิ่งมานั่งกรรมฐาน ความเชื่อมั่นผมร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าชาติหน้ามีแน่นอน"

แม้จะวางแผนข้ามชาติข้ามภพไปแล้ว แต่เมื่อได้สัมผัสกับการปฏิบัติธรรม ดร.วรภัทร์ ยอมรับว่าสิ่งที่ได้รับตอนนี้คือ...ความสุข

ทุกวันนี้ ดร. วรภัทร์ ยังคงไปทำงานตามบริษัทที่รับให้คำปรึกษาตั้งแต่วันอังคารถึงวันศุกร์และนับไปถึงวันเสาร์ในบางสัปดาห์ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติภาวนาและดูแลเว็บไซต์ managerroom.com ส่วนเวลานอกเหนือจากนั้นคือเวลาที่เขามอบให้กับครอบครัว โดยเฉพาะกับลูกสาวทั้งสองคนที่อยู่ในวัยร่าเริง

สำหรับมุมมองที่มีต่อชีวิต หากถามนักยุทธศาสตร์เช่นเขา เขาให้ความเห็นว่า

"นักยุทธศาสตร์จะมองชีวิตในแง่ Effective ในแง่ Efficiency จะมองชีวิตคล้าย ๆ จะ think out the best จากมันให้ได้ ทำอย่างไรให้ดีที่สุด ทำอย่างไรจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป ผมต้องถามตัวเองตลอดว่าวันนี้ได้อะไร"

ที่มา http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9480000020910

ผมชอบมากเลย ไร้กรอบ แหวกแนวมาก
บันทึกการเข้า

"อย่าแก่เพราะกินข้าว อย่าเฒ่าเพราะอยู่นาน" 
โบราณว่า อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา ใจเย็นเข้าไว้
นิ น น า ท
ชัดเจนและจริงใจครับ
Full Member
***

คะแนน 72
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 182


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 08:24:34 AM »


..ขออนุญาตเพิ่มเติมตัวอย่างแบบไร้กรอบ ให้อีกนิดหนึ่งครับ..

สมัยที่แกเป็นอาจารย์อยู่คณะวิศวะจุฬาฯนั้น แกได้ออกข้อสอบให้นิสิต..แบบสั้นๆง่ายๆแต่ลึกซึ้ง ดังนี้ครับ..

 
       "..จงตั้งโจทย์ออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย.."   หลงรัก


ปรากฏว่ามีนิสิตได้ศูนย์คะแนนจากข้อนี้เกือบทั้งหมด

ซึ่ง ..ไม่มีใครเฉลยผิดสักคน

แต่..ที่ไม่ได้คะแนนเพราะ ตั้งโจทย์ง่ายเกินไป  ยิ้มีเลศนัย


บันทึกการเข้า

หัวดี หัวเก่ง หัวก้าวหน้า
มือเยี่ยม มือกล้า มือขยัน
ใจกว้าง ใจสู้ ใจแบ่งปัน
รู้ทัน รู้ชอบ รู้ตอบแทน...

...ขอแค่นี้เอง..เกินพอ
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 08:35:12 AM »

...เคยเรียนกับท่านหลายคอร์ส อ่านหนังสือท่านหลายเล่ม ผมถือว่าท่านผู้นี้เป็นอาจารย์ผม  ไหว้
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 09:20:12 AM »


         เพิ่งได้ยินชื่อท่านเดี๋ยวนี้เอง  คิก คิก

บันทึกการเข้า

                
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 01:15:55 PM »

ขอบคุณครับ...มุมมองอีกแบบที่สังคมไทยไม่ค่อยมี...
.
.


ผมนึกถึงอีกท่าน คือ รศ.ณรงค์ วรงศ์เกรียงไกร ผู้อำนวยการสถาบันไทย-เยอรมัน ในปัจจุบัน

ท่านนี้แม้จะไม่โด่งดังในวงสังคม แต่ในโลกอุตสาหกรรม ท่านถือเป็นครูที่มีมุมมองยาวไกลคนหนึ่ง...

ครั้งหนึ่งท่านเคยออกข้อสอบ ให้ออกแบบเครื่องจักรพร้อมอุปกรณ์ในระบทั้งหมด..

มีเพื่อนผมออกแบบสวยงาม ถูกต้องตามการคำนวน...

แต่ดัน เลือกขนาดแบริ่งเล็กกว่าขนาดเพลา คำนวนถูกแต่ขาดเฉลียว แม้ค่ามันได้ แต่ขนาดมันไม่ได้...

แก.. วงแดงตัวใหญ่....แล้วเขียนว่า "เสกเข้าไปเหรอ"....ฮากันตรึม

อีกครั้งเวลาแกออกข้อสอบ คนทำไม่เสร็จได้คะแนนเกือบเต็ม คนทำเสร็จตก...

เพราะคนทำไม่เสร็จ คำนวนไม่ได้ค่าคำตอบ แต่เขียนแนวคิด หลักการณ์และวิธีคิดออกมาเป็นเหตุเป็นผล

ท่าน อาจารย์ ณงรค์ เป็นอาจารย์ที่เน้นแนวคิดมากกว่าคำตอบ..แนวคิดถูกต้อง คำตอบที่ถูกจะตามมาเอง...
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 01:40:02 PM »


ผมชอบมากเลย ไร้กรอบ แหวกแนวมาก
สิ่งที่คุณคิดว่าไร้กรอบ  ผมกลับมองว่าเป็นกรอบ  กรอบที่เป็นไปตามธรรมชาติของคนมีHoe to learnครับ
ไม่ได้แหวกแนว แต่เขารู้จักตัวตนของตัวเอง  เป็นปลาเป็นที่ว่ายทวนน้ำ

สถาบันการศึกษาเป็นสถาบันสำคัญที่ทำให้เรามีความรู้
แต่ที่สำคัญสุดคือสถาบันความคิดครับ  สถาบันความคิดรองรับทุกสถาบัน
แม้แต่สิ่งที่เราได้มาจากสถาบันการศึกษา หากไร้สถาบันความคิดรองรับ ก็ไร้ค่า


ที่สำคัญสุด สถาบันความคิดอยู่กับเราตั้งแต่เกิดจนเราตาย
ตั้งแต่ก่อนเราเข้าไปอยู่ในสถาบันการศึกษา จนเราจบการศึกษาแล้ว

หากจัดระบบสถาบันความคิดได้ การใช้ชีวิตของเราย่อมเป็นของเราเอง
ประสบความสำเร็จได้เอง และเราจะมีความสุขกับมัน
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

เมียหลวงสั่งถอย เมียน้อยสั่งลุย
Sr. Member
****

คะแนน 53
ออฟไลน์

กระทู้: 900


« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 02:02:42 PM »

น่าเขียนเป้นหนังสือสักเล่มนะครับ
บันทึกการเข้า
น้องโด่ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 111
ออฟไลน์

กระทู้: 2836


รักนะแต่ไม่แสดงออก


« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 02:39:40 PM »

 ไหว้ นับถือแนวคิดกับวิถีชีวิตของท่านครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
Ultraman Taro #รักในหลวง#
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 195
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1624



« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 04:17:18 PM »

ท่านได้เคยฟังคลิปเสียงของ ดร. วรภัทร์ บ้างครับ ถ้ายังไม่เคยฟังผมแนะมำให้ลองหามาฟังดูครับ ท่านไปเป็นวิทยากรให้กับพนักงานของSCG
บันทึกการเข้า

"อย่าแก่เพราะกินข้าว อย่าเฒ่าเพราะอยู่นาน" 
โบราณว่า อย่าถือสาคนบ้า อย่าว่าคนเมา ใจเย็นเข้าไว้
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 187
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 06:36:27 PM »

คนดี..เกิดผิดยุค
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 06:37:37 PM »

ขอบคุณครับ  Wink
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.089 วินาที กับ 22 คำสั่ง