ประโยชน์ของฝึกตาย "หัดตายเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย" ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนให้ฝึกตายทุกวัน แล้วจิตใจจะดีขึ้น ชาวพุทธถือมรณานุสติ
เป็นเรื่องสำคัญ คือการมีสติให้ระลึกนึกถึงความตาย จะมีความยับยั้ง ไม่ถลำเข้าไปสู่การแสวงหาสิ่งที่เกินความจำเป็น เช่น
คนติดเชื้อเอดส์ ต้องเผชิญกับความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนเผชิญไปเผชิญมา หมดความกลัวตาย เมื่อไม่กลัวตาย
ก็เป็นอิสระ มีความสงบ มีความสุข และสุขภาพดี
การเผชิญความกลัวใดๆ เช่น กลัวผี โดยไม่หลบหนี ในที่สุดก็จะหายกลัว เพราะการหลบหนีไม่เคยทำให้ความกลัวหายไป
ส่วนประโยชน์ของการฝึกตายทุกวันนั้น ในทางพระพุทธศาสนา มีคำสอนให้มองเห็นตัวเองตายเป็นศพขึ้นอืด
มีหนอนกินยั้วเยี้ย น้ำหนองไหล ต่อมาเนื้อผุพังไปหมด เหลือแต่กระดูก กระดูกก็หลุดออกจากกัน แตกออกเป็นชิ้นหยาบ
ชิ้นละเอียด หายไป ไม่มีอะไรเหลือเพื่อให้เห็นเป็นอนิจจังและอนัตตา จนกระทั่งคลายจากความยึดมั่นในตัวตน ไม่ได้เป็นแค่ปรัชญา
แต่มีวิธีการปฏิบัติที่ปรากฏผลจริง ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงสุดคือ เป็นอิสระจากกิเลสตัณหาโดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นความแก่ ความเจ็บ ความตาย
การฝึกตายทุกวัน ให้มีความรู้สึกว่า ตายทั้งที่ยังไม่ตาย ได้ทำให้เกิดปัญญาแล้ว ศาสนาพุทธยังสอนให้คนเราไปร่วมแสดง
ความเสียใจต่อบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ก็เพื่อทำให้ตัวเราเกิดเป็นมรณาให้นึกถึงความตาย ไม่เช่นนั้นคนเราก็จะมีแต่ความอยาก
มีแต่กิเลสที่จะเข้ามาเผาผลาญจิตใจ ให้คนเราเห็นแก่ตัว ไม่สนใจสังคม แต่ถ้ารู้จักนึกถึงความตาย สิ่งเหล่านี้ที่เหมือนเราแบกเอาไว้
หนัก ก็จะเบาบางลง
"การมีสติอยู่กับกายใช้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กิน เดิน นั่ง นอน ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือการทำงาน ในการทำงาน
ถ้าเจริญสติไปด้วยจะเพลิดเพลินอย่างยิ่ง และไม่เบื่อเลย เช่น กวาดบ้าน ล้างชามจาน ก็ทำให้จิตอยู่กับการเคลื่อนไหวของแขน
และไม้กวาด หรือกับมือและชามจาน จะพบความสุขอันล้นเหลือในงานนั้นๆ ได้หลุดพ้นจากการบีบคั้นของกาละและเทศะ
ไม่กลัวต่อการงานทุกชนิด เพราะการงานทุกชนิดกลายเป็นความสุขไปหมด ขณะเดียวกัน คนเราต้องเรียนรู้ตอนใกล้ตาย
จะทำให้เกิดปัญญา ผมเห็นหลายคนที่ใกล้ตายแล้ว เขารอดจากความตายมาได้ วิถีชีวิตเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เขาขยันทำบุญแล้วก็หมั่นทำความดีต่อตนเองและผู้อื่น"
ที่มา ........ บทความบางตอนที่คัดจากหนังสือแจกให้เป็นทานของวัดสวนโมกขพลาราม (พุทธทาสภิกขุ) จ.สุราษฏร์ธานี
