Spoil เรื่อง Knowing นะครับเรื่อง Knowing ไงครับ เรียบไม่มีเหลือ ฉากสุดท้ายพระเอก Nicolas Cage กอดกับครอบครัวแล้วเรียบ จบแบบสื่อให้ว่า ใครยังอยู่ในโลก ... ตายเรียบครับ เว้นแต่กลุ่ม(ทั้งมนุษย์และสัตว์)ที่มนุษย์ต่างดาวเลือกไว้และนำไปอยู่ในที่ปลอดภัยเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปในภายหลัง ซึ่งลูกของพระเอกก็ถูฏเลือกไว้ด้วย ไม่รู้จะเรียกว่า Happy Ending ได้มั๊ย แต่ส่วนตัวผมก็ว่าไม่ค่อยแฮปปี้ครับ Happy Ending ยังคงเป็นอะไรที่หนังส่วนใหญ่จะคงไว้เพื่อจรรโลงความรู้สึกของคนดู เสียตังค์มาดูแล้วจะให้หดหู่กลับบ้านก็ยังไงๆอยู่ เว้นแต่มีเหตุผลหรือความหมายพิเศษจริงๆหรือเป็นธีม (Theme) ของหนังก็อาจจะไม่แฮปปี้ เช่น Titanic
2012 โดยความเห็นส่วนตัวแล้วดีมากครับ โดยเฉพาะ Special Effect ผมลุ้นๆว่าจะได้เข้าชิงออสการ์ในคราวหน้าด้วยหรือเปล่า สังเกตในขณะที่ถนนถล่ม เลื่อนตัว รถบนถนนยังเคลื่อนตัว คนบนถนนนั้นๆยังวิ่งอยู่อย่างสมจริงมาก ตึกที่ถล่มก็มีรายละเอียดของคนที่หนีตายอยู่บนนั้น เมื่อพูดถึง Special Efefct ของเรื่องนี้แล้วก็ชวนให้นึกถึง Transformer ถ้าเราจำตอนที่ได้ดูเรื่องนี้ใหม่ๆได้ บางท่านอาจจะรู้สึว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉีกความรู้สึกเก่าๆเรื่อง Special Effect ไปสู่มิติใหม่ (คล้ายๆกับที่ Speed เคยฉีกการเดินเรื่องของหนัง Action มาแล้วจนเรื่องต่อๆที่ตามมาทำไปในทิศทางเดียวกันคือ เร็ว กระชับ และตื่นเต้นขึ้น แบบว่าให้มีเวลาหายใจน้อยลง รวมไปถึงลดอารัมภบทของหนังชนิดเปิดฉากมาไม่นานความตื่นเต้นก็เริ่มเลย ชนิดว่าใครเข้าช้าไปไม่กี่นาทีก็อาจจะพลาดฉากสำคัญไปได้) และพอพูดถึงเรื่อง Transformer ก็ชวน(อีกแล้ว)ให้โยงไปถึง Iron Man ซึ่งการแปลงร่างคล้ายๆกัน แต่ต่างกันที่ Transformer แปลงแบบผิดรูปเดิมไปมากๆๆ (จากรถเป็นหุ่น จากวิทยุเป็นหุ่น ฯลฯ) แต่ขาดรายละเอียดในแต่ละขั้น เพราะแปลงผิดไปจากเดิมมากหากจะมาทำรายละเอียดตรงนี้คงต้องใช้สมองใช้ทุนกันมากกว่านี้และไม่จำเป็นนัก คือให้พรึ่บๆแล้วกลายเป็นหุ่นไปเลย แต่ Iron Man เน้นรายละเอียดในแต่ละขั้น เราจะเห็นว่าชิ้นส่วนนั้น บิดตัวมาทางนี้ แล้วเลื่อนไปอีกทิศแล้ว....อะไรแบบนี้จนมันจบการแปลงร่าง ซึ่งบางคนก็ใช้จุดนี้พูดว่า Iron Man มี Special Effect ที่ดีกว่า แต่ส่วนตัวแล้ว ด้วยสมมติฐานส่วนตัวข้างต้นทำให้ผมไม่คิดอย่างนั้น แต่มองว่าทั้งสองเรื่องเลือกที่จะเน้นกันคนละจุดที่จะนำเสนอมากกว่า
ในบรรดาหนังโลกาวินาศแล้ว ผมชอบเรื่องนี้ที่สุด ที่ผิดหวังไปไม่กี่ปีมานี้ก็เห็นจะเป็น The End Of The World ซึ่งใช้ดาราฟอร์มใหญ่ค่าตัวแพงซะด้วย คือ Tom Cruise ผมว่า Tom Cruise คงนั่งเสียดายอยู่ว่าทำไมไม่ได้มาเล่น 2012 นะ อิอิ
เริ่ม Spoil บ้างแล้วนะครับSpecial Effect ที่ดีอย่างเดียวคงไม่สามารถทำให้หนังดีได้หากพล็อตห่วยแตก ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า พล๊อตเรื่องนี้เดินเรื่องได้น่าตื่นเต้นน่าติดตามในระดับที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แม้จะไม่เท่า Speed แต่เริ่มต้นคล้ายๆกัน คือ เปิดฉากมาแป๊บเดียวก็ค้นพบเหตุของหายนะกันเห็นๆเลย เรืองนี้มีการวางตัวเอก 2 คนขนานกันไป คือ Jackson ( John Cusack ) กับ Adrien ( Chiwetel Ejiofor) จนบอกไม่ถูกว่า Scene ใครเด่นกว่ากัน ถ้า Adrien เป็นดาราดังขึ้นมาซักหน่อยมีสิทธิ์ว่าจะแย่ง Scene ของ Jackson ( John Cusack ) ได้ง่ายๆเลย เพราะบทบาทและหน้าที่ของตัวละครตัวนี้มีความสำคัญต่อเหตุการณ์ในเรื่องมากที่สุด เสน่ห์ของพล๊อตอย่างนึงก็คือ พอมี Adrien มาขบคิดแก้ปัญหาการอพยพแล้ว หากจะเพิ่มบทผจญภัยให้กับคนๆนี้เข้าไปอีกก็จะเสียโฟกัสในบทบาทของการแก้ปัญหาในด้านนั้นของเค้า จึงแก้ปัญหาด้วยการกำหนดตัวเอกขึ้นมาอีกคนให้เป็นผู้รับผลผจญภัยสร้างความตื่นเต้นให้คนดูๆแทน ซึ่งก็คือ Jackson แล้วก็สร้างอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้คนดูลุ้น บางท่านอาจจะรู้สึกว่าฉากเครื่องบินหลบตึกที่ถล่มมันซ้ำกันสองครั้งทำให้แปลกๆยังไงๆก็เป็นได้ครับ สิ่งที่ผมคิดตลอดเรื่องคือ ความที่นาย Jackson เล่นด้วยดาราดัง ซึ่งก็เป็นการบอกคนดูเป็นนัยไว้แล้วว่าคนนี้จะรอด นาย Jackson จะรอดได้ยังไง เนื้อเรื่องปูกำแพงไว้สูงมากสำหรับคนที่จะได้ขึ้นยานกู้ชีพ แต่กับนักเขียนถังแตกที่ขายหนังสือตัวเองได้ไม่ถึง 500 เล่มจนต้องไปเป็นคนขับรถให้มาเฟียมวย จะรอดไปได้อย่างไร เค้าปูเรื่องล่วงหน้าไว้ได้ดี ทำให้เหตุผลที่รอดดูแล้วเนียนใช้ได้เลยทีเดียว หนังแอบหลอกสร้างความหวังให้เรานิดนึงตอนที่ Jackson พาลูกล้ำเข้าเขตหวงห้ามที่ Adrien ทำงานอยู่จนได้รู้จักกัน แถม Adrien ยังแสดงความชื่นชมงานเขียนของ Jackson อีก คนดูเผลอนึกได้ง่ายๆว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของสาเหตุที่ Jackson จะได้ขึ้นยาน ... แต่ก็ไม่ใช่
ความไม่สมจริงย่อมมีในหนังทุกเรื่อง หากแต่หนังต้องใช้มันเพื่อทำให้สนุกตื่นเต้น โดยอนุมานว่าคนดูส่วนใหญ่ไม่รู้ลึกในรายละเอียด หากจะจับผิดหนังซักเรื่องโดยเอาผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมา คงจับได้เยอะแยะตาแป๊ะเลยครับ เอาอย่างเราชาวปืนก็จับได้แล้วว่า ยื่นปืนจ่อหัวฝ่ายตรงข้ามมันผิดชัดๆ อย่างเรื่องนี้ที่เข้าใจได้ไม่ยากคือ เครื่องบินพอดึงตัวขึ้นได้แล้ว แป๊บเดียวมันก็ไต่ขึ้นไปสูงถึงไหนๆแล้ว แต่นี่ยังต้องหลบถนนที่ขาดอีก ก็อย่าคิดมากครับ จะได้สนุกๆ อิอิ
ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวครับ อาจจะแตกต่างกับเพื่อนๆมากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่มุมมองและรสนิยมในการชม อาจจะมองผลงานในแง่ดีเกินไปบ้างครับ แต่ที่แน่ๆ แผ่นออกเมื่อไหร่ เรื่องนี้อยู่ในคิวที่จะต้องซื้อเก็บครับ เผลอๆอาจจะไปดูอีกรอบก็ได้