เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 30, 2025, 09:36:13 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปืนลั่นโดยประมาท  (อ่าน 7044 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PRIVACY
I don't want to survive, I want to live
Full Member
***

คะแนน 36
ออฟไลน์

กระทู้: 400


"Knowledge speaks, but wisdom listens."


« เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2009, 07:14:48 PM »

สืบมาจากกระทู้ที่มีคนถามเกี่ยวกับปืนลั่น ผมเลยสงสัยว่า..

1. ปืนลั่นโดยประมาทโดยทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้นมีความผิดมากน้อยเพียงใด? และ

2. อาวุธปืน(ถูกต้องตามกฎหมาย)จะต้องถูกริบด้วยหรือไม่ครับ?

3. ถ้าพี่ๆท่านใดพอมีคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องกับกรณีปืนลั่นช่วยนำมาลงให้ได้ศึกษาเป็นความรู้ด้วยนะครับ

 ไหว้ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
khwanphet_NAVY 39
Hero Member
*****

คะแนน 129
ออฟไลน์

กระทู้: 2035


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 04:10:28 PM »

...........................ผิดครับกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายครับ................. ไหว้
บันทึกการเข้า
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 04:29:48 PM »

        ส่วนใหญ่ที่ได้ยินมา
ก็เห็นเป็นปืนลั่นนี่ครับ  แม้แต่ทะเลาะวิวาท
กัน  อีกฝ่ายใช้อาวุธ  ก็ยังเคยได้ยินว่าปืนลั่น ครับ
        เรื่องข้อกฏหมาย เดี๋ยวพี่ ๆ คงมาตอบให้ครับ
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1646


จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง


« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 04:48:10 PM »

        ส่วนใหญ่ที่ได้ยินมา
ก็เห็นเป็นปืนลั่นนี่ครับ  แม้แต่ทะเลาะวิวาท
กัน  อีกฝ่ายใช้อาวุธ  ก็ยังเคยได้ยินว่าปืนลั่น ครับ
        เรื่องข้อกฏหมาย เดี๋ยวพี่ ๆ คงมาตอบให้ครับ
มันก็บังเอิญนะครับ ท่าน คมขวาน ลั่นทีไร โดนจุดสำคัญทุกที  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก เข้ามาหาความรู้ด้วยคนครับ  ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
อ.ช้าง 4965
Jr. Member
**

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 47



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 07:35:53 PM »

อันที่จริง  ปืนลั่น  ไม่มีเจตนาหรอกครับ  ถ้าสืบได้ว่าปืนลั่นจริงนะครับ....เหอะๆ

กรณ๊นี้  ก็ลุ้นไปครับ  สองมาตรา 290 กับ 291

290 - คือมิได้เจตนาฆ่า  แต่ทำร้ายผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีครับ

291-  คือกระทำโดยประมาท  และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรัไม่เกินสองหมื่นบาท

ถ้าปืนลั่น  ต้องมีองค์ประกอบแวดล้อมอีกครับ  ว่าลั่นยังไง  ทำความสะอาดอยู่แล้วลั่น  หรือ ทะเลาะกันอยู่  นาย ก. ชักปืนออกมาขู่  ลั่นไปเข้ากลางหน้าผาก นาย ข.พอดี

ต้องมีการนำสืบให้ชั้นศาล  ว่าจะยังไง  แต่โดยมาก  ถ้าทะเลาะวิวาทกันอยู่  โดยมากอัยการจะลงว่า 290 ครับ  ถ้ามากับพวก ก็ประกอบ 83 ไปด้วยอีกนึ่งครับ......

ว่าแต่ ท่านเจ้าของกระทู้ไปลั่นใส่ใครมาหรอครับ.........(แซวเล่นนะครับ)

บันทึกการเข้า

เตรียมทหาร 49  นายร้อยตำรวจ 65

"รับติวเข้าเตรียมทหาร"

ผลงาน ปี 52

สอน 4 คน ติด 3 คน  รายละเอียด 086-574-9676
PRIVACY
I don't want to survive, I want to live
Full Member
***

คะแนน 36
ออฟไลน์

กระทู้: 400


"Knowledge speaks, but wisdom listens."


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 08:03:59 PM »


ว่าแต่ ท่านเจ้าของกระทู้ไปลั่นใส่ใครมาหรอครับ.........(แซวเล่นนะครับ)


ปืนที่ใช้แรงดินปืนขับจุดระเบิด ผมยังไม่เคยลั่นครับ  คิก คิก

-----------------------------------------------------------

เหลือข้อสองน่ะครับ อาวุธปืนจะถูกริบด้วยหรือเปล่าครับ? พี่ๆคนไหนทราบช่วยให้ความรู้ด้วยครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 08:52:39 AM »

ในเรื่องการริบของกลางนั้น ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๓๒ ทรัพย์สินใดที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่

มาตรา ๓๓ ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ
(๑) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ
(๒) ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด
เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

คำพิพากษาที่ ๕๐๑๔/๒๕๔๒  การที่ศาลจะมีอำนาจสั่งริบทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓(๑) นั้น มุ่งหมายถึงให้ริบตัวทรัพย์สินที่ผู้กระทำความผิดได้ใช้ในการกระทำความผิดนั้น ๆ โดยตรง

จากหลักข้างต้น ตามข้อเท็จจริงที่เจ้าของกระทู้สอบถามมานั้น อาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จึงมิใช่เป็นทรัพย์สินมีไว้เป็นความผิด  ตามมาตรา ๓๒ ซึ่งศาลจะต้องมีคำสั่งริบทุกกรณี จึงต้องมาพิจารณาดูตามบทบัญญัติในมาตรา ๓๓ (๑) ว่า อาวุธปืนนั้น เป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงหรือไม่

ในเรื่องนี้ มีนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๗๓/๒๔๙๒ (เก่าไปหน่อยเป็นฎีกาที่วางหลักกฎหมายไว้ชัดเจน) ได้วินิจฉัยว่า ทรัพย์หรือสิ่งของที่ศาลจะริบได้ตามมาตรา ๒๗ (๑) นั้น (ปัจจุบันคือมาตรา ๓๓(๑))  จะต้องเป็นสิ่งที่จำเลยเจตนาใช้กระทำผิดหรือมีไว้โดยเจตนาที่จะใช้กระทำผิด ฉะนั้น จะมีการริบทรัพย์ในความผิดฐานประมาทไม่ได้

จากฎีกาดังกล่าว จะเห็นว่าทรัพย์ที่ศาลจะมีคำสั่งริบได้นั้น จะต้องเป็นความผิดที่กระทำโดยเจตนาเท่านั้น ส่วนความผิดที่กระทำโดยประมาท ศาลจะริบไม่ได้

อย่างไรก็ดี การริบทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓ (๑) ระยะหลังศาลฎีกาได้วางหลักเพิ่มเติมว่า การริบทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓ (๑) เป็นดุลพินิจของศาลจะริบหรือไม่ก็ได้ แต่โจทก์ (อัยการ) จะต้องมีคำขอให้ริบในส่วนนี้ด้วยครับ
บันทึกการเข้า
SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 09:02:26 AM »

มีคำพิพากษาฎีกาเรื่องหนึ่งครับ ถึงแม้ไม่เกี่ยวกับปืน แต่พออ่านดู ทำให้รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน

คำพิพากษาฎีกาที่  ๕๙๕/๒๕๕๑ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ภ-๘๙๘๓ สงขลา ไปตามถนนจะนะจากด้านทิศตะวันออกมุ่งหน้าไปทางสี่แยกองค์การโทรศัพท์ด้านทิศตะวันตกตัดกับถนนนครในตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ด้วยความเร็วสูงแซงซ้ายแซงขวาในลักษณะฉวัดเฉวียนไปมาและปาดหน้ารถคันอื่นในระยะกระชั้นชิดโดยไม่ให้สัญญาณใด ๆ เมื่อถึงบริเวณสี่แยกองค์การโทรศัพท์ จำเลยขับรถเข้าสี่แยกอย่างรวดเร็วโดยไม่ลดความเร็วเพื่อให้นางสาว พ. ซึ่งขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนสงขลา ย-๑๑๗๑ ไปตามถนนนครในด้านทิศใต้มุ่งหน้าไปด้านทิศเหนือให้ผ่านสี่แยกดังกล่าวไปก่อน จึงเป็นเหตุให้นางสาว พ. ต้องหยุดรถกะทันหันจนเสียหลักล้มลงได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการขับรถยนต์ด้วยความประมาทและน่าหวาดเสียวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

          ต่อมาวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗ เจ้าพนักงานได้ตัวจำเลย และวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๘ เจ้าพนักงานยึดรถยนต์คันที่จำเลยขับเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๔๓ (๘), ๑๖๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๙๐, ๓๙๐ และริบของกลาง

          จำเลยให้การรับสารภาพ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๘), ๑๖๐ วรรคสาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานขับรถยนต์โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๘), ๑๖๐ วรรคสาม  ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๒ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ เดือน และปรับ ๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๔ เดือน ต่อครั้ง ภายในกำหนด ๑ ปี กับให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร มีกำหนด ๑๕ ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ รถยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยแท้จริง จึงไม่ริบ

          โจทก์อุทธรณ์ โดยรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต ๙ รักษาราชการแทนอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต ๙ ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมาย รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

          ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          จำเลยฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า การกระทำความผิดของจำเลยเกิดจากการกระทำของตัวบุคคล รถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดโดยแท้จริง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ จะนำประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับมิได้ และพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติที่ให้ศาลริบรถยนต์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด เห็นว่า โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาว่า จำเลยขับรถยนต์ของกลางด้วยความประมาทและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น อันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๓, ๑๖๐ ของพระราชบัญญัติดังกล่าว เจ้าพนักงานจับจำเลยและยึดรถยนต์ดังกล่าวซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง โจทก์ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ อันเป็นบทบัญญัติเรื่องริบทรัพย์ และมีคำขอให้ริบรถยนต์ของกลางด้วย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติตามที่โจทก์ฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จำเลยจะฎีกาโต้แย้งว่ารถยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอีกไม่ได้ และแม้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดที่ใช้ลงโทษแก่จำเลยจะไม่มีบทบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าว แต่จะถือว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับดังที่จำเลยยกขึ้นกล่าวอ้างในฎีกาก็ไม่ได้อีกเช่นกัน เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ กำหนดให้ศาลริบทรัพย์สินได้นอกเหนือไปจากกรณีที่กฎหมายอื่นได้บัญญัติไว้ด้วย ดังนั้น เมื่อฟังได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาริบรถยนต์ของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗, ๓๓ (๑) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางชอบแล้ว”

          พิพากษายืน

______________________________________________

ความเห็นครับ

      เรื่องนี้ มองดูแล้ว การศาลฎีกาวินิจฉัยยืนตามศาลอุทธรณ์ภาค ๙ ให้ริบรถยนต์ของกลาง เพราะเห็นว่า จำเลยขับรถยนต์ของกลางด้วยความประมาทและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น อันเป็นความผิดตามมาตรา ๔๓, ๑๖๐ ของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้ใช้รถยนต์ของกลางกระทำผิดจริงตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติตามที่โจทก์ฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒
       แต่ไม่ได้วินิจฉัยตรงๆว่า ในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ศาลสามารถริบของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำโดยประมาทได้

      เมื่อข้อเท็จจริงตามที่เจ้าของกระทู้ว่ามาปืนเป็นปืนของเราที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย เกิดทำปืนลั่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ความผิดนี้จึงเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ เท่านั้น ถ้าไม่มีความผิดตามกฎหมายอื่นรวมอยู่ด้วย ดังนั้นอาวุธปืนของกลางในกรณีนี้ จึงไม่สามารถริบได้ ตามมาตรา ๓๓ (๑) เช่นเดิมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 21, 2009, 09:27:38 AM โดย นายสิงห์กลิ้ง » บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 09:11:43 AM »

อันที่จริง  ปืนลั่น  ไม่มีเจตนาหรอกครับ  ถ้าสืบได้ว่าปืนลั่นจริงนะครับ....เหอะๆ

กรณ๊นี้  ก็ลุ้นไปครับ  สองมาตรา 290 กับ 291

290 - คือมิได้เจตนาฆ่า  แต่ทำร้ายผู้อ่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีครับ

291-  คือกระทำโดยประมาท  และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรัไม่เกินสองหมื่นบาท

ถ้าปืนลั่น  ต้องมีองค์ประกอบแวดล้อมอีกครับ  ว่าลั่นยังไง  ทำความสะอาดอยู่แล้วลั่น  หรือ ทะเลาะกันอยู่  นาย ก. ชักปืนออกมาขู่  ลั่นไปเข้ากลางหน้าผาก นาย ข.พอดี

ต้องมีการนำสืบให้ชั้นศาล  ว่าจะยังไง  แต่โดยมาก  ถ้าทะเลาะวิวาทกันอยู่  โดยมากอัยการจะลงว่า 290 ครับ  ถ้ามากับพวก ก็ประกอบ 83 ไปด้วยอีกนึ่งครับ......

ว่าแต่ ท่านเจ้าของกระทู้ไปลั่นใส่ใครมาหรอครับ.........(แซวเล่นนะครับ)




ประมาททำให้บุคคลอื่นเสียชีวิต ไม่เข้า ป.อาญา ม.๒๙๐ ครับ   .. ม.๒๙๐ เป็นเรื่องมีเจตนาในการกระทำ แต่เป็นเจตนา เพียงทำร้ายร่างกาย แต่ กลับเป็นเหตุเกิดเสียชีวิต
อาวุธปืน ศาลต้องริบ ครับ

ส่วนประมาททำให้คนตาย ตาม ป.อาญา ม. ๒๙๑ นั้น เกิดเพราะไม่มีเจตนาในการกระทำผิดแต่อย่างใดเลย.. แต่เหตุเกิดเพราะความเลินเล่อ  ปราศจากความระมัดระวัง โทษเบากว่า ม.๒๙๐ ครับ

ประมาททำให้คนตาย ตาม ม.๒๙๑ เมื่อไม่มีเจตนาในการกระทำความผิด  ศาลจะไม่ริบอาวุธปืน ตามที่น้องสิงห์ ให้ความเห็นไว้ครับ.  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

SingCring
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 09:31:46 AM »

 Cheesy Cheesy ขอบคุณครับพี่โร๊ต  Cheesy
บันทึกการเข้า
พรานเฒ่า
ณ.ที่ใดดวงใจไม่ไหวหวั่น ขอฝ่าฟันอุปสรรคและขวากหนาม ถึงสิ้นชาติวาสนาชะตาทราม จะฝากนามโลกให้รู้กูก็ชาย
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 111



« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 11:16:37 AM »

*ก่อนจะทำอะไร เกียวกับอาวุธปืน ควรคิดและปฎิบัติตามกฎความปลอดภัยนะครับ ไหว้

  มาตรา ๒๘๘ ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต
 หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี

  มาตรา ๒๘๙ ผู้ใด
  (๑) ฆ่าบุพการี
  (๒) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำตามหน้าที่
  (๓) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้ว
  (๔) ฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน
  (๕)  ฆ่าผู้อื่นโดยทรมาร หรือโดยกระทำทารุนโหดร้าย
  (๖)  ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือ
  (๗)  ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
  ต้องระวางโทษประหารชีวิต

 มาตรา ๒๙๐ ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
    ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๑๘๙ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี

 มาตรา ๒๙๑ ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

   ไหว้ผมว่าทุกคนล้วนแต่ต้องการ อิสระภาพกันทั้งนั้น ไหว้
 
บันทึกการเข้า
RTCO
Full Member
***

คะแนน 50
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 286


Military Technical Training School


« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 12:22:04 PM »

สืบมาจากกระทู้ที่มีคนถามเกี่ยวกับปืนลั่น ผมเลยสงสัยว่า..

1. ปืนลั่นโดยประมาทโดยทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้นมีความผิดมากน้อยเพียงใด? และ

2. อาวุธปืน(ถูกต้องตามกฎหมาย)จะต้องถูกริบด้วยหรือไม่ครับ?

3. ถ้าพี่ๆท่านใดพอมีคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องกับกรณีปืนลั่นช่วยนำมาลงให้ได้ศึกษาเป็นความรู้ด้วยนะครับ

 ไหว้ ขอบคุณครับ

ขอนอกเรื่องหน่อยครับ 21-11-2552 เจ้าของกระทู้ไปรับKIMBER SIS ULTRAที่สน.สก.รึเปล่าครับ

พอดีเห็นรูปโลโก้แล้วคุ้นๆครับ

ถ้าใช่ เราก็ได้คุยกันตอนตรวจปืนครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

"สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถัง โส ปํณฑิโต ภเว"
ผู้ปราศจาก สุ จิ ปุ ลิ จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร
PRIVACY
I don't want to survive, I want to live
Full Member
***

คะแนน 36
ออฟไลน์

กระทู้: 400


"Knowledge speaks, but wisdom listens."


« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 12:55:27 PM »


 ไหว้

ขอบคุณครับพี่ๆ กระจ่างเลยที่นี้

---------------------------------------------------


ขอนอกเรื่องหน่อยครับ 21-11-2552 เจ้าของกระทู้ไปรับKIMBER SIS ULTRAที่สน.สก.รึเปล่าครับ

พอดีเห็นรูปโลโก้แล้วคุ้นๆครับ

ถ้าใช่ เราก็ได้คุยกันตอนตรวจปืนครับ ไหว้

แฮ่ะๆ ไม่ใช่ครับผม อ๋อย
บันทึกการเข้า
CHAWALIT2009
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 30
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 250


THE DEAD DO NOT DIE AGAIN


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 02:02:48 PM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้   ขอบคุณครับ   ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า
outpost 1969 รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 66
ออฟไลน์

กระทู้: 902



« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2009, 05:33:45 PM »

 ไหว้สวัสดีครับ ไหว้

 ไหว้ขอบพระคุณทุกท่านในหัวข้อนี้อย่างสูงครับ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 20 คำสั่ง