Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 01:44:20 PM » |
|
เป็นเรื่องเล่าที่ผม Coppy มาอีกทีครับ ^_^"
ธรณีสูบลูกทรพีไล่ฆ่าแม่
จากบันทึกของคุณอนุชาติ อินทรพรหม
เมื่อราว ๕๐ ปีผ่านมาที่ลพบุรี สมัยที่บ้านเมืองยังไม่เจริญเช่นทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ทำนา
เลี้ยงชีวิต ณ เชิงเขาสะพานนาค มีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งที่ท้ายหมู่บ้านมีกระต๊อบหลังคามุงแฝกหลังหนึ่ง
เป็นที่อยู่อาศัยของ ๔ ชีวิต มีหญิงชราผู้เป็นแม่ ลูกชาย - ลูกสะใภ้ และหลานน้อย ลูกชายชื่อทอง
เป็นคนเจ้าอารมณ์ โมโหร้าย มุทะลุดุดัน ชอบเล่นการพนัน ติดสุรายาเสพติด วันๆการงานไม่ทำ
เอาแต่ดื่มสุราหาเล่นการพนัน แม่กับเมียจะลำบากอย่างไรก็ช่าง
ผู้เป็นเมียจึงออกไปทำไร่หาเลี้ยงครอบครัวทุกวันปล่อยให้แม่ผัวกับลูกน้อยเฝ้าบ้าน
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง ย่ากับหลานอยู่ด้วยกันสองคน
ย่าแก่แล้วจึงงกๆเงิ่นๆด้วยความชราตามหลานไม่ค่อยจะทัน หลานน้อยก็แสนซนคอยลักหนีไปเที่ยว
อยู่เรื่อย ตะวันบ่ายคล้อยผู้เป็นย่าจัดแจงเข้าครัวหุงหาอาหารไว้คอยลูก ย่ากำลังทำครัวเพลิน
หลานน้อยได้โอกาสหนีไปเล่นน้ำในโอ่งข้างล่าง น้ำมีเพียงครึ่งโอ่งหลานน้อนจอมซนจะตักน้ำมาเล่น
แต่ตักไม่ถึงจึงปีนปากโอ่งพยายามตักน้ำให้ได้ บังเอิญพลาดหัวทิ่มลงไปในโองดิ้นขลุกขลักอยู่
จะขึ้นก็ไม่ได้ หายใจก็ไม่ออกทุรนทุราย ฝ่ายย่าอยู่ในครัวได้ยินเสียงหลานดิ้นจึงรีบออกมาดู
เห็นแต่เท้าโผล่ออกมาจึงรีบคว้าหลานขึ้นจากโอ่ง อนิจจา....สายเกินไปเสียแล้วเด็กน้อยขาดใจตาย
เสียแล้ว หญิงชราตกใจแทบสิ้นสติ ได้แต่กอดศพหลานร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าจะขาดใจ
เพื่อนบ้านเดินทางผ่านมาจึงแวะเข้าไปดูเห็นหญิงชรากอดศพหลานร้องไห้อยู่ สอบถามดูก็รู้สาเหตุ
จึงให้คนไปตามเอาลูกชายลูกสะใภ้ของหญิงชราให้กลับมาบ้าน
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 01:46:06 PM » |
|
ที่วงการพนันเจ้าทองร่ำสุราได้ที่เข้าเล่นการพนันกำลังเสียอารมณ์ไม่ดี
พอมีคนไปส่งข่าวว่าลูกชายตายจึงรีบกลับบ้านด้วยความเสียใจ มาถึงบ้านเห็นแม่กับเมียร้องไห้
อยู่ข้างศพลูกชายท่ามกลางเพื่อนบ้าน เจ้าทองยิ่งเสียใจบวกด้วยความเมาและอารมณ์เสียจากพนัน
จึงเอะอะตึงตังตะคอกถามแม่ด้วยเสียงอันดังถึงสาเหตุที่ลูกของตนทำไมจึงตกน้ำตาย
ผู้เป็นแม่เห็นเจ้าทองเอะอะขึงขังเสียงดังก็ใจคอไม่ค่อยดี ปากคอสั่นจับต้นชนปลายไม่ถูก
เพื่อนบ้านจึงเล่าให้ฟังแทน เมื่อรู้เรื่องแทนที่เจ้าทองจะระงับยับยั้งอารมณ์กลับมีโมโหโทสะเพิ่มขึ้น
ชี้หน้าด่าแม่อย่างเดือดดาลว่าไม่ดูแลหลานให้ดี แม่ได้แต่ตกใจกลัวตัวสั่น
เจ้าทองลืมตัวขาดสติยับยั้งชั่งใจกระชากมีดเหน็บอยู่ข้างฝาบ้านตรงเข้าไปหมายจะฆ่าแม่ให้ตาย
ด้วยความแค้น เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เห็นท่าไม่ดีจึงเข้าขัดขวางจับกุมไว้ พร้อมว่ากล่าวเตือนสติ
แต่เจ้าทองหน้ามืดตาลายเสียแล้วออกแรงสะบัดดิ้นจนหลุดกระโจนเงื้อมีดเข้าหาแม่
หญิงชราเห็นท่าไม่ดีจึงออกวิ่งหนีจากบ้าน ไอ้ลูกเนรคุณยังไม่ลดละไล่กวดตามแม่ไปติดๆ
อย่างไม่ลดละ หญิงชราวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีตาย ดีแต่เจ้าทองยังไม่สร่างเมาดีจึงวิ่งเปะปะตามแม่
ไม่ค่อยจะทัน เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์พยายามจะขัดขวางแต่ถูกเจ้าทองป่ายมีดวืดวาดเข้าใส่
ต่างก็กระเจิดกระเจิงออกไปทุกทิศ เจ้าทองออกตามแม่ไปอย่างกระชั้นชิด
หญิงชราเห็นท่าไม่ดีจึงหนีเข้าวัดหวังพึงคุณพระคุณเจ้าให้ช่วยด้วยเป็นเขตอภัยทาน
เข้าไปหาสมภารที่กุฏิร่ำร้องให้ช่วยสงเคราะห์แก่สัตว์ผู้ตกยาก สมภารเข้าขวางหมายเตือนสติพยายาม
เทศนาสั่งสอนให้รู้จักชั่วดีว่า การฆ่าพ่อฆ่าแม่นั้นเป็นบาปมหันต์ พ่อแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงเรามา
กว่าจะเติบโตแสนจะลำบาก แต่เจ้าทองหาได้เชื่อฟังไม่กลับตรงเข้าไปผลักท่านสมภารจนเซถลา
ตรงเข้าไปจะฆ่าแม่ที่แอบอยู่ข้างหลังอีก
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 01:47:45 PM » |
|
หญิงชราอาศัยจังหวะที่เจ้าทองยังช้าอยู่วิ่งออกจากกุฎิหมายเข้าไปที่โบสถ์ปิดประตู
เจ้าทองออกวิ่งตามไปติดๆหวุดหวิดจวนเจียน หญิงชราก้าวขาเข้าโบสถ์ เจ้าทองเงื้อมีดหมายจะฆ่า
ฟ้าดินก่อปาฏิหารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าข้างคนดีลงโทษคนชั่ว ฉับพลันพื้นดินที่เจ้าทองเหยียบอยู่
พลันก็แยกออกจากกันเหมือนทานน้ำหนักคนชั่วไม่ไหว ลูกทรพีตกใจสุดขีดร่างร่วงลงไปในรอยแยก
มีดหลุดจากมือสร่างเมาโดยฉับพลันแถมแผ่นดินนั้นกลับหนีบตัวเอาไว้ เจ้าทองพยายามดิ้นให้หลุด
แต่ดินนั้นยังคงดูดเจ้าทองลงไปเรื่อยๆ ยิ่งดิ้นยิ่งดูดเจ้าทองตาสว่างได้คิดถึงบาป-บุญว่ามีจริง
ตนเจอบาปกรรมตามทันจึงเกิดความกลัวแหกปากร้องเรียกให้คนช่วยเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหว
ด้วยกลัวตาย หญิงชราผู้เป็นแม่หนีเข้าโบสถ์ได้ก็ปิดประตูรอดตาย แต่ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของเจ้าทอง
ก็แปลกใจแง้มประตูออกดู เห็นเจ้าทองถูกธรณีสูบก็ตกใจเข้าใจทุกอย่างทันที ด้วยสัญชาตญาณ
ของความเป็นแม่เกิดความเป็นห่วงกลัวลูกจะตาย ลืมไปแล้วว่าเพิ่งถูกลูกทรพีคนนี้ไล่ฆ่า
จนเอาชีวิตแทบไม่รอดมาหยกๆ ( นี่แหละหนอ ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ) รีบเปิดประตูโบสถ์
ถลาออกมาดูลูกทันที เจ้าทองเห็นแม่ออกมาหา ถึงกับน้ำตาร่วงร้องไห้โฮด้วยสำนึกผิด
กราบเท้าแม่สารภาพผิด หญิงชราคว้าแขนลูกชายหมายจะดึงให้พ้นจากพื้นดินที่ดูด
แต่ก็หาได้ขยับเขยื้อนไม่ ผู้เป็นแม่หมดปัญญาก็ไปขอร้องให้พระในวัดมาช่วย
พอดีชาวบ้านตามมาทันนางก็ขอให้ช่วยลูกชั่วของตนให้พ้นภัย
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 01:48:57 PM » |
|
ท่านสมภารให้ชาวบ้านทำขันธ์ ๕ ให้เจ้าทองขอขมาโทษแม่และฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่ได้กระทำชั่วล่วงเกินแม่ และขอให้แม่ธรณียกโทษให้ หญิงชราผู้เป็นแม่ยกโทษอโหสิกรรมให้
ชาวบ้านจึงช่วยกันฉุดเอาเจ้าทองขึ้นจากดิน แต่ไม่ว่าจะฉุดกระชากลากดึงอย่างไรก็หาขยับเขยื้อน
ไม่มีแต่จะจมลงๆ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาเป็นขุดดินออก
แต่แปลกประหลาดอัศจรรย์เหมือนสวรรค์ลงโทษซ้ำ ดินนั้นกลับแข็งเหมือนเหล็กจนจอบเสียมที่ขุด
กระเด็นดีดออกมาโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เหมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมยกโทษให้
ในที่สุดก็จนปัญญาที่จะช่วยเจ้าทองได้แม่และเมียจึงได้นิมนต์ท่านสมภารให้เทศนาโปรดเจ้าทอง
เป็นครั้งสุดท้าย เจ้าลูกทรพีสำนึกผิดฟังเทศน์ด้วยอาการสงบน้ำตานองหน้า ร่างก็จมลงเรื่อยๆ
เจ้าทองทุกข์ทรมานอยู่เป็นเวลา ๑ วัน ๑ คืน ก็สิ้นใจตายพร้อมกับร่างจมลงหมดแผ่นดินก็ปิดเหมือนเดิม ท่ามกลางความโศกเศร้าสังเวชใจของชาวบ้านที่พบเห็น
*-* เรื่องนี้คุณอนุชาติ อินทรพรหม บอกว่าได้รับฟังจากแม่และญาติผู้ใหญ่อีกที เหตุการณ์นี้คงเตือนสติท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย *-*
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
   
คะแนน 1628
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 18173
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 01:53:16 PM » |
|
ขอบคุณครับ พี่ Nattapol
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...
..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้ โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้ แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
|
|
|
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 3692
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 62457
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 02:23:32 PM » |
|
เคยอ่านแล้ว ได้อ่านอีกก็รู้สึกดีเหมือนเดิม ..... ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 2953
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 23210
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 02:58:14 PM » |
|
ขอบคุณครับ 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
|
|
|
นายรัก-รักในหลวง-
เลือด สี น้ำ เงิน
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 203
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 1646
จงภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 03:15:41 PM » |
|
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
|
|
|
ธนัท รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 373
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 965
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 03:34:04 PM » |
|
อ่านแล้วหันมามองคนยุคสมัยนี้ ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ประเภทเมาเหล้า เมายา สร้างความเดือดร้อน สร้างความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ..ชีวิต.. ให้แก่คนรอบข้างไม่เว้นแม้กระทั่งบุพการี ที่เฝ้าฟูมฟัก...พร่ำสั่งสอนอบรมตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ก็ยังมีให้เห็น ให้ได้ยินอยู่เสมอ 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น จะสู้กันไม่หลบหนีหาย สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู บ้านเมืองเราเราต้องรักษา อยากทำลายเชิญมาเราสู้ เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว
|
|
|
korpat
คนน่ารัก มักใจร้าย
Hero Member
   
คะแนน 119
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 2457
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 03:34:41 PM » |
|
ขอบคุณครับ 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ผ่านมากี่ฝนยังทนไม่ได้ ไม่รู้ทำไมใจต้องหวั่นไหว แค่เพียงความเหงาที่เข้ามากับฝน แต่ว่ามันซึมไปถึงหัวใจ
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 05:21:13 PM » |
|
ผู้ต้องธรณีสูบในพุทธประวัติ
1. พระเทวทัต
พระเทวทัต ในสมัยพระพุทธกาลเป็นพี่ของพระนางยโสธรา (พิมพา) พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร
ที่มาเป็นพระพุทธเจ้า และเป็นลูกของลุง พระพุทธเจ้าเองพระเทวทัตนั้นตามจองล้างพระพุทธเจ้ามานานหลายชาติ
อดีตชาตินานมาแล้วนั้นพระเทวทัตเป็นพ่อค้าวานิช มีจิตละโมบทุจริตและในชาตินั้น พระพุทธองค์ได้เสวยพระชาติ
เป็นพ่อค้าวานิชด้วยเช่นกันแต่เป็นฝ่ายสุจริต
วันหนึ่ง หญิงชราซึ่งเป็นผู้ดีตกยาก มีถาดทองคำของต้นตระกูลเหลืออยู่ จึงนำออกมาขาย
พระเทวทัตเห็นเช่นนั้นจึงลวงด้วยเล่ห์ต่อหญิงชรานั้นว่า ถาดนั้นมิใช่ทองคำแท้เป็นทองปลอม จึงเสนอขอซื้อราคาถูก
แต่หญิงชรานั้นรู้ดีว่าถาดที่แกนำออกมาขายนั้นทำด้วยทองคำแท้จึงมิยอมขายให้ ในเวลาเดียวกันนั้น
พระพุทธองค์ซึ่งเสวยพระชาติเป็นพ่อค้ามาพบเข้า เห็นเป็นถาดทำด้วยทองคำแท้ก็ให้ราคาตามความเป็นจริง
สร้างความโกรธแค้นให้แก่พระเทวทัตเป็นยิ่งนัก ถ้าไม่มีพระพุทธองค์มาซื้อถาดทองคำนั้น ในมิช้าหญิงชราก็จักต้อง
นำถาดทองคำมาขายแก่ตนเพราะความยากจน
เราจะจองล้างจองผลาญท่านต่อไปเท่าเม็ดทรายในกำมือ ๑ เม็ด เท่ากับ ๑ ชาติ จึงตามเบียดเบียน
พยาบาทจองเวรกันมานับภพชาติไม่ถ้วน
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 05:22:36 PM » |
|
เรื่อยมาจนกระทั่งพระชาติสุดท้ายก่อนจะที่จะมาตรัสรู้ที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือได้เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร พระเทวทัตได้มาเกิดเป็นพระพราหมณ์นามว่า ชูชก จนกระทั่งมาถึง
พระชาติที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระเทวทัตมีจิตริษยาพระพุทธเจ้านับตั้งแต่เยาว์วัย ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้า
ทรงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เจ้าชายเทวทัตได้ออกบวชด้วยเช่นกัน เมื่อบวชแล้วได้โลกีย์ญาณ มีความชำนาญในอภิญญา
สามารถนิรมิตกายเหาะเหินเดินอากาศได้ จึงเกิดความกำเริบใจเพราะอกุศลกรรมเข้าสนับสนุน ใช้ฤทธิ์แปลงกายเป็นพระศาสดา
กล่าวให้ร้ายในพรหมจรรย์ของพระพุทธองค์ ว่ายังอนุญาตให้สงฆ์สาวกฉันเนื้อสัตว์ที่ถูกนำมาถวายเป็นพระกระยาหาร
และก็เริ่มต้นสร้างความเลื่อมใสด้วยการฉันมังสวิรัติ ให้เห็นว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ยินยอมให้พุทธสาวกปฏิบัตินั้นคือความเสื่อม
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 05:24:21 PM » |
|
มิเพียงเท่านั้น ยังลวงเจ้าชายอชาติศัตรูให้กบฏต่อพระราชบิดาแล้วตั้งตัวเองเป็นพระราชา
พระเจ้าอชาติศัตรูนั้นเคยเลื่อมใสพระพุทธองค์ แต่เมื่อถูกพระเทวทัตลวงก็ตัด อุปนิสัยแห่งมรรคผลเบื้องต้นเสีย
ทำตัวเองไปสู่ความพินาศอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นทำกรรมหนักปลงพระชนม์พระราชบิดา พระเทวทัตเองก็คิดปลงพระชนม์พระพุทธองค์
แล้วจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง อกุศลกรรมที่พระเทวทัตก่อขึ้นตั้งแต่ต้น คือส่งนายขมังธนูเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์
ยุยงให้พระเจ้าอชาติศัตรูมอมเหล้าช้าง นาฬาคีรี จนมึนเมาดุร้ายแล้วปล่อยออกไปทำร้ายพระพุทธองค์
ตลอดจนกระทั่งยุยงหมู่พระสงฆ์ให้เห็นความมัวหมองในพรหมจรรย์ ของพระพุทธองค์ ขณะเดียวกันพระเทวทัต
ได้หันมาฉันมังสวิรัติเป็นการโอ้อวดพรหมจรรย์ที่สูงกว่า ความเลวร้ายของพระเทวทัตนั้นหนักหนา
จนแผ่นดินที่รองรับอยู่นั้นทนมิได้ แยกตัวออก และสูบเอาพระเทวทัตตกสู่ขุมนรกอเวจี ยืนเสวยอกุศลวิบากอีกนานเท่านาน
จนแทบจะนับกาลเวลาไม่ได้
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 05:29:05 PM » |
|
2. นันทมานพ
นันทมานพมิได้ทำร้ายพระพุทธองค์ แต่ทำร้ายสาวกของพระพุทธองค์ คือพระ อุบลวรรณาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี
เป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ ออกบวชตั้งแต่อายุ ๑๖ มีความสวยงามมาก ซึ่งก่อนนั้นที่เป็นฆราวาสความสวยเป็นที่เลื่องลือ
และเป็นที่หมายปองของพระราชาคหบดี และมหาเศรษฐีมากมาย แต่พระอุบลวรรณาเถรีเบื่อหน่ายชีวิตฆราวาส เห็นเป็นทุกข์จึงออกบวช
เป็นภิกษุณี เมื่อบวชได้ไม่นานก็บรรลุอรหัตผลมีฤทธิ์มาก แต่ว่านันทมาณพมีความต้องการด้านกามราคะฝังแน่นในใจมาช้านาน
วันหนึ่งนันทมานพทราบว่า พระอุบลวรรณาเถรีจำพรรษาอยู่ในป่า ในกระท่อมเล็ก ๆ ด้วยจิตอันฝังแน่นด้วยราคะตัณหานันทมาณพ
ได้แฝงตัวแอบรออยู่จนถึงเช้า พระอุบลวรรณาเถรีออกบิณฑบาตแล้ว นันทมานพได้หลบเข้าไปแอบซ่อนอยู่ใต้เตียงนอนในกระท่อม
เมื่อพระอุบลวรรณาเถรีกลับจากบิณฑบาต ยังมิได้ฉันข้าว นั่งพักสงบอยู่บนเตียง นันทมาณพได้ออกมาจากที่ซ่อนเข้าปลุกปล้ำ
พระอุบลวรรณาเถรีแม้นจะร้องหาคนช่วยก็ไม่เป็นผล เพราะไม่มีใครอยู่ใกล้ จึงกล่าวให้สติแก่นันทมาณพว่า
จงอย่าทำเช่นนี้ .. ความหายนะจะมาสู่ท่าน
นันทมาณพมิได้ฟังกลับปลุกปล้ำพระอุบลวรรณาเถรีจนสำเร็จความใคร่ดังใจปรารถนา
พอก้าวลงจากแคร่ก็ถูกแผ่นดินสูบตกลงสู่มหานรกอเวจีด้วยกรรมลามกนั้นหนักมาก
พระอุบลวรรณาเถรี ถูกวิจารณ์ว่าการสัมผัสเช่นนี้ พระอุบลวรรณาเถรีจะไม่มีความยินดีไม่ได้
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสบอกต่อพุทธสาวก... พระอรหันต์นั้นมิใช่ไม้ผุ ไม่มีกิเลส ไม่มีความยินดีในกิเลส เฉกเช่นตุ๊กตา
ที่ไม่มีความปรารถนาในการสัมผัสฉันใด พระอรหันต์ก็เป็น เช่นนั้น ..
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 708
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 3010
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 05:32:07 PM » |
|
3. นันทยักษ์
นันทยักษ์มิได้สร้างกรรมต่อพระพุทธองค์ แต่กระทำเบียดเบียนต่อพระสารีบุตร ผู้บำเพ็ญธรรม .. ครั้งนั้น นันทยักษ์
ผู้มีฤทธิ์เดชเหาะมาบนอากาศพร้อมด้วยเหมตายักษ์ เมื่อเหาะมาถึงตรงที่พระสารีบุตรกำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ในอากาศธาตุ
ในบริเวณนั้นว่างเปล่าจากอากาศธาตุนันทยักษ์เหาะผ่านไม่ได้ จึงเกิดบันดาลโทสะ ด้วยในชาติปางก่อนนั้นนันทยักษ์
ได้อาฆาตพยาบาทพระเถระเอาไว้ จึงมีจิตคิดกระทำปาณาติบาตต่อพระสารีบุตรด้วยความพาลในสันดาน เหมตายักษ์ได้ทัดทาน
ให้ละเว้นเสีย แต่นันทยักษ์ก็มิฟัง เหาะขึ้นบนอากาศ ใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธแห่งตนฟาดลงบนศีรษะของพระสารีบุตร
ความแรงแห่งการฟาดนั้น สามารถพังภูเขาในคราวเดียวกันได้ถึง ๑๐๐ ลูก แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในนิโรธสมาบัตินั้น
หาได้รับอันตรายจากการประทุษร้ายของนันทยักษ์ไม่
เมื่อเห็นพระสารีบุตรมิได้รับอันตราย นันทยักษ์ก็บังเกิดเพลิงเร่าร้อนในอารมณ์ กล่าวออกมาด้วยเสียงอันดังว่า
เราร้อน ... เราร้อน แล้วตกลงมาจากอากาศ แผ่นดินเปิดช่องดึงร่างของนันทยักษ์ หายลับตาไปในบัดดล
ดิ่งลงสู่มหานรกอเวจีอันลึกสุด
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|