ต้นเดือนที่ผ่านมา มีเคสเด็กห้าขวบมาผ่าตัดฉุกเฉินเนื่องจากถูกปืนลั่นเข้าเบ้าตาทะลุเข้าในสมอง อาการนั้นย่ำแย่ตั้งแต่แรก เพราะเสียเลือดและสมองบวมมาก ...เมื่อผ่าตัดเสร็จ เด็กก็ไม่รับรู้อะไร ได้แต่ขยับตามการกระตุ้นบ้าง ได้แต่ใช้เครื่องช่วยหายใจและให้ยากระตุ้นหัวใจประคับประคองไป จนเสียชีวิตท่ามกลางความโศกเศร้าของพ่อแม่ไปเมื่อไม่กี่วัน
น้องคนนี้เป็นเด็กผู้ชายห้าขวบ หน้าตาน่ารัก ... วันเกิดเหตุพ่อไปรับจากโรงเรียนพร้อมกับน้องชายวัยสามขวบ เด็กทั้งสองหลับระหว่างทางกลับบ้าน ผู้เป็นพ่อได้เข้าไปจอดรถเพื่อจะซื้อของในห้างแห่งหนึ่ง เมื่อพบว่าลูกหลับจึงทิ้งไว้ในรถ โดยแง้มกระจกไว้เล็กน้อยและรีบไปซื้อของ
เมื่อรถจอด เด็กคนพี่ได้ตื่นขึ้นมาและค้นของในรถเล่น พบว่าในลิ้นชักหน้ารถมีปืนของพ่อเก็บอยู่จึงเอามาเล่น รปภ.ของห้างเห็นแล้วคิดว่าเป็นปืนของเล่นจึงไม่ได้ห้ามปรามอะไร ... พอสักพักได้ยินเสียงปืนดังลั่นจึงรีบวิ่งไปก็สายไปเสียแล้ว มีเลือดไหลนองออกจากประตูด้านคนขับ พร้อมเสียงร้องไห้จ้าของเด็กชายคนน้อง
รปภ.ได้รีบนำน้องส่งโรงพยาบาลและเข้าห้องผ่าตัดด่วน พ่อของเขาตามไปด้วยอาการหัวใจสลาย ... เรื่องเล็กๆน้อยๆที่มองข้ามไปว่าไม่เป็นอะไร กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่พรากชีวิตลูกชายไป ส่วนลูกอีกคนก็คงช็อคจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้เมื่อไหร่จะเยียวยาได้ ....
เราเองไม่เคยกล้าจะทิ้งลูกไว้ในรถเลยค่ะ แม้แต่นาทีเดียวก็ไม่กล้า บางทีเห็นอะไรข้างทางอยากจะจอดซื้อ อยากจะแวะกดเงิน แต่ถ้าไม่มีคนดูลูกก็อดใจไว้... ไม่มีอะไรรอไม่ได้ หรือไม่ก็ต้องจูงลูกลงไปด้วย มีตัวอย่างเห็นกันมามากมายแล้ว
คิดดูถ้าลูกเผลอไปเล่นเกียร์รถ ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือแค่กดล็อคถ้ากุญแจคาอยู่ข้างใน กว่าจะเอากันออกมาได้ก็คงใจแทบขาด อีกอย่างถ้าติดเครื่องไว้ก็ระวังคนร้ายสวมรอยขับไปได้ ไม่อยากให้ประมาทจริงๆค่ะ
กรณีศึกษา นำมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกๆท่านค่ะ
