"สู้ด้วยความพากเพียร"
มีคนนิยามความหมายของชีวิตว่า ชีวิตคือการต่อสู้ ผมขอแถมอีกนิดว่า สู้แล้วต้องให้ชนะด้วย
จริงอยู่ในสังเวียนแห่งการต่อสู้ ย่อมมีทั้งแพ้และชนะแต่นักสู้ต้องมุ่งเป้าไปที่ชัยชนะ
แพ้น่ะได้ แพ้บ่อยๆก็ได้อีกเหมือนกัน แต่ในที่สุดเราต้องเอาชัยชนะให้ได้ !
ทุกคนมีสิทธิ์สะดุดล้ม แต่ล้มแล้วนอนเป็นเรื่องน่าตำหนิ
ล้มแล้วรีบลุกขึ้นเดินต่อไปสิ คนเขายกย่องสรรเสริญ
ในประเทศญี่ปุ่นเขามีธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่ง คือเขาจะนำ "ตุ๊กตาล้มลุก"ไปมอบให้แก่กัน
ในโอกาสสำคัญๆ เช่นวันเกิด หรือปีใหม่อะไรนี่ผมก็จำไม่ถนัด แต่จำได้ว่า เขามอบตุ๊กตาล้มลุกให้กัน
ตุ๊กตานั้นเดินไปได้หน่อยแล้วก็ล้ม แล้วก็ลุกเดินต่อไป ล้มลุก ล้มลุก อยู่อย่างนี้
ดูกันเล่นสนุกๆ ก็ได้ ดูให้ดีให้เกิดปรัชญาชีวิตก็ได้
คือเป็นเครื่องเตือนใจว่า อย่ายอมหยุดหรือเลิกรา ล้มแล้วให้ลุกเดินต่อไป
อย่านอนแผ่หลาอย่างคนหมดท่าในชีวิต เพราะญี่ปุ่นเขามี "ปรัชญาชีวิต" อย่างนี้
เขาจึงพัฒนาก้าวไกลไปสุดกู่ เมื่อคราวแพ้สงคราม ญี่ปุ่นย่อยยับไม่มีดี
แต่ไม่กี่ปีให้หลังก็ฟื้นตัวและพัฒนาล้ำหน้าประเทศอื่นๆ
เดี๋ยวนี้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่น่ากลัวที่สุดในโลกไปแล้ว
เพราะพี่ยุ่นแกถือปรัชญา ล้มแล้วลุก ดังเช่นตุ๊กตาล้มลุกนั่นแหละครับ
การล้มแล้วลุก แล้วๆเล่าๆ ถ้าถอดเป็นธรรมะก็ได้แก่ความพากเพียรนั่นเอง
พระท่านเรียกว่า "วิริยะ" บ้าง "วิริยา-รัมภะ" บ้าง
ความพากเพียร ไม่ได้หมายถึงทำอะไรหามรุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักพักผ่อน
อย่างคนเรียนหนังสือ นั่งอ่านนั่งท่องอยู่นั่นแล้วตั้งแต่เช้ายันดึก ไม่กิน ไม่นอน
อย่างนี้เขาเรียกว่า "หัก-โหม" มิใช่ความพากเพียร ขืนทำอย่างนี้ ไม่เกินสี่ห้าวันโรคประสาทกินตาย
ความพากเพียรไม่ต้องทำมาก ไม่ต้องหักโหม ทำทีละน้อยๆ แต่ทำบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ท่านเคยเห็นแมงมุมไหม แน่นอนทุกคนคงรู้จักมันดี แต่น้อยคนที่จะสังเกตดูมันอย่างถี่ถ้วน
ลองสังเกตดูมันสิครับเวลามันถักใย มันจะไต่จากมุมนี้ไปยังมุมนั้น
มันมักจะตกสู่พื้นอยู่บ่อยๆ ไต่แล้วตก ไต่แล้วตก แต่มันก็ไม่ย่อท้อ
ยังคงก้มหน้าก้มตาถักใยต่อไป
ผลที่สุดมันก็ได้ใยแมงมุมที่สวยงามไว้ดักเหยื่อกินตามประสงค์
คนที่พากเพียรไม่ต่างจากแมงมุงถักใย ไม่ว่าจะทำกิจการอะไร
จะพากเพียรทำด้วยจิตใจแน่วแน่มั่นคง ไม่เลิกล้ม ไม่ย่อท้อ จนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ
"คนจะล่วงพ้นทุกข์ได้เพราะความพากเพียร" พระท่านพูดไว้ไม่ผิดดอกครับ
ทำอะไรล้มเหลวเพียงครั้งสองครั้ง อย่าได้ท้อแท้ ผิดหวังเลย ทำต่อไป สู้ต่อไป
ถ้าหากการกระทำต่อสู้นั้นเป็นเรื่องถูกต้อง สุจริต ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรม
ส่วนเรื่องผิดเรื่องชั่ว ไม่ต้องพากเพียรทำมันเพียงหลงทำครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว
"คนเช่นนี้เทวดาก็หยุดไม่ได้"
ชีวิตคือการต่อสู้ และต้องสู้ให้ชนะ ชีวิตจึงมีความหมายในสังเวียนการต่อสู้
เราอาจประสบความล้มเหลวหรือพ่ายแพ้ได้ และอาจจะมีบ่อยครั้งด้วย
แต่นั่นไม่สำคัญ ข้อสำคัญก็คือ ทุกครั้งที่เราล้มต้องรีบลุกทันที และก้าวเดินต่อไปอย่างมาดมั่น
อันนี้แหละที่พระท่านเรียกว่า ความพากเพียรและพระอีกนั่นแหละบอกเรา
ต่อไปว่า "คนที่มีความพากเพียร แม้เทวดาก็หยุดเขาไม่ได้"
คงเคยได้ยินนิทาน (จำไม่ได้ว่านิทานชาดก หรือนิทานอีสป) เล่าว่า
มีเด็กหนุ่มสองคนเป็นเพื่อนกัน ถูกหมอทำนายว่า
คนหนึ่งจะลำบากในการทำมาหาเลี้ยงชีพ อีกคนหนึ่งจะได้นั่งกินนอนกิน
คนที่หมอทำนายว่าจะลำบาก ไม่ท้อแท้ในชีวิต ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินหาทองเก็บหอมรอมริบไว้
เพราะกลัวความทุกข์ยากลำบากตามที่หมอทำนาย แกคิดว่าเก็บหอมรอมริบไว้บ้าง
ถึงจะลำบากในภายหน้าก็จะช่วยผ่อนเบาได้บ้าง
ไม่ช้าไม่นานฐานะแกก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นผู้มีอันจะกินระดับเศรษฐีน้อยๆ คนหนึ่ง
ส่วนคนที่ได้รับคำทำนายว่า ชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไร ก็ได้นั่งกินนอนกิน
ก็ประมาทนึกว่าดวงข้าดีแล้วจะขวนขวายทำมาหากเลี้ยงชีพไปทำไม
เจ้าคนนี้ก็เอาแต่สำมะเลเทเมา สนุกสำราญ เป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมา
ในที่สุดก็หมดเนื้อหมดตัว จนกระทั่งต้องกลายเป็นขอทานอาศัยนอนตามศาลาวัดบ้าง
ข้างซอกตึกบ้าง ได้นั่งกินนอนกิน "ตามคำทำนายไม่ผิดเพี้ยน"
ในขณะที่เพื่อนอีกคนมีหลักฐานมั่นคงอยู่ในขั้นเศรษฐีย่อยๆ คนหนึ่ง
การก้าวมาสู่ระดับเศรษฐีมีเงินมีทองนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สะดวกสบาย
ต้องอุตสาหะพากเพียรฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย
ก็ถูกต้องแล้วที่หมอทำนายว่าแกต้อง "ลำบากตรากตรำในการทำมาหาเลี้ยงชีพ"
นิทานเรื่องนี้ชี้คุณธรรมข้อเดิม คือ "ความพากเพียร"
ทั้งสองคนมี "ศักยภาพ" ที่จะร่ำรวยได้ทัดเทียมกัน
เพียงแต่คนหนึ่งไม่ "ดึง" ออกมาใช้ ในขณะที่อีกคนหนึ่ง "ดึง" ออกมาใช้เต็มที่
ศักยภาพที่ว่านี้คือความพากเพียรครับ
นิทานชาดกอีกเรื่องหนึ่งคล้ายกัน เปลี่ยนแต่เป็นเรื่องพระราชาสององค์รบกัน
พระอินทร์ทำนายให้ฤๅษีฟังว่า องค์ที่มีแสนยานุภาพมากจะชนะ
องค์ที่มีแสนยานุภาพน้อยจะแพ้ คำทำนายนี้ได้ยินไปถึงพระราชาทั้งสองพระองค์
องค์ที่ได้รับคำทำนายว่าจะแพ้ก็ไม่ประมาทพยายามฝึกปรือกองทัพให้พรักพร้อม
ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งประมาทผลการรบปรากฏว่าฝ่ายที่ว่าจะชนะกลับแพ้
จึงไปต่อว่าฤๅษี ฤๅษีไปต่อว่าพระอินทร์ พระอินทร์บอกให้แง่คิดว่า
"แนวโน้มบอกว่า ฝ่ายที่มีแสนยานุภาพมาก จะต้องชนะ
แต่อีกฝ่ายเขาไม่ประมาทนิ่งเฉยพากเพียรฝึกปรือกองทัพให้พรักพร้อมเสมอ
อย่างนี้รบกับใครที่ไหนก็ชนะ จำไว้เถิดว่าคนที่พากเพียรเต็มที่แม้เทวดาก็หยุดเขาไม่ได้"
คนที่ชอบดูหมอโปรดอย่าลืมว่า คำทำนายเป็นเพียงบอกแนวโน้มว่า
น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เท่านั้น แต่การจะให้ชีวิตเราเป็นอย่างไร
อยู่ที่การกระทำด้วยความพากเพียรของเราเองครับ
"ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ ไม่ใช่การวาดฝันและพร่ำเพ้อ!" 