
กระแสการตอบรับของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อรถยนต์ขนาดเล็กรูปทรงแฮทช์แบ็คเครื่องยนต์ไม่เกิน 1500 ซีซีช่วงเวลานี้ถือว่ากำลังอยู่ในจังหวะขาขึ้น หลังมีน้องใหม่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดเพิ่ม “มาสด้า 2” และ “ซูซูกิ สวิฟท์” โดยตัวแรกสามารถกอบโกยยอดขายไปอย่างเป็นกอบเป็นกำ ขณะที่สวิฟท์ แม้จะเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการแต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเช่นกัน
เมื่อมีผู้เล่นใหม่เข้ามาในตลาดทีมงาน “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงขอนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันทั้งรถใหม่และรถที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้วอย่าง “โตโยต้า ยาริส” และ “ฮอนด้า แจ๊ซ” รวม 4 รุ่น โดยจะเป็นการเปรียบเทียบสเปคในรุ่นท๊อปสุดตามคู่มือรวมกับราคาและข้อมูลที่น่าสนใจ ทั้งนี้จะไม่ใช้ ความสวยหรือความชอบ เข้ามาเกี่ยวเนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องนานาจิตตังที่ทุกคนสามารถเห็นแตกต่างกันได้อย่างอิสระ

เริ่มต้นด้วย ฮอนด้า แจ๊ซ ในฐานะเจ้าตลาดรถและผู้แจ้งเกิดรถแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตูในประเทศไทย โดยโมเดลปัจจุบันเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของการทำตลาดเปิดตัวเมื่อ 24 มี.ค. 2551 สำหรับโตโยต้า ยาริส เปิดตัวเมื่อ 17 ม.ค.ปี 2549 และเพิ่งจะไมเนอร์เชนจ์เมื่อ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ มาสด้า 2 เปิดตัว 17 พฤศจิกายน ปีนี้เช่นกัน ส่วน ซูซูกิ สวิฟท์ เผยโฉมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปที่ผ่านมาและอยู่ระหว่างการกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
สำหรับการเปรียบเทียบจากสเปค(ดูตารางประกอบ)ขนาดความยาวฮอนด้า แจ๊ซจะยาวที่สุดทั้งขนาดตัวรถและช่วงล้อ โดยตัวรถยาวกว่าซูซูกิ สวิฟท์ที่สั้นที่สุดถึง 165 มม.และช่วงล้อยาวกว่า 110 มม. ขณะที่ความกว้างภายนอกพอๆกันที่1695มม. ส่วนความกว้างของช่วงล้อจะใกล้เคียงกัน ยาริส,แจ๊ซ และมาสด้า2 จะมีช่วงล้อหน้ากว้างกว่าช่วงล้อหลัง แตกต่างจากสวิฟท์ที่มีช่วงล้อหลังกว้างกว่าช่วงล้อหน้า
น้ำหนักของตัวรถ สวิฟท์จะเบาที่สุด ด้วยนำหนักรถเปล่า 1,000 กิโลกรัม ส่วนรถหนักที่สุดคือ แจ๊ซ 1,115 กิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับพละกำลังที่มีมาให้ แจ๊ซจะมีแรงม้าต่อน้ำหนักดีที่สุดคือ 1แรงม้าแบกน้ำหนัก 9.29 กิโลกรัม รองลงมาเป็นสวิฟท์กับยาริส ที่ 1 แรงม้าต่อ 10 กิโลกรัม และมาสด้า 2 กำลัง 1 แรงม้าแบกน้ำหนัก 10.29 กิโลกรัม แม้ตัวเลขนี้จะไม่ใช่บทสรุปของสมรรถนะแต่แสดงถึงภาระเบี้องต้นของเครื่องยนต์ที่ต้องแบกรับเอา

เครื่องยนต์ของทุกคันจะมีระบบวาล์วแปรผัน เทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาเหมือนกันทุกรุ่น แต่อาจจะแตกต่างในด้านของการปรับแต่งระยะและเวลาเปิด-ปิดวาล์ว ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ โดยแจ๊ซเป็นเครื่องยนต์แบบ SOHCมีพละกำลังมากที่สุด 120 แรงม้า/6600 รอบต่อนาที(รตน.) ตามมาด้วยยาริส DOHC 109 แรงม้า/6000รตน. มาสด้า2 DOHC 103 แรงม้า/6000รตน. และสวิฟท์ DOHC 100 แรงม้า/6000รตน.
ในด้านของแรงบิดก็เรียงลำดับตามพละกำลังเช่นกัน แจ๊ซมีแรงบิดสูงที่สุดคือ 145 นิวตันเมตร/4800รตน. ยาริส 141 นิวตันเมตร/4200รตน. มาสด้า2 แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร/4000รตน. และสวิฟท์ 133นิวตันเมตร/4000 รตน.
เมื่อพิจารณาตัวเลขจะเห็นว่าแจ๊ซมีพละกำลังกำลังสูงสุด แต่ก็มาในรอบเครื่องยนต์สูงกว่าคู่แข่งเช่นกัน สิ่งนี้มีทั้งด้านบวกและลบต่อการใช้งานของผู้บริโภคนั่นก็คือ ด้านบวกรถให้การตอบสนองที่ดีและแรงกว่า ในทางตรงกันข้าม เครื่องยนต์ก็จำต้องรับภาระหนักกว่าในเวลาที่ผู้ขับต้องการกำลังสูงสุด ตัวอย่างเช่น ยาริสเร่งรอบเครื่อง 6000 รตน.ก็จะได้พละกำลังสูงสุดแล้ว (เร่งเกินกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์) ส่วนแจ๊ซต้องเร่งถึง 6600 รตน.จึงจะได้พละกำลังสูงสุด ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ขับว่า ชอบรถที่ให้ลักษณะการตอบสนองแบบใดมากกว่ากัน
ส่วนระบบส่งกำลังทุกคันเป็นเกียร์อัตโนมัติเหมือนกัน แจ๊ซเป็นเพียงรุ่นเดียวที่มี 5 สปีดพร้อมแป้นPaddle Shift หลังพวงมาลัยให้ผู้ขับเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ขณะที่รุ่นอื่นเป็นระบบเกียร์ 4 สปีด โดยยาริสและสวิฟท์มีคันเกียร์แบบขั้นบันได

น้ำมันที่ใช้เติมทุกรุ่นสามารถเติมน้ำมันเบนซินทุกชนิดตั้งแต่ อี20 ลงมาได้ เว้นเพียงสวิฟท์รุ่นเดียวที่เติม อี20 ไม่ได้เติมได้แค่อี10 สำหรับมาตรฐานไอเสีย แจ๊ซและมาสด้า 2 ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโรสเตป 4 แล้ว คือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากว่า คู่แข่ง ยาริสและสวิฟท์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียเพียงยูโรสเตป 3 เท่านั้น
ช่วงล่างทุกรุ่นใช้ระบบเดียวกันคือ ด้านหน้าเป็นแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมหรือคานแข็ง เพื่อประโยชน์ด้านการเพิ่มพื้นที่ใช้สอบภายในห้องโดยสาร แม้จะเหมือนกันในรูปแบบแต่ทุกคันจะแตกต่างกันตามการปรับแต่งของวิศวกรผู้ออกแบบรถของแต่ละค่าย ประเด็นนี้เห็นว่า ผู้บริโภคควรจะมีการทดลองขับก่อนจึงจะทราบถึงลักษณะการเซ็ทช่วงล่างของแต่ละคันว่าถูกใจตัวเองหรือไม่
ระบบเบรก ด้านหน้าทุกคันเป็นดิสก์เบรก ส่วนด้านหลังมีเพียง ยาริสและแจ๊ซ ที่เป็นดิสก์เบรก มาสด้า2กับสวิฟท์ จะเป็นดรัมเบรก เนื่องจาก 2 รุ่นมองว่า ดรัมเบรก เพียงพอแล้วที่จะหยุดพละกำลังของรถที่ตัวเองมีอยู่ ทั้งยังช่วยลดต้นทุนและค่าบำรุงดูแลรักษาของผู้บริโภคในระยะยาวได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานภายนอกที่ให้มา แจ๊ซกับมาสด้า2 ให้ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ส่วนยาริสและสวิฟท์เป็นขนาด 15 นิ้ว ซึ่งมาสด้า 2 มีขนาดหน้ายางกว้างที่สุด ไฟตัดหมอกติดตั้งเป็นมาตรฐานทุกคันยกเว้นแจ๊ซ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวเหมือนกันมีเพียง มาสด้า2 เท่านั้นที่ไม่มีไฟเลี้ยวในกระจกมองข้าง
ส่วนอุปกรณ์ภายใน ทุกคันมาตรฐานเป็นเบาะผ้าสีดำเหมือนกัน เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้สัดส่วน 60:40 พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ทุกรุ่นมีเครื่องเสียงซีดี เอ็มพี3 เป็นมาตรฐาน พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นโดย แจ๊ซเป็นแบบUSB ยาริสกับมาสด้า2 เป็นแบบAUX ขณะที่สวิฟท์ไม่มีช่องต่อ

ด้านความปลอดภัยทุกคันมีระบบเบรกABS ระบบกระจายแรงเบรก EBDถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ขณะที่ระบบเสริมแรงเบรกBAมีครบทุกคันขาดเพียงมาสด้า2 ที่มิได้ใส่มาให้ ส่วนระบบป้องกันการขโมยทุกคันเป็นกุญแจ Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย โดยยาริส,มาสด้า2และสวิฟท์ มีระบบเปิดรถและติดเครื่องได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋า และยาริสเป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
สนนราคาค่าตัว ยาริส สูงที่สุด 714,000 บาท ตามมาด้วย แจ๊ซ 705,000 บาท มาสด้า2 ราคา 690,000 บาท และสวิฟท์ ถูกที่สุด 649,000 บาท
อีกปัจจัยที่อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจคือ ด้านศูนย์บริการ ต้องยอมรับว่า โตโยต้า มีจำนวนศูนย์มากที่สุดกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ฮอนด้าราว150 แห่ง มาสด้า 106 แห่ง และซูซูกิ 44 แห่ง แต่หากเป็นศูนย์บริการตามมาตฐานใหม่ของซูซูกิจะมีเพียงแห่งเดียวที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุง
ถึงบรรทัดนี้ เมื่อพิจารณาโดยภาพรวม อุปกรณ์และออพชั่นส่วนมากจะมีเหมือนกันแตกต่างเพียงเล็กน้อยไม่กี่รายการ ซึ่ง ฮอนด้า แจ๊ซ เด่นด้วยตัวถังขนาดใหญ่และพละกำลังมากที่สุด ขณะที่มาสด้า 2 ได้ความสดใหม่ ซูซูกิสวิฟท์ราคาถูกสุด ขณะที่โตโยต้า ยาริส ชื่อชั้นโตโยต้าการันตีได้ ใครรักชอบคันไหนก็สุดแท้แต่ใจปรารถณา
ที่มา :
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000159888