ผมใช้กล็อก 19 อยู่ในป่า.... ป่าจริง ๆ ตอนไปทำฝายแม้ว เมื่อปีกลาย ติดเอวตลอดเวลา......
เป็นเวลา 42 วัน ไม่ทำความสะอาดหรือถอดออกมาดูดำดูดีเลย ซองผ้าใบชุ่มน้ำบ่อยครั้ง
4 - 5 วัน ก็จะใช้หากับข้าวเสียครั้งหนึ่ง (ตะกวด..) ก็ไม่เห็นว่า มันจะงอแงหรือประท้วงอะไรเลย
จบภารกิจ สรุปงาน ส่งเอกสาร รับเบี้ยเลี้ยง ก็พาเขาไปสนามฯ ให้พลทหารที่สนามฯล้างให้
เอามาตั้งเคียงกับปืนสวัสดิการกระบอกล่าสุดที่เพื่อนสมาชิกเพิ่งไปเบิกมา ก็หาความแตกต่างไม่เจอ....
ตอนใช้ในป่านั้น มีสิ่งอื่น ที่ต้องกังวลมากกว่าสภาพปืนหลังใช้งาน ก็เลยไถล ครูด กระทบ กระแทกบ่อยครั้ง....
แต่พอหลังจากตรวจสภาพปืนหลังจาก 42 วัน ซองปืนต้องทิ้ง เพราะเหม็นอับแก้ไม่หาย และสนิมโลหะที่หมุดกับคลิป
ส่วนตัวปืน หาความแตกต่างกับปืนใหม่ ไม่เจอ......

กระบอกต่อไป.... ถ้าไม่ใช่ 1911 ก็ยังคง โพลิเมอร์....

ของผมที่ไปไหนมาไหนกันกับมันก้อเพราะความถึก เบา ไม่ต้องดูแลรักษามากนี่แหละครับ แต่ของท่าน...ลุยกว่ากันมากมายเลย ^^
ผมก็มีปืนกล็อกครับ ในจำนวนปืนสั้นที่มีอยู่ทั้งหมดไม่กี่กระบอก ถ้าจำเป็นต้องขายออกก่อนเพื่อน ผมเลือกขายกล็อกครับ

ไม่ใช่กล็อกไม่ดีสำหรับผม แต่เพราะปืนอื่นๆที่ผมมีเป็นเหล็กแท้ทุกกระบอก ส่วนกล็อกเป็นแค่ปืนพลาสติกถูกๆ มีตังผมค่อยไปซื้อปืน
พลาสติกยี่ห้อไหนก็ได้ ไม่ว่าจะสมิธ(ใช้ได้ทั้งคนถนัดซ้าย-ขวา) HK(เกรดดีกว่ากล็อกเยอะ)
สไตเออ์ก็น่าใช้กว่ากล็อก(แต่หน้าตาน่าเกลียด)
ผมมีปืนยี่ห้อใหนมักจะเห็นจุดอ่อนปืนยี่ห้อนั้นครับ

อย่างกล็อกตอนที่ซื้อ ราคา 45000 เท่าๆกับซีแซดคอมแพค
แต่ที่ตัดสินใจซื้อกล็อกเพราะเบา ราคาถูก(ถ้ากลับไปเลือกใหม่ตอนนั้นได้ผมเลือกซีแซดคอมแพค) ข้อเสียคือไม่ได้ออกแบบมา
สำหรับคนถนัดซ้าย(แล้วมาโฆษณาว่าเพอร์เฟค)ในขณะที่ปืนรุ่นใหม่ๆมักจะออแแบบมาให้คนถนัดซ้ายใช้งานได้คล่องตัว
พอๆกับคนถนัดขวา แล้วยิ่งราคาปั่นกันแบบปัจจุบัน ยิ่งทำใจไม่ได้ เพราะโครงล่างของกล็อกต้นทุนแค่ประมาณสองถึงสามพันบาท
รวมทุกชิ้นส่วนก็แค่หมื่นต้นๆ มาถึงบ้านเราล่อเข้าไปเป็นแสน...แสนสาหัสจริงๆครับ

แต่ถ้าปืนซื้อง่ายๆ เงินเหลือแยะๆก็อยากลองเปลี่ยนไปจับโพลีเมอร์ตัวอื่นเหมือนกัน... ^^
เอาจริงๆก็ไม่ได้รักตัวไหนเป็นพิเศษ...เป็นอุปกรณ์ไว้ป้องกันตัว...ให้อุ่นใจ
ยังไม่เคยได้ร่วมเป็นร่วมตายกับมัน...และหวังว่าจะไม่ต้องใช้มันด้วยครับ...