สืบเนื่องมาจากกระทู้นี้นะครับ
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=82303.0 พอดีมีตัวอย่างจากเหตุการณ์จริงที่คล้าย ๆ กันเลยยกมาเป็นกรณีศึกษาให้ได้อ่านกัน
ขออนุญาตสงวนและเปลี่ยนแปลงวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงชื่อผู้ที่เกี่ยว
ข้อง เพื่อไม่ให้กระทบถึงผู้มีส่วนได้เสียนะครับ ถ้ายาวไปนิดต้องขออภัยด้วยครับ
คดีนี้กล่าวหา ..... ผู้ต้องหา ว่าฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระ
สุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
เหตุเกิดเมื่อวันที่ ..... พ.ศ. ๒๕.. เวลาประมาณ ๐๐.๔๕ น. ที่ตำบล... อำเภอ...
จังหวัดปัตตานี
ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนได้ความว่าเมื่อวันที่ ..... พ.ศ. ๒๕.. เวลาประมาณ
๒๓.๐๐ น. ผู้ตาย ซึ่งเป็นบุตรชายของ นาย ก. ได้ออกจากบ้านไปโดยไม่บอกว่าจะ
ไปไหน เนื่องจากมีอาการสติไม่ค่อยดี นาย ก. จึงได้ออกติดตามตัวจนพบว่าอยู่ที่บ้าน
ของ นายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกัน นาย ก. ได้พยายามพาตัวผู้ตายกลับ แต่ผู้
ตายไม่ยอมกลับ จากนั้น นาย ก. ได้กลับมาที่บ้านพักเพื่อบอกให้ นาง ข. ซึ่งเป็นภรรยา
และเป็นมารดาของผู้ตาย มาพูดเจรจาเพื่อให้ผู้ตายกลับบ้าน เมื่อ นาย ก. และ นาง ข.
มาที่บ้าน นายสมศักดิ์ ปรากฏว่าผู้ตายได้ออกจากบ้าน นายสมศักดิ์ ไปแล้ว นาย ก.
และ นาง ข. จึงได้ออกติดตาม จนกระทั่งเวลาประมาณ ๐๐.๔๕ น. นาย ก.
ได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางบ้านผู้ต้องหา จำนวน ๑ นัด จึงได้เดินไปดู เมื่อไปถึงพบ
ผู้ต้องหายืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน นาย ก. จึงได้สอบถามผู้ต้องหาว่าเห็นผู้ตายหรือไม่ ผู้
ต้องหาได้บอกว่าสงสัยถูกยิงตายอยู่ภายในบ้าน นาย ก. จึงได้เข้าไปดูภายในบ้าน โดย
ในตอนแรกนั้นไฟฟ้าภายในบ้านปิดอยู่ ต่อเมื่อ นาย ก. เข้าไปภายในบ้านแล้ว ผู้ต้องหา
จึงได้เปิดไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่าง เ มื่อ นาย ก. เข้าไปภายในบ้านแล้ว พบผู้ตายถูกยิง
ด้วยอาวุธปืนถึงแก่ความตายอยู่ภายในบ้านของผู้ต้องหาจริง สอบถามผู้ต้องหารับว่าเป็น
ผู้ยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตายจริง ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุจึง
ยึดได้อาวุธปืนลูกซองสั้นและปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน ๑ ปลอก ได้จากผู้ต้องหา
ซึ่งอาวุธปืน และปลอกกระสุนปืนดังกล่าว ผู้ต้องหารับว่าเป็นของตนเองที่มีไว้เพื่อป้องกัน
ตัว นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจยังยึดได้หัวกระสุนปืนลูกปราย จำนวน ๒ เม็ด และกระ
ดาษรองชั้นเครื่องกระสุนปืนลูกซอง จำนวน ๕ ชิ้น ได้จากภายในบ้านที่เกิดเหตุ เจ้าพนัก
งานตำรวจจึงได้ยึดสิ่งของดังกล่าวทั้งหมดเป็นของกลาง ต่อมาผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัว
ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็นคดีนี้
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน
ปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดย
เจตนานั้นผู้ต้องหารับว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตายจริง แต่เหตุที่ทำไป
เนื่องจากเป็นการป้องกันตัว
พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา
พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ
ได้มีผู้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตายอยู่ภายในบ้านพักของผู้ต้องหา นอก
จากนี้พนักงานสอบสวนยังยึดได้อาวุธปืนลูกซองสั้นพร้อมปลอกกระสุนได้จากตัวผู้ต้องหา
กับยึดได้หัวกระสุนปืนลูกปราย และกระดาษรองชั้นเครื่องกระสุนปืนลูกซอง ได้จากภายใน
บ้านพักของผู้ต้องหา
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดในคดีนี้หรือไม่
เห็นว่าสำหรับในความผิดฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง
โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เห็นว่าคดีมี ร.ต.ท.ทิวา ให้การยืนยันว่าภายหลังเกิดเหตุสามารถ
ตรวจยึดได้อาวุธปืนลูกซองสั้น ปลอกกระสุนปืนลูกซอง หัวกระสุนปืนลูกปราย และกระดาษ
รองชั้นเครื่องกระสุนปืนลูกซอง ได้จากภายในบ้านพักของผู้ต้องหา ประกอบกับในชั้นสอบ
สวนผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่าสิ่งของดังกล่าวเป็นของตนเองที่มีไว้ในความ
ครอบครองเพื่อป้องกันตัวโดยตัวผู้ต้องหานี้ไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนจากนาย
ทะเบียนมาก่อน ทั้งจากผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนของกลางของผู้ชำนาญการก็ยืนยันว่า
อาวุธปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมาย โดย
อาวุธปืนของกลางนี้ไม่ปรากฏเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับอยู่ กรณีจึงเชื่อได้
ว่าผู้ต้องหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีมีพยานหลักฐานพอฟ้องในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง
โดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนานั้น เห็นว่าคดีมี นาย ก. ให้การยืนยัน
ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังมาจากบ้านของผู้ต้องหา เมื่อ นาย ก.
ไปถึงบ้านพักของผู้ต้องหา จึงพบว่าผู้ต้องหายืนอยู่ที่หน้าบ้าน และเมื่อเข้าไปภายในบ้านก็พบ
ว่าผู้ตายถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาได้ยอมรับกับ นาย ก. ว่าเป็น
คนยิงผู้ตายเอง ทั้งยังได้ความจาก นางอารี ภรรยาผู้ต้องหา ว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดัง
คล้ายคนเหยียบกระเบื้องบนหลังคาบ้าน จึงได้ปลุกผู้ต้องหาให้ตื่น ผู้ต้องหาจึงได้หยิบอาวุธ
ปืนลูกซองมาถือไว้ และได้พากันเดินไปที่ประตูชั้นในที่จะเข้าไปห้องครัว ขณะนั้นได้ยินเสียง
นที่เดินอยู่บนหลังคาได้กระโดดเข้ามาภายในบ้าน ผู้ต้องหาจึงได้เปิดบานประตูออก ทันใด
นั้นได้มีคนเปิดประตูห้องครัวเข้ามาเพื่อจะเข้ามาในส่วนที่เป็นห้องครัว ผู้ต้องหาจึงได้ใช้ปืนยิง
ไปที่บุคคลดังกล่าวจำนวนหนึ่งนัด ประกอบกับในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาก็ให้การถึงเรื่องดังกล่าว
สอดคล้องกับ นางอารี กรณีจึงรับฟังได้ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดย
เจตนาหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้ได้ความจาก นาย ก. ว่าในคืนเกิดเหตุได้ออกตามหาผู้ตายตั้งแต่
เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. และได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางบ้านผู้ต้องหาเมื่อเวลาประมาณ ๐๐.๔๕ น.
จึงเชื่อได้ว่าขณะที่ผู้ต้องหายิงผู้ตายนั้นเป็นเวลาประมาณ ๐๐.๔๕ ซึ่งเป็นเวลากลางดึก นอก
จากนี้ยังได้ความว่าจุดที่พบศพผู้ตายนั้นอยู่ภายในบ้านพักของผู้ต้องหา โดยตามทางสอบสวน
ก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการเคลื่อนย้ายศพก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุ กรณีจึงเชื่อได้
ว่าขณะผู้ตายถูกยิงนั้น ผู้ตายได้อยู่ภายในบ้านพักของผู้ต้องหา ซึ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับคำให้
การของผู้ต้องหา และนางอารี แล้ว เชื่อได้ว่าผู้ตายเป็นผู้ที่เดินอยู่บนหลังคาบ้านพักของผู้ต้องหา
และได้กระโดดเข้ามาภายในบ้าน และเปิดประตูเข้ามาภายในห้องครัวจนกระทั่งถูกผู้ต้องหายิงเสีย
ชีวิตดังกล่าวข้างต้น ซึ่งพฤติการณ์ที่ผู้ตายบุกรุกเข้ามาภายในบ้านของผู้ต้องหาในเวลากลางดึก
เช่นนี้ โดยปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไปย่อมจะต้องคิดว่าผู้ตายนี้เป็นคนร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุภาย
ในบ้านพักของผู้ต้องหาอย่างแน่นอน และการกระทำของผู้ตายดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเป็นการละเมิด
สิทธิของผู้ต้องหา และเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายต่อกฎหมายต่อผู้ต้องหาและเป็น
ภยันตรายที่ใกล้ถึงหรือมีอยู่ตรงหน้าผู้ต้องหาแล้ว ทั้งยังเป็นที่ทราบกันดีว่าในพื้นที่อำเภอ...
จังหวัดปัตตานี มีเหตุการณ์ความไม่สงบ มีการฆ่าผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างโหดเหี้ยม
รวมทั้งมีการวางเพลิงอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบุคคลที่อยู่ในวิสัยและพฤติการณ์เช่นเดียวกับผู้ต้องหานั้นย่อม
จะต้องเข้าใจว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุร้ายกับตนเองและครอบครัว ทั้งยังได้ความจาก
นาย ก. ว่าในตอนแรกที่ไปถึงบ้านพักของผู้ต้องหานั้นภายในบ้านพักปิดไฟไว้ ซึ่งก็เจือสมกับคำ
ให้การของผู้ต้องหา และ นางอารี ที่ว่าในขณะยิงผู้ตายนั้นไฟฟ้าภายในบ้านปิดอยู่ ต่อเมื่อ นาย ก.
และเจ้าพนักงานตำรวจมาถึงจึงค่อยเปิดไฟฟ้าอีกครั้ง จึงเชื่อได้ว่าในขณะที่ยิงผู้ตายนั้นไฟฟ้าภาย
ในบ้านปิดอยู่ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้ผู้ต้องหาย่อมไม่อาจจะสังเกตเห็นได้ว่าผู้ที่บุกเข้ามาภายในบ้าน
นั้นเป็นใคร มีอาวุธติดตัวมาด้วยหรือไม่ ทั้งผู้ต้องหาย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงได้เนื่องจากขณะนั้น
ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า จึงเชื่อว่าการยิงของผู้ต้องหาเป็นลักษณะการยิ่งสุ่มโดยไม่เจาะจงว่ากระสุน
ปืนจะถูกที่ใด ทั้งยังได้ความว่าผู้ต้องหาได้ยิงปืนไปเพียงนัดเดียว และเมื่อยิงปืนแล้วผู้ต้องหาก็ได้ปิด
ประตูทันที แล้วรีบหลบออกมาทางหน้าบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ ประกอบกับยังได้ความว่าผู้ต้องหา
นี้ก็ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าผู้ต้องหาจะกลั่นแกล้งฆ่า
ผู้ตายให้ถึงแก่ความตาย
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานทั้งปวงแล้ว เห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหา
ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตายดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยัน
ตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงหรือมีอยู่ตรงหน้า
แล้ว และผู้ต้องหาได้กระทำการป้องกันภยันตรายดังกล่าวไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว ซึ่งตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ถือว่าการกระทำของผู้ต้องหาไม่เป็นความผิด คดีมีพยานหลักฐานไม่
พอฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง
โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ
สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗ , ๗๒ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๖
เห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๖๘ แย้งความเห็นของพนักงานสอบสวน
อาวุธปืนลูกซองสั้น ปลอกกระสุนปืนลูกซอง หัวกระสุนปืนลูกปราย และกระดาษรองชั้นเครื่อง
กระสุนปืนลูกซอง ของกลาง เป็นทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด เห็นควรขอริบตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๓๒...
หมายเหตุ
- คดีนี้ได้ความว่าคนตายปืนหลังคาบ้านของผู้ต้องหาแล้วได้ถอดหลังคาลงมาภาย
ในบ้านของผู้ต้องหา ( ปรากฏจากภาพถ่ายในสำนวน ) จากพฤติการณ์ไม่มาดีแน่นอน
ทั้งเชื่อว่าในขณะผู้ต้องหายิงผู้ตายนั้นไฟฟ้าภายในบ้านปิดอยู่ ผู้ต้องหาย่อมไม่อาจทราบ
ได้ว่าคนตายเป็นใคร มีอาวุธหรือไม่ หากผู้ต้องหาเปิดไฟ หรือตะโกนสอบถามว่าเป็นใคร
ก่อน หากคนร้ายมีอาวุธปืนก็อาจถูกยิงสวนมาได้ ทั้งผู้ต้องหาก็ยิงไปนัดเดียว และเมื่อยิง
แล้วก็ปิดประตูทันที ทั้งพื้นที่ที่เกิดเหตุในคดีนี้เป็นพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีเหตุ
การณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ผู้ตายบุกเข้ามาในบ้านในยามวิกาลดังกล่าว
ย่อมทำให้ผู้ต้องหาเข้าใจได้ว่าผู้ตายอาจเข้ามาก่อเหตุร้าย พอจะถือได้ว่าเป็นการป้องกัน
ตัวโดยพอสมควรแก่เหตุแล้ว การกระทำของผู้ต้องหาจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๖๘
- การพิจารณาสั่งคดีแต่ละคดีขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงแต่สำนวน และดุลพินิจของพนัก
งานสอบสวน พนักงานอัยการ และผู้พิพากษา ซึ่งอาจมีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ
ต่างกัน แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าหากมีคดีใดที่มีข้อเท็จจริงใกล้เคียงกับคดีนี้ แม้เหตุจะเกิดขึ้น
ในจังหวัดอื่น เชื่อว่าดุลพินิจของเจ้าพนักงานน่าจะเป็นไปในแนวเดียวกัน หรือมิฉะนั้นท่านก็
อาจจะถูกลงโทษสถานเบาอย่างที่คาดไม่ถึง
- คดีนี้พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น เนื่องจากเป็น
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย และผู้ว่าราชการจังหวัดได้เห็นชอบด้วยแล้ว
- สำหรับอาวุธปืนลูกซองสั้นและเครื่องกระสุนปืน เป็นปืนไม่มีทะเบียน พนักงานอัยการ
จึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในชั้นศาลผู้ต้องให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ๖ เดือน
ปรับ ๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ส่วนอาวุธปืนลูกซองสั้นและเครื่องกระสุนปืน
เป็นทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด จึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒
ในคดีนี้ผมมองว่าศาลลงโทษผู้ต้องหาสถานเบาโดยคำนึงถึงสภาพเหตุการณ์ความไม่สงบ
ในพื้นที่มาประกอบด้วย ซึ่งในสถานการณ์เช่นนั้นประชาชนในพื้นที่จำเป็นต้องหาอาวุธปืนมาไว้ป้อง
กันชีวิตและทรัพย์ ครั้นจะหาอาวุธปืนมีทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายราคาก็แพงเสียเหลือเกิน
กระบอกหนึ่งเกือบแสนบาท สำหรับประชาชนที่หาเช้ากินค่ำในต่างจังหวัดเงินจำนวนดังกล่าวอาจ
หมายถึงรายได้ทั้งปีเลยที่เดียว ทั้งอาวุธปืนของกลางก็เป็นเพียงปืนลูกซองสั้น และผู้ต้องหาก็ไม่ได้
พกพาปืนดังกล่าวไปในที่สาธารณะแต่อย่างใด คงมีไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินภายในบ้านพัก
เท่านั้น ทั้งผู้ต้องหาก็ไม่เคยมีประวัติกระทำความผิดมาก่อน และประกอบอาชีพสุจริต มีงานการทำ
เป็นหลักแหล่ง ก็คือสรุปว่าศาลเห็นว่าผู้ต้องมีอาวุธปืนไว้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ได้จะนำ
ไปก่อเหตุร้ายแต่อย่างใด