พอดีได้ฟอร์เวิร์ดเมล์มา เลยอยากช่วยประชาสัมพันธ์ค่ะ
ขออนุญาตใช้พื้นที่นิดนึงนะ (ยาวหน่อยนะคะ) ขอบคุณมากค่ะ
ม้าไทย...ลมหายใจรวยริน
ดวงตะวันคล้อยต่ำลงตรงแนวถนนสายสิรินธร-โขงเจียม
สองอำเภอชายแดนตะวันออกสุดของอุบลราชธานี
ชายหนุ่มบรรจงแปรงขนให้ม้าตัวโปรดอย่างตั้งอกตั้งใจ
แม้จะไม่ใช่ม้าสายพันธุ์ต่างประเทศราคา
เป็นแสนเป็นล้าน แถมบางคนยังดูถูกว่าม้าของเขาก็แค่ม้าแกลบ
ที่หาความสง่างามอันใดมิได้
แต่เขาก็ยังเพียรอดทนอธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจเสียใหม่ว่า
นี่ไม่ใช่ม้าแกลบแต่เป็นม้าไทยสายพันธุ์พื้นบ้าน
ที่งามสง่ากว่า สูงใหญ่กว่า บึกบึนอดทน
และรับน้ำหนักได้มากกว่าม้าแกลบเป็นไหนๆ
ที่สำคัญมันกำลังสูญพันธุ์ไปจากผืนแผ่นดินไทย
ทั้งๆ ที่ในอดีต
ก่อนที่จะมีม้าสายพันธุ์ตะวันตกมาชูคออยู่ตาม
สนามแข่งเช่นวันนี้
ก็ม้าไทยพื้นบ้านมิใช่หรือที่เคียงบ่าเคียงไหล่วีรกษัตริย์ไทย
เฉกเช่น สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ในการกอบกู้แผ่นดินจากศัตรูผู้รุกรานแต่วันนี้
ลมหายใจของม้าไทยกำลังรวยริน
เฉพาะที่อุบลราชธานีซึ่งเคยมีอยู่มากกลับหลงเหลืออยู่ไม่ถึง50 ตัว
ในจำนวนนั้นอยู่ในความดูแลของเขา 30 ตัว
จากจุดเริ่มต้นที่พาลูกชายไปนั่งรถม้าเมืองลำปางทำให้เขาทราบว่าม้าส่วนใหญ่มาจากอุบลฯสืบค้นต่อก็พบว่าบางอำเภอของอุบลฯอย่างวารินชำราบ
เคยมีรถม้าวิ่งให้บริการแต่เลิกราไปนานแล้ว
ความสงสัยเริ่มเกาะกุมใจชายหนุ่มว่าม้าหายไปไหน
เขาตัดสินใจตามไปดูที่ตลาดนัดวัวควาย
จึงพบชาวบ้านจูงม้ามาขายกันเป็นฝูงๆ
จุดหมายคือส่งเข้าโรงเชือดเอาไปทำลูกชิ้นปนไปกับเนื้อวัวเนื้อควาย แต่นานวันเข้า ม้าค่อยๆหายไปจากตลาดนัด
"...ผมถามชาวบ้านว่าม้าหายไปไหนเขาบอกเดี๋ยวนี้ไม่มีใครใช้ม้าเขาขี่มอเตอร์ไซค์กันหมดแล้วบาง
คนปล่อยม้าอดจนตายไปเอง
ผมคิดว่าขืนปล่อยไปอย่างนี้มีหวังสูญพันธุ์จึงเริ่มซื้อม้ามาเลี้ยงตัวละ7,500
บางทีเงินไม่พอซื้อได้แต่ลูกม้าราคา 3,000ส่วนแม่ม้าต้องปล่อยให้กลายเป็นลูกชิ้นไป..."ชูชาติ วารปรีดี ครูสอนพลศึกษาโรงเรียนประถมบ้านด่าน อำเภอโขงเจียม
เล่าโดยสายตายังไม่ละจากเจ้าตองอู ม้าตัวโปรดความจริงเขาเป็นชาวลำปางแต่พรหมลิขิตให้มาเป็นเขยอุบลฯ จึงย้ายมาเป็นครูอยู่ที่นี่
ที่ซึ่งพลิกชีวิตให้เขามาคลุกคลีอยู่กับม้าเป็นผู้ก่อตั้งชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้าน
ทั้งๆ ที่ในวัยเยาว์เขาเคยร้องไห้ตกใจกลัวเสียงม้าร้องและไม่เคยขี่ม้ามาก่อน
จนมาขอให้
พ่อเฒ่าข้างบ้านสอนให้ระหว่างฝึกก็มีทั้งตกม้าและถูกม้าเตะบาดเจ็บ
แต่วันนี้เขากลายเป็นครูสอนขี่ม้าให้นักเรียนบ้านด่านซึ่ง
อาจเป็นโรงเรียนประชาบาลโรงเดียวของไทยที่เปิดสอนวิชาขี่ม้าจนรายการ "ทุ่งแสงตะวัน"เคยถ่ายทำเป็นสารคดีออกโทรทัศน์ไปแล้ว
แต่กว่าจะถึงวันนี้ใครจะรู้ว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง
?
"...เริ่มเลี้ยงม้าใหม่ๆชาวบ้านแถวนี้ไม่ชอบเลย
เพราะตอนกลางวันผมสอนหนังสือปล่อยม้าหากินเอง
มันก็เข้าไปกินน้ำในตุ่มของชาวบ้านทำตุ่มเขาแตกบ้าง
เข้าไปกินข้าวในนาเขาบ้างบางตัวโดนเอามีดเขวี้ยง
บาดเจ็บกลับมาเราก็ได้แต่ขอโทษเขา
แล้วก็รักษาม้าของเราไป..."
แต่วันนี้สถานการณ์คลี่คลาย เมื่อชาวบ้านพบว่ามูลม้านั้นมีราคา
เพราะมีคนรับซื้อไปเพาะเห็ดฟางในอัตรากิโลกรัมละ 7 บาท
เก็บขายแต่ละวันก็พอเป็นค่ากับข้าวสบายๆ
อีกทั้งเมื่อชูชาติเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวขี่ม้าเที่ยวชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
ระยะทางราว 3 กิโลเมตร
ก็เริ่มมีชาวบ้านสนใจจะเลี้ยงม้าพันธุ์พื้นเมืองกันมากขึ้นในขณะที่ม้าของเขาเองก็ขยายพันธุ์ออกไปหลายตัว
อย่างเจ้าแตงโม ตอนนี้ก็ท้องได้ 12 เดือน ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว
ทุกๆ เช้าครูหนุ่มจะตื่นตั้งแต่ตี 4 จัดการธุระส่วนตัวแล้วก็เริ่มให้อาหารม้า
ทั้งฟางและรำผสมข้าวเปลือกคลุกกับน้ำแล้วเติมเกลือเป็นสารอาหารให้ม้า30 ตัว จนเกือบ
8โมงจึงไปสอนหนังสือ
ตกเย็นราว 4 โมงครึ่งก็กลับมาต้อนม้าเข้าคอกถ้ามันไปเที่ยวกันไกลๆ
ก็ต้องขี่จักรยานยนต์ไปตามไม่เช่นนั้นอาจโดนรถชนเหมือนที่ผ่านมา
ซึ่งไม่เพียงต้องรักษาพยาบาลม้าแต่เขายังต้องควักค่าเสียหายจ่ายให้คน
ขับรถกว่า 5,000 บาท
โทษฐานที่ปล่อยม้าวิ่งทะเล่อทะล่าขึ้นมาบนถนนภารกิจเหล่านี้ยังมีเขาแบกรับเป็นหลัก
โดยมีภรรยาและลูกชายที่หวังจะให้เรียนสัตวบาลคอยหนุนช่วย
"...จำได้ว่าตอนเริ่มเลี้ยงม้าใหม่ๆผมไม่กล้าบอกแฟนกลัวเขารับไม่ได้บอกว่าเพื่อนฝากให้เลี้ยง
แต่ความมาแตกตอนที่ไม่มีเงินซื้อรำซื้ออาหารให้ม้านี่แหละจึงบอกไปตามตรง
โชคดีที่เขาไม่ว่าและยังสนับสนุนเราด้วย..."
วันนี้ด้วยความเชื่อมั่นว่าม้าไทยพันธุ์พื้นบ้านสามารถฝึกฝนได้อย่างม้าฝรั่งชูชาติตั้งหวังจะเปิด"โฮมสเตย์"ให้นักท่องเที่ยวมาพักมาขี่ม้าชมธรรมชาติ
และไม่ร้องขออะไรมากจากทางราชการนอกจากการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรู้จัก
และ
ขออาหารเสริมยาถ่ายจากปศุสัตว์บ้างเพราะทุกวันนี้ปศุสัตว์มีแต่งบประมาณสำหรับวัว
แต่ไม่มีสำหรับม้าเขาจึงต้องช่วยตัวเองด้วยการใช้สมุนไพรไปตามกำลัง
ความสามารถ
"...เขาเคยรบเพื่อบ้านเพื่อเมืองควรให้เขามีแผ่นดินอยู่
ถ้าเราปล่อยให้เขาสูญพันธุ์ก็เหมือนเราลืม
ตัวเราเองผมไม่รู้ว่าจะสู้ไปได้อีกนานแค่ไหน
แต่จะพยายามเพราะมีคนมาให้กำลังใจ
เอาลูกมาฝึกขี่ม้า
เหมือนได้รางวัลเป็นความสุขทางใจของตัวเราและครอบครัว
ผมรู้สึกอยู่ลึกๆว่ากำลังทำเพื่อชาติ
จะมีใครรู้หรือไม่...ไม่สำคัญ
ยังไงก็จะทำต่อไปจนกว่าจะไม่ไหวจริงๆ..."ดวงตะวันลับขอบฟ้าคืนวันอันเหน็ดเหนื่อยแต่สุขใจ
ผ่านไปอีกวันแต่ดูเหมือนพันธกิจเพื่อม้าไทยของครู
หนุ่มยังอีกยาวไกลแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า
ถ้าคนเรามีความมุ่งมั่นทำสิ่งใด
แล้วเส้นชัยจะไม่มีวันมาถึง
หมายเหตุ ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้าน
เลขที่ 111 บ้านหนองชาด
ริมทางหลวงหมายเลข 2173
ต.คำเขื่อนแก้ว
อ.สิรินธรจ.อุบลราชธานี 34350
เปิดให้ชมและฝึกขี่ม้า
ทุกวันเสาร์และอาทิตย์
ติดต่อล่วงหน้าที่ อ.ชูชาติ วารปรีดี
โทร.0-1955-8369,
0-9564-5117
นอกจากที่พักแบบโฮมสเตย์หรือตั้งเต็นท์แล้ว
ยังมีแหล่งพักใกล้เคียงคือ"ทอแสงโขงเจียมรีสอร์ท"
โทร.0-4535-1174-6
เสื้อม้า...รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเป็นค่าอาหารม้าที่ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นเมืองอำเภอสิรินธร
ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านอำเภอสิรินธรขอความอนุเคราะห์ทุกๆท่านได้อ่านข้อความต่อไปนี้
...ก่อนที่จะกดปิดหน้าต่างบานนี้ไป.....แล้วทัศนคติของท่านอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...
สัตว์ทุกตัวย่อมมีสิทธิ์เหยียบยืนบนผืนโลก...เท่าเทียมกัน
นี่คือวลี...ที่ผู้คนมากมายอาจมองข้ามไปด้วยเหตุที่ว่าเรา มนุษย์ ..คือสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐที่สุดที่ถือกำเนิดขึ้นบนผืนแผ่นดินอันไพศาลผืนนี้...
หากเมื่อลองมองย้อนกลับมา มนุษย์ผู้ประเสริฐ อย่างที่เราใช้เรียกตนเองกลับได้ทำร้าย เพื่อน
ร่วมผืนดินของเราไปอย่างมากมาย ทั้งเบียดเบียนที่อยู่อาศัย ... ลิดรอนอิสรภาพ
ตัดทอนอาหารและน้ำในการดำรงชีวิต ... ทุกๆสิ่ง ทั้งทางตรงและทาง
อ้อมที่มนุษย์จะหยิบฉวยมาจากเพื่อนร่วมโลกผู้มิอาจเรียกร้องอุทธรณ์..หรือแม้แต่ร้องขอความเห็นใจใดๆ
ในสิทธิของตนได้...
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ?
ที่เราจะเหลียวกลับมาดูแลเพื่อนเหล่านี้
... เพื่อนที่ครั้งหนึ่ง
เราเคยได้ทำร้ายทอดทิ้ง...และเกือบจะถูกลบเลือนไปจากความทรงจำ...
ที่นี่...ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านอำเภอสิรินธร...
มีม้าพันธุ์พื้นเมืองมากมายที่หิวโหย ...
มีม้าไม่น้อยที่ถูกนำมาทิ้ง..เพื่อส่งต่อเป็นภาระให้เลี้ยง...
มีม้าอีกนับสิบที่โรยราด้วยเรี่ยวแรง...
ด้วยทุนที่ถือว่าแทบไม่มีเลยของผู้อุปการะเลี้ยงดู...
ที่นี่...ยังมีสายตาอีกหลายสิบคู่ที่เหม่อทอด...ทอประกายความหวัง..จากผู้ใจบุญ...
ยังมีกระเพาะอีกหลายสิบกระเพาะที่กำลังร้องครวญ...และแสบปร่าไปด้วยฤทธิ์น้ำย่อย...
ยังมีริมฝีปากอีกหลายสิบคู่ที่ปรารถนาได้ลิ้มรสอาหารดีๆ...ที่ไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัส...และยังคงมีชีวิตอีกมากมาย...
ที่เฝ้าคอยสัมผัสอ่อนโยน..อ้อมกอดที่อบอุ่น..และความรักความเมตตาที่หอมละมุน...
ที่นี่...ทุกๆชีวิตกำลังเฝ้ารอ ความรัก ความเมตตา จากท่าน
ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านอำเภอสิรินธร
มีความประสงค์จะช่วยเหลือม้าเหล่านี้ให้ได้มีอาหารกินถูก
ต้องตามหลักโภชนาการ...เพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะความทุกข์ทรมาน
โดยจัดทำเสื้อขึ้นเพื่อจำหน่ายรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย
จะสมทบทุนซื้ออาหารให้ม้าในชมรม ปัจจุบันมีม้าทั้งหมด 27 ตัว
ซึ่งในแต่ละวันม้าจำเป็นจะต้องกินรำข้าวแคลเซียม หญ้าสด
ฟางและนมวัว(สำหรับม้ากำพร้าที่แม่เสียชีวิต)
ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันจึงสูงมาก
หากปัจจุบันทางชมรมขาดเงินทุนในการจะประกอบกิจเช่นนั้น
... ที่สามารถทำได้คือเพียงปล่อยให้ม้าหากินตามแหล่งธรรมชาติ
..ซึ่งถือว่าขาดแคลนเต็มทน
เราจึงได้ผลิตเสื้อขึ้นซึ่งมี
4 สี ได้แก่ ดำ เทา น้ำตาล เขียวขี้ม้า ในราคาตัวละ 150 บาท
มีทั้งหมด 5 ขนาด
SS ความกว้างของช่วงไหล่ 15 นิ้ว
S ความกว้างของช่วงไหล่ 16 นิ้ว
M ความกว้างของช่วงไหล่ 17.5 นิ้ว
L ความกว้างของช่วงไหล่ 20 นิ้ว
XL ความกว้างของช่วงไหล่ 22 นิ้ว
ขอความอนุเคราะห์ ค่าจัดส่ง
สั่งน้อยกว่า 10 ตัว 20 บาท
11-30 ตัว 60 บาท
31-50 ตัว 120 บาท
51-80 ตัว 150 บาท
มากกว่า 81 ตัว 200 บาท
การสั่งซื้อ....กรุณาโอนเงินเข้าบัญชี
'ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้าน'
เลขที่บัญชี
338-0-00640-8
ธนาคารกรุงไทย สาขาโขงเจียม ส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่
E-mailrpunpukdee@hotmail.com,
sirin_show@hotmail.com หรือส่งหลักฐานมาทางไปรษณีย์
ที่คุณสิรินทร์ นิ่มรัตนสิงห์(ผู้ประสานงานชมรมฯ)
209 หมู่ 1 บ้านท่าบ่อ ถนนหนองไหลตำบลแจระแมอำเภอเมืองจังหวัดอุบลราชธานี 3 4000
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
089616 1818 , 089 945 4525 ,
081 955 8369( อาอู๊ด คนต้น
เรื่อง รายการคนค้นคนตอนครูนอกคอก)
ด้วยความเคารพอย่างสูง ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านอำเภอสิรินธร
**
กรุณาแนบเบอร์โทรศัพท์ติดต่อและที่อยู่มาให้ชัดเจน
หมายเหตุ
:ใส่เสื้อชมรมมาเที่ยว ขี่ม้าฟรี ค่ะ
เป็นการสมนาคุณให้ผู้มีจิตกุศล
รักม้า
ส่งเมลต่อให้เยอะๆ
นะคะ
เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ม้าพื้นบ้านที่กำลังจะสูญพันธุ์
และเพื่อช่วยให้น้องม้าได้มี
อาหารกิน
(Embedded image moved to file:
pic13579.jpg)
ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตใจรัก..เมตตา..
ที่มีจิตศรัทธาในการร่วมสั่งซื้อเสื้อการกุศลในครั้งนี้
...
จาก
http://catandkittenstory.com/board.asp?id=488