
วันเสาร์ ออกจากบ้านราวสิบโมงเช้าเกือบสิบเอ็ดโมง สวนกับไปรษณีย์มาส่งเสื้อยืดที่ถูกส่งมาจากคุณอู๋
ก็เริ่มออกเดินทางไปแวะทานเกี้ยวกุ้งอาหารโปรดของภรรยา ภรรยาผมชอบทานกุ้งเผามาก หลังจากทาน
กุ้งเผาก็ไปสั่งขนมปังสังขยาเป็นของฝากคุณวิโรจน์เผื่อนอนวัดกลางคืนจะหิวกัน ก็วัดดวงว่าจะได้หรือเปล่า
เพราะร้านนี้ทำไม่ทันขาย ผมสั่ง 4 กล่องได้ 2 กล่อง 20 ชิ้น ถ้าจะเอาต้องรออีกสักพัก ก็เลยรวบรัดพอแล้ว
เพราะต้องเผื่อเวลาให้กับการหลงทางด้วย แล้วมันก็หลงทางจริง ๆ
วิ่งลัดเมืองออกไปทางมหาลัยราชภัฏพุ่งไปทางจอหอตรงไปทางโนนไทย วิ่งไปเรื่อย ๆ
คำพูดของคุณพี่วิโรจน์ก้องอยู่ในห้วงความคิด ไปทางโนนไทยแล้วเลี้ยวขวาแยกไปอำเภอพระทองคำ
ผมขับรถช้า ๆ ไปไม่เกิน 100 กมต่อชั่วโมง ไม่นานก็ถึงโนนไทย ปัญหาเกิดขึ้น เออ แยกไปอำเภอพระทองคำ
มันเลยมาแล้วหรือว่ายังไม่ถึง เพราะขับรถมาเรื่อย ๆ ก็ไม่ทันสังเกต
ชะแว็บเข้าข้างทางถามคนขายลูกอะไรไม่รู้เหมือนแตงโม "พี่คะ อำเภอพระทองคำไปทางไหนคะ"
เสียงภรรยาผมตะโกนถามพ่อค้า "ตรงไปครับ เดี๋ยวก็ถึงเอง" "ขอบคุณค่ะ" พ่อค้าตอบ ภรรยาผมขอบคุณ
แล้วรถก็ออกตัวขึ้นถนนวิ่งต่อไปข้างหน้าแบบไม่รู้เส้นทาง
ไปจนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นทางแยกไปอำเภอพระทองคำ จนไปสุดสี่แยกไฟแดง ตรงไปชัยภูมิ
เลี้ยวขวาไปบ้านเหลื่อม เลี้ยวซ้ายไม่รู้ถนนเส้นเล็กนิดเดียว เอาไงดี ก่อนถึงสี่แยกไฟแดง
หักซ้ายสุดเข้าข้างทางถามคนข้างทางอีก ก็ได้ความว่า แยกเข้าอำเภอพระทองคำเลยมาแล้ว ให้ย้อนกลับไป
นี้เป็นการหลงทางครั้งที่ 1 ผมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแล้วกลับรถออกมาย้อนกลับไปทางโนนไทยวิ่งไปช้า ๆ
ก็เห็นทางแยกเข้าอำเภอพระทองคำ
แค่เห็นปากทาง ผมก็อ่อนใจ เพราะมันที่ว่าการอำเภอพระทองคำ เป็นสถานที่ราชการ เออ คงจะสื่อความหมายกันผิด
ก็กลับรถย้อนกลับทางสี่แยกเมื่อตะกี้อีกครั้ง เห็นชาวบ้านข้างทางก็ถามว่า อำเภอพระทองคำไปทางไหน
ชาวบ้านคนนั้นตอบว่า ตรงนี้ละคืออำเภอพระทองคำ เอาละซิ หลงแน่ ๆ
เมื่อคืนจำได้ว่า อาจารย์ทศบอกว่า วัดป่าดอนชัยมงคล อยู่อำเภอบ้านเหลื่อม งั้นก็คงไปทางอำเภอบ้านเหลื่อนแน่ๆ
ผมจึงเลี้ยวขวาไปบ้านเหลื่อม เป็นการเดินทางที่ไม่รู้เส้นทางอีกครั้ง
ผมเร่งความเร็วมากขึ้นรักษาเวลา เพราะบ้านที่ผ่านมามันยังไม่ไช่บ้านเหลื่อม
เห็นหลักกิโลเมตรบอกบ้านเหลื่อมมีระยะทางลดลงไปเรื่อย ๆ ก็ใจชื้น
เอาวะ ถ้าหลงทางมืดค่ำซะก่อนก็ยังมีขนมปังสังขยา 20 ชิ้น คงพออยู่ได้ถึงเช้าแน่
ตะเกียงแบตอยู่หลังรถ เตนท์ ปืนลูกซอง เตาแก็ส ทุกอย่างพร้อม
ยกเว้นผ่าห่มไม่มี มีแต่เสื้อนอกกันหนาว ถ้ามีกล้วยน้ำว้าสักหวีคงจะดี
มาตั้งไกล เจอทางแยกซ้ายขวา บอกขวาไปบ้านเหลื่อม ผมก็เลี้ยว
และเริ่มโทรศัพท์ถามทางจากคุณพี่วิโรจน์ พอจับใจความได้ว่าเจอสี่แยก
ให้ไปทางสีสุก ทางเข้าวัดจะถึงก่อนยี่แยกสีสุก 9 กิโลเมตร
ปัญหาก็คือ สี่แยกสีสุกมันอีกกี่กิโล แล้วผมจะรู้ไหม ก็เลยดูข้างทาง
เห็นป้าย สีสุก 25 กิโลเมตร ก็เลยถามลูกสาวว่า 25 - 9 เหลือเท่าไหร่
เนวิเกเตอร์คิดในใจก็ตอบว่า 16 ผมก็เซทกิโลเป็นศูนย์ แล้วก็เหยียบเต็มที่
เพราะมันเริ่มเย็นแล้ว
เจอทางลูกรังก็ชลอความเร็วลงเหลือ 80 ยัดเกียร์โฟลวีลและรักษาความเร็ว 80 รถวิ่งนิ่มมาก
แต่ชาวบ้านจะด่าหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน ผมต้องแข่งกับเวลาแล้วถ้ามืดค่ำกลางทางจะลำบาก
ทางลูกรังมีนิดเดียวก็ขึ้นทางราดยาง ผมดึงเกียร์โฟลวีลออก เหลือขับสองล้อหลัง
และเร่งความเร็วมากขึ้น ช๊อดอัพอีเดลบล๊อก และ โร็ดรันเนอร์ พาให้รถวิ่งรูดผ่านหลุม
กลางถนนไปอย่างนิ่มนวล ถ้าวิ่งช้าจะแข็งกระด้างกว่าปกติ
กิโลเมตรขึ้นมาได้ 5 ภรรยาและลูกสาวบ่นพากันปวด เจอสี่แยกมีปััมน้ำมันพอดี
เลยแวะจอดถาม และให้ภรรยาเข้าห้องน้ำแต่ภรรยาปฏิเสธเพราะดูแล้วจะไม่สะอาด
ขอเป็นธรรมชาติดีกว่า ผมเลื่อนกระจกลงถามคนบนรถอีแต๋นว่าทางไปสีสุกไปทางไหน
เขาชี้มือไปทางที่ผมกำลังจะไป ผมก็ถามไปอีกว่า วัดป่าดอนมงคลอยู่ตรงไหน
เขาบอกไม่รู้จัก ก็อำลาอาลัยสาววัยรุ่นสองคนบนรถอีแต๋น เธอทั้งสองน่ารักมาก
นี่กระมังที่เขาเรียก "ช้างเผือกในป่า"
ผมออกจากปั๊มก็เร่งความเร็วเพื่อที่ระบายให้ภรรยาและลูก จนเจอทางเลี้ยว
เข้าป่าก็เข้าไปลึกพอสมควร เป็นทางลงเขาฝุ่นตลบ ตอนขาออกรถติดหล่มออกตัวไม่ได้
เพราะเป็นดินทราย จึงต้องใส่โฟลวีลและบานาน่าเล็กน้อยก็ขยับตัวและห้อออกจากซอยมาได้
ปัญหาคือ ผมเข้าซอยออกซอยไปกี่เมตร กี่กิโล ระยะทางที่วัดไว้เริ่มคลาดเคลื่อน
ก็เอาเป็นว่าถ้าตัวเลขเลื่อนมาถึง 16 ผมจะชลอความเร็วดูซ้ายมือเป็นหลัก
ในที่สุดป้ายวัดป่าดอนมงคลก็แว็บเข้ามาในสายตา ความเร็วรถลดลงพร้อมการหักเลี้ยวอย่างเร็ว
มันเป็นทางฝุ่น เข้าไปไม่ถึงห้าเมตรผมก็พบกับหลุ่มใหญ่ที่ทำให้คนในรถกระเด้งกระดอน
จึงหมุนพวงมาลัยให้ตรงพร้อมสับเกียร์โฟลวีลไฮ และปล่อยให้รถวิ่งไปเอง ถนนค่อนข้างลื่น
เพราะฝุ่นทรายหน้า ถ้าเป็นพิกอัพสองล้อโอกาสติดหล่มมีสูงมาก
ผมรีเซทกิโลเมตรอีกครั้ง เพื่อจับระยะทาง 2 กิโลเมครจะต้องถึงวัด
ถนนฝุ่นพาเราไปเรื่อย ๆ จนถึง 2 กิโลเมตร ก็ถึงทางแยกซ้ายขวา
ตรงหน้ามีรูปปั้นพญานาคสีเขียว 2 ตัว
ผมเอ่ยถามว่าไปทางไหนดี ถ้าให้ตัดสินใจจะไปซ้ายเพราะถนนใหญ่กว่าทางขวา
ภรรยาบอกว่า น่าจะไปทางขวาเพราะดูแล้วมีไม้ร่มรื่นน่าจะเป็นรั้ววัดนะ
ลูกสาวบอกว่าไปทางขวาเพราะหัวนาคหันทางขวา
ผมเลี้ยวขวาเพราะเหตุผลของลูกสาว เลี้ยวไปไม่ถึงร้อยเมตรก็พบรถคุณวิโรจน์จอดซุ่มอยู่ในซอยพอดี
การเดินทางไปวัดป่าดอนมงคลของผมจึงสิ้นสุดลง
