ฝากรูปนี้ให้พี่กีตาร์ครับ


น้อยนักที่ผมเห็นปืนแล้วจะชอบ แต่ปืนกระบอกนี้เป็นปืนที่ผมเห็นแล้วชอบทันที
สงสัยว่าทำไมช่องคายกระสุนมันใหญ่ขนาดนั้น หรือว่าเป็นปืนหนัก
เมื่อไม่กี่วันนี้มีข่าวเรื่องคนยิงนกด้วยลูกกรด แล้วกระสุนเลยผ่านไปทะลุแขนชาวบ้านที่อยู่ไกลออกไป
เจ้าตัวยอมรับผิดว่าเป็นคนยิงนกเอง โดยไม่ทราบว่ากระสุนจะเลยไปโดนใคร กลายเป็นมีประวัติเรื่องปืนไปแล้ว
เคสนี้จะกระสุนโดนจุดตายก็ตายแน่นอน ปืนลูกกรดมีรัศมีการยิงไกลและเป็นปืนที่ชาวบ้านมีอยู่ในครอบครองมาก
อาจมากกว่าลูกซองด้วยซ้ำไป ถ้าจะยิงลูกกรดโดยไม่ได้ไปยิงสนามยิงปืน ก็น่าจะเข้าไปยิงในป่าลึกไม่มีผู้คน
พูดถึงเรื่องการยิงในป่า ผมเองก็เคยทำมาก่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ก็พากันขนปืนขึ้นหลังรถจิ๊บมุ่งหน้าไปทางเขื่อนแม่กวง
(ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ) เป็นเขื่อนที่ออกจากเชียงใหม่มุ่งไปทางเชียงราย (หรือเปล่าวะ มันลางเลือนเหลือเกิน)
แต่ที่แน่ ๆ ต้องวิ่งผ่านสันทรายแถวบ้านคุณตุ้ยนั้นหละครับ
ครั้งนั้นมีปืนที่จะเอาไปลองกลไกก็มี ลูกซองยาว สิบเอ็ดมม เก้ามอมอ จุดสามสอง และที่เก็บเสียงต้นแบบ
กระสุนอีกจำนวนมาก ปืนทุกกระบอกเป็นปืนเก่าที่ไม่ผ่านการซ่อมก็ถูกส่งมาปรับแต่ง คนลองปืนก็เป็นนักเรียน
ช่างยนต์ 3 คน ก่อสร้าง 1 คน รวมเป็น 4 คน ส่วนผู้ใหญ่จะตามมาอีกวัน วันนั้นเป็นวันศุกร์
เลิกเรียนก็ไปรับรถและพากันออกเดินทาง กว่าจะแวะซื้ออาหารที่ตลาดสันทรายเสร็จก็เกือบหกโมง
จึงได้ออกเดินทางจากตลาดสันทราย ในสมัยนั้นถ้าผมไปสันทรายที่ไรก็รู้สึกอยากเห็นหน้า เพ๊ญพักตร์ ตัวจริงมาก
เพราะนี้คือบ้านเกิดของหญิงผู้สวยงามคนนี้ ผมและเพื่อนออกเดินทางไปถึงก็เกือบมืด รีบตั้งแคมป์ผ้าใบ
อันที่จริงเรือนนอนก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่กล้าเข้าไปนอนเพราะเห็นเพื่อนมันบอกว่าผีดุ!!! ใครเข้าไปนอนโดนทุกคน
เช้าตรู่ ผมตื่นก่อนทุกคน ออกมาเดินที่สนามหญ้า อันที่จริงน่าจะเป็นท้องนาซะมากกว่า พอดีเป็นหน้าหนาวน้ำแห้งหมด
เดินออกมาไม่ไกลแคมป์ก็เห็นกวางกำลังเดินเล็มยอดหญ้า ตรงที่ผมพักแคมป์กันนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่
จำไม่ได้ว่ากี่กิโลเมตร น่าจะประมาณไม่เกิน 40 กิโลเมตรอย่างเก่งไม่เกิน 60 ก็แล้วกัน จำไม่ได้จริง ๆ
ผมกลับมาที่แคมป์ เพื่อน ๆ กำลังก่อไฟจะหุงข้าวและทำกับข้าว เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งทีอยู่ในทีม มันเป็นคนละแวกนั้น
ชำนาญถิ่นว่างั้นเถอะ มันชวนผมออกไปเดินป่าหายิงไก่ป่า ผมตกลงกันว่ามันจะต้องเป็นฝ่ายถือปืนลูกซองเดี่ยวทั้งไปและกลับ
ส่วนผมจะรัดเอวด้วยผ้าขาวม้าหุ้มกระสุนลูกซองยี่สิบห้านัดตุงเอว ผมบอกมันว่าจะให้กระสุนมันเมื่อจะยิงไก่ป่าเท่านั้น
ไม่ให้เอากระสุนใส่ในรังเพลิง และตอนยิงผมจะยืนด้านหลังมันตลอด อันที่จริงผมกับมันก็เดินป่าด้วยกันหลายครั้ง
แต่ครั้งนี้มีปืนของใครไม่รู้ ไม่ชินมือเสียด้วย แถมเป็นปืนซ่อมถูกส่งมาทดลองด้วย ไม่ค่อยไว้ใจปืนสักเท่าไหร่
2 คนอยู่เฝ้าแคมป์เฝ้าปืน เฝ้าของ อีก 2 คน คือผมกับไอ้ไก่ ออกเดินเข้าป่าไปหาอาหาร ยังไงเช้านี้ก็ต้องมีเมนูไก่ป่าให้กินกัน
2 คนเดินผ่านที่ราบเหมือนท้องนาเข้าป่าหายไป รอยเก้งปรากฏ มูลสดยังเห็นควันขาวลอยอ้อยอิ่ง ไอ้ไก่ชวนยิงเก้ง
ผมบอกว่ากระสุนที่เอามาไม่เหมาะกับสัตว์ ยิงแล้วตามนานกว่าจะได้ตัว หรือดีไม่ไดีจะโดนกวางขวิดตาย
อาการหนาวเย็นพอสมควร แต่วัยหนุ่มทำให้ไม่รู้สึกสักเท่าไหร่ ชุดแต่งกายก็กางเกงช่าง เสื้อช่าง เสื้อหนาวถูกถอดออกมามัดรอบเอว
เราพากันเดินเข้ามาในป่าไม่ลึกจากแคมป์สักเท่าไหร่ ไอ้ไก่พาเดินอ้อมไปวนมา แล้วทำท่าค้อมตัวลงหันหน้ามาเอานิ้วชี้ทำท่า จุ๊ จุ๊
ผมก็พยักหน้ารับทราบ และปลิ้นเอากระสุนจำนวน 1 นัดออกจากผ้าขาวม้า ส่งให้ไอ้ไก่
ไอ้ไก่ยักแย้ยักยันจะหักลำกล้องปืนแต่หักไม่ได้ มันเคยยิงแต่ปืนอัดลมหักลำกล้อง
ผมเห็นแล้วอดรำคาญไม่ได้จึงชี้ไปที่ก้านยาวให้ดันไปทางไหนก็ได้ พอมันดันก้านที่ว่าลำกล้องก็หักลงได้เหมือนปืนอัดลม
ไอ้ไก่รับกระสุนลูกซองจากผมแล้วหยอด ไม่อยากบอกเลยว่าออกมายิงไก่ป่าแต่ดันเอากระสุน 9 เม็ดมาทั้งกล่อง
เซ่อทั้ง 2 คนครับ งานนี้ ก็อายุแต่ละคนเพิ่งจะได้บัตรประชาชน เพิ่งมีใบขับขี่กันไม่ถึงสองปี
เสียงไก่ป่าร้องปลุกประสาทให้เราสองคนต้องนิ่งฟัง ไอ้ไก่หันมากระซิบบอกผมว่าให้รออยู่ตรงนี้
มันจะเข้าไปในดงไม้ข้างหน้าคนเดียว ผมก็รอหน้าดงไม้ ไอ้ไก่เข้าไปนานพอสมควร ผมไม่กล้าตาม
เพราะเคยได้ยินมาว่าคนตามเข้าไปมักจะโดนส่องสวนด้วยปืน ด้วยอีกคนเข้าใจว่าเป็นสัตว์ป่า
ยิงปืนลูกซองดังขึ้น เสียงไอ้ไก่ตะโกนยิงไม่โดน ขอกระสุนอีกเร็ว ผมรีบตามเข้าไปในดงไม้ทันที
นึกในใจไอ้เวรเอ้ย ให้กูยิงซะก็หมดเรื่อง ผมไม่กลัวแล้วเพราะปืนไม่มีกระสุนแล้ว กระสุนที่เหลือก็อยู่ในผ้าขาวม้าที่เอวผม
ผมเดินลัดเลี้ยวไปมาตามทางที่เห็นโดยไม่ตะโกนเรียกไอ้ไก่ เพราะกลัวว่าไก่ป่าตัวจริงจะตกใจบินหนี
เดินลัดไปมาในดงไม้ ก็ไม่เห็นตัวไอ้ไก่ ผมเริ่มตะโกนเรียก เงียบไม่มีเสียงไอ้ไก่ตอบ ผมตะโกนเรียกก็เงียบ
ก็เลยเดินค้นหาไอ้ไก่ตามละแวกนั้น แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้ไก่
ผมหาทางออกจากป่าเพื่อจะกลับไปกินข้าวรอไอ้ไก่ที่แคมป์ ปืนไม่มีลูกเดี๋ยวไอ้ไก่ก็คงจะกลับไปเจอกันที่แคมป์
เร่งฝีเท้าเดินมานานกว่าตอนเข้าป่าซะอีก แต่ก็ยังไม่เห็นที่ราบที่เจอเก้งตอนเช้า ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยตัวขึ้นที่สูง
ผมยืนนิ่งเงียบฟังเสียง ทุกอย่างเงียบสงัด นานจะมีเสียงนกร้อง ผมรู้ตัวแล้วว่ากำลังเจอเหตุการณ์ "หลงป่า"
ผมเองก็ประมาทตอนออกแคมป์ไม่ได้ดูว่าเดินเข้าป่าทิศไหน เข็มทิศก็ไม่มีแผนที่ก็ไม่มี มีดก็ไม่มี มีแต่ลูกซอง 24 นัด
เอาหละเมื่อเป็นอย่างนี้ก็จะเสี่ยงทายยึดเส้นทางเดิน ของผมกับเส้นทางเดินของดวงอาทิตย์ไปในแนวเดียวกัน
ผมออกเดินทางจากจุดที่ยืนมุ่งไปทางทิศตะวันตก ป่าเขียวรกครึ้มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผมก็ไม่หยุดเดิน คอแห้งผาก
ถ้ามีมีดจะได้ดื่มน้ำจากการตัดเถาวัลย์สักหน่อย จะให้ใช้ฟันกัดแทะเครือเถาวัลย์ก็คงฟันหลุดเสียก่อน
พระอาทิตย์ตรงหัว แอลกอฮอล์เมื่อคืนหายหมดแล้ว ผมเห็นกล้วยป่าออกลูกเป็นเครือ แต่ทว่ามันยังไม่สุก
และกว่าจะเข้าไปถึงต้นกล้วยนั้นก็น่าจะไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ไหนจะต้องล้มต้นกล้วยอีก หรืออาจเจองูจงอาง หรือไอ้เห่าก็เป็นได้
ผมค้นหาไม้เมื่อจะเอามาทำเป็นไม้เท้าเอาไว้ตีหญ้าให้งูตื่น ก็หาไม่ได้ มันไม่ใช่ของง่ายเลย ไม้ที่อยุ่ตามพื้น
ก็ผุพังเปื่อยหมด แค่แกว่งก็หักแล้ว
คืนนี้จะนอนบนต้นไหนดี ผมคิดเล่น ๆ งูเหลือมจะเล่นเราหรือเปล่า ระหว่างเดินผ่านร่องน้ำเห็นงูดำใหญ่เลื้อยผ่านไป
ผมยืนนิ่งดูจนมันลับตาไป แล้วก็เดินตัดผ่านร่องน้ำไปทิศเดียวกับตะวันที่เลยหัวไปแล้ว ดูเวลาน่าจะประมาณบ่ายสองโมง
ผมเร่งฝีเท่าแข่งกับเวลา ในป่าลึกเวลาบ่ายสองโมงดูเหมือนมันจะเริ่มมืด เสียงชนีร้องดังมาแต่ไกล ผมภวนาขอให้เป็นชะนีเลี้ยงเถอะ
นั้นหมายถึงมีหมู่บ้านอยู่แถวนี้ แต่ถ้าเป็นชะนีป่าก็แล้วไป
เดินป่ามาทั้งวัน ไม่ได้กินน้ำ ไม่ได้กินอาหาร ท้องผมเริ่มหิว ใจอยากจะเอาเถาวัลย์มาควั่นทำเป็นธนูเอาไว้ล่าสัตว์
แต่ผมไม่มีมีด แม้แต่วิคเตอรีน๊อก ก็ยังอยู่ในเป้ที่แค้มป์ แล้วไอ้ไก่จะเป็นยังไงบ้างใจผมครุ่นคิดตอนหยุดพักเหนื่อย
ผมพยายามไม่พักเกิน 1 นาที เพราะนั้นหมายความว่าหากผมตกเป็นเป้าหมายของสัตว์ป่า ผมจะเป็นเป้านิ่ง
ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ป่ามักจะไม่ทำร้ายคนที่ยังเคลื่อนไหว แต่จะแอบทำร้านตอนคนอยู่เฉย ๆ
ดวงอาทิตย์เริ่มใกล้สันเขาข้างหน้าแล้ว ถ้าดวงอาทิตย์ลับสันเขาความมืดจะปกคลุมทันที ผมพบเห็นปรากฏการณ์แบบนี้ในป่าหลายครั้งแล้ว
ถ้ามืดผมจะเดินป่าลำบากกว่านี้มาก สัตว์ป่าจะเริ่มออกหากิน ผมคงต้องหาที่นอน ก็คิดว่าจะเอาผ้าขาวม้ามัดตัวกับต้นไม้นอนหลับ
บนคาคบไม้สูง
ผมปืนขึ้นไปจนถึงยอดที่เห็นเหมือนสันเขา มันเหมือนผมออกมาจากมุมมืดของนรก เพราะอีกฝากของสันเขายังสว่างไสวด้วยแสงดวงอาทิตย์
ผมเห็นเสาไฟฟ้า เห็นถนนราดยางสีดำทอดยาวคดเคี้ยวอยู่เบื้องหน้า ใช้เวลาเดินฝ่าดงหญ้าป่าลงเข้าไปไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดผมก็เดินมาถึงข้างถนนสาย เชียงใหม่-เชียงราย
ผมรีบข้ามถนนไปอีกฝั่งและโบกรถไปลงปากทางเข้าเขื่อน พอถึงปากทางรถโบกก็จอดให้ลง ผมก็เหมารถปากทางเข้าไปยังแคมป์
จากสภาพผมรถรับจ้างไม่ยอมรับ และแคมป์อยู่ลึกเกินไปต้องรถจี๊บจึงจะเข้าไปได้
ผมจึงแบกระสุนในผ้าขาวม้าให้ดูและบอกว่าหลงป่าเมื่อเช้าเพิ่งออกมาได้ ถ้าไปถึงแคมป์จะจ่ายค่ารถให้
ป่านนี้เขาคงออกตามหาผมกันจ้าละหวั่น ผมพูดทั้งปลอบทั้งขู่ จนมีรายหนึ่งบอกว่าจะไปส่งให้ที่ปากทางเข้าแคมป์และให้เดินต่อไปเอง
ส่วนค่ารถค่อยมาจ่ายให้วันหลัง ผมตกลง
หกโมงเย็น พระอาทิตย์ตกดิน ผมเดินมาทางเกวียนมาถึงแคมป์ อาหารเย็นกำลังถูกยกมาวางเต็มโต๊ะ
พอผมโผล่เข้าไป แทนที่ไอ้เพื่อนทุกคนจะแสดงความตกใจกับเหตการณ์ที่เกิดกับผม กลับหัวเราะกันครี้นเครง
แต่พวกตำรวจผู้ใหญ่พากันกลุ้มใจอยู่มาก เพราะไม่รู้จะไปอธิบายกับพ่อผมได้อย่างไรหากผมหายไปกับป่าหน้าเขื่อน
ผมกินแบบไม่ยั้ง ดื่มแบบไม่อั้น หลับเป็นตาย ตื่นมาสอบถามว่าปืนลองกันหมดแล้วหรือยัง เพื่อนบอกว่ากระสุนหมดแล้ว
เหลือที่เอ็งหอบมากับ เก้ามอมอ อีกสองแม๊ก เป็นปืนเก็บเสียง เอ็งลองไปยิงโคนต้นไม้เล่นก่อนกลับบ้านในตอนบ่ายวันอาทิตย์
นั้นคือการหลงป่าเพียงลำพังของผมคนเดียว ยอมรับว่าน่ากลัวมาก
ในเวลาอีกไม่กี่ปีต่อมาผมกับไอ้ไก่ก็หลงป่าพร้อมกับอีกคน คราวนี้หลงป่าพร้อมกัน 3 คน อาหารหมด ต้องจับงูกินเป็นอาหาร