เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 28, 2025, 02:16:01 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 56 57 58 [59] 60 61 62 ... 64
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คลายเครียดกับข้อความดีๆ กินใจ หรือฮาๆ เอามาแบ่งกัน  (อ่าน 142440 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
JarengkaBOW
Dog in Thailand
Hero Member
*****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6150

By physically, the object couldn't lit by itself.


เว็บไซต์
« ตอบ #870 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2005, 04:15:45 PM »

ยาวจริงท่าน

ยังไม่ได้อ่านว่างแล้วเดี๋ยวมาอ่านนะจ๊ะ Grin Grin Grin

 หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

I am dying... -*-


โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #871 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2005, 05:30:27 PM »

 Grin Grin
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #872 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2005, 05:31:21 PM »

 หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
vichai01++รักในหลวง++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 2775



« ตอบ #873 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2005, 08:46:10 PM »

หมอนี่มัน V อะไรแล้วล่ะครับท่าน
ผมติดตามถึงแค่ V 11 เอง
Grin ;Dv1กับv2เอามาทำใหม่ครับ เป็นเวอร์ชั่นหนังครับ Grin Grin
บันทึกการเข้า

คาถาป้องกันภัยพิบัติทั้งปวง
ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
redblack1111
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #874 เมื่อ: มิถุนายน 13, 2005, 10:40:37 PM »

มีครอบครัวหนึ่งอยู่กันมาอย่างรักใคร่กันเป็นที่สุดซึ่งเพื่อนบ้านต่างอิจฉากับความรักใคร่กันของครอบคร
ัวนี้

ครอบครัวนี้มีด้วยกัน 4 คน มีแม่ และลูก ๆ อีก 3 คน วันหนึ่ง แม่
ก็เกิดเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมานั่นก็คือ เป็นโรคหัวใจร้ายแรง
จำเป็นต้องผ่าดัดเปลี่ยนหัวใจโดยด่วน ลูกชายทั้ง 3 รักแม่มาก
และรู้ว่าตนเองนั้นต้องทำอะไรซักอย่างให้กับแม่บังเกิดเกล้าของเขา

คนโตเป็นนักธุรกิจพันล้านมีธุรกิจใหญ่โต
ได้รับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายในทุก ๆ ด้าน
โดนยอมสละเวลาในการเซ็นสัญญาเพื่อมาคอยเฝ้าไข้คุณแม่

คนรองเป็นนายแพทย์ชั้นนำของโลก รับผิดชอบในการรักษาคุณแม่
และทำการเรียกประชุมสมาคมแพทย์ทั่วโลกเพื่อหาวิธีรักษาคุณ แม่ของเขา


คนเล็กนั้น ยังไม่มีงานทำ
เนื่องจากตนนั้นมิได้มีความเฉลียวฉลาดเหมือนกับพวกพี่ ๆ เขา
และก็สำนึกตัวอยู่ตลอดว่าตนเองนั้นคงไม่มีกำลังพอที่จะช่วยแม่ที่เขา

เทิดทูนได้อย่างที่พี่ ๆ ทั้ง 2 ทำได้

แต่เขารู้ว่าตนเองต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อแม่ของเขา






…………………………………………………

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา การผ่าตัดหัวใจเป็นไปได้ด้วยดี
และคุณแม่ก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปนานถึง 4 วันทีเดียว
คุณแม่ได้พบหน้าลูก ทั้งสองคน คือคนโตและคนรอง

แต่กลับไม่ได้พบหน้าลูกคนเล็ก คุณแม่จึงถามลูก ๆ ทั้งสองว่า

“น้องไปไหน”

แต่คนโตกลับบ่ายเบี่ยงไปว่าคุณแม่พึ่งฟื้น ให้ทานอาหารก่อน
แล้วเขาก็ออกไปนำอาหารมาให้คุณแม่

คุณแม่ถามคนรอง แต่คนรองก็บอกกับคุณแม่ว่า
ผมต้องไปนำยามาให้แม่ทานหลังอาหาร และก็จากไป
คุณแม่สงสัย เพราะอาการ ของลูกทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาเลย

เมื่อทุกคนอยู่พร้อมกันคุณแม่จึงถามขึ้นมาอีกครั้ง

“น้องอยู่ไหน”

ทั้งสองอ้ำอึ้ง และไม่มีใครที่อยากจะตอบคำถามแม่ของเขาเลย

คุณแม่ย้ำ “บอกมานะ น้องอยู่ที่ไหนกัน”
คนโตตอบคุณแม่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“น้องอยู่ในหัวใจคุณแม่ครับ”

คุณแม่จังุงงงกับคำตอบของลูกชายคนโตมาก

;จึงหันหน้าไปถามคนรองซึ่งกำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน
“หมายความว่าไงลูก”


คนรองตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ดวงตาเอ่อล้นด้วยหยดน้ำที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน

“พวกเราสามคน พอรู้เรื่องว่าแม่ไม่สบาย ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง

ผมและพี่ ได้ทำในสิ่งที่ตนเองทำได้และควรกระทำแล้ว
และน้องก็ได้ทำสิ่งที่พวกผมไม่มีความกล้าพอที่จะทำได้ให้กับแม่……”

“แม่ไม่เข้าใจ ลูก”
“วันนั้นเป็นเวรของน้องที่จะมาเฝ้าไข้แม่
โดยที่พวกผมจะมาเปลี่ยนเวรกันในตอนเช้า 6 โมง
เมื่อผมเข้ามาถึง
กลับไม่เห็นน้องอยู่ในห้องของแม่
แต่มีโน๊ตเขียนไว้ตรงเตียงแม่ว่า

‘พี่รอง ผมอยู่ในห้องน้ำ และไม่ต้องตกใจสิ่งใดทั้งสิ้น’
ผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ปรากฏว่า

น้องได้ทำการฆ่าตัวตายโดนใช้มีดที่นำมปลอกผลไม้
กรีดที่ข้อมือตัวเองในอ่างน้ำ โดนให้เลือดไหล ช้า ๆ เพื่อที่หัวใจจะยัง
สามารถทำงานและยังจะสามารถนำมาช่วยแม่ได้

น้องเขียนจดหมายไว้ในห้องน้ำว่า

‘นำหัวใจผมไปช่วยแม่ ผมรักแม่ แต่ผมทำได้แค่นี้’
น้องเสียแล้วเพราะเลือดไหลมากเกินไป
และผมก็ได้นำหัวใจของน้องมา ช่วยแม่ครับ”

“ไม่จริงใช่ไหมลูก น้องออกไปหางานทำเท่านั้นใช่ไหม อย่ามาหลอกแม่เลย”

ลูกคนโตปลอบโยนคุณแม่ที่ทำท่าปฏิเสธทั้งน้ำตาว่า

“แม่ครับ พวกผมสองคน ให้แม่ยังไม่ได้ครึ่งของน้องเลยครับ

เราสามคนรักแม่มาก และผมก็เข้าใจน้องดีครับ แม่ทำใจนะครับ”

“พวกเรา จะยังคงอยู่ด้วยกัน 4 คนเหมือนเดิม
ไม่มีวันใดที่พวกเราจะแยกจากกันหรอกครับ…”

แม่สะอื้น แต่เริ่มทำใจได้แล้ว

“แม่รักลูก รักลูกทุกคน และลูกทุกคน
จะอยู่กับแม่เสมอ และตลอดไป”

ทั้ง 3 คน ร้องไห้ และพร่ำเรียกหาน้องคนเล็ก

แม้เขาจะไม่มีโอกาสได้ยินเสียงของแม่และพี่ชายทั้งสองคนอีกครั้งก็ตาม
บันทึกการเข้า
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #875 เมื่อ: มิถุนายน 15, 2005, 01:28:13 PM »

ฉันชอบคำของคนๆนึงที่ว่าไว้ว่า

"เมื่อยิ่งใหญ่ให้มองฟ้าเมื่อด้อยค่าให้มองดิน"

ฉันว่ามันเป็นความคิดที่ดีทีเดียว....ที่สุดยังไงก็มีขั้นกว่า

และเป็นการเตือนตัวเอง.....

คนที่รู้จักตัวเอง...จะไม่ดูถูกตัวเอง...และไม่ยกหางตัวเอง

เมื่อเรามองฟ้า...เราจะรู้ว่า

เราก็แค่จุดเล็กๆจุดหนึ่งในโลกเท่านั้น

จะแสลกสลายไปเมื่อไหร่ก็ได้

นั่นทำให้เราไม่รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับโลก...และดูถูกคนอื่น

แต่เมื่อเราก้มหน้ามองดิน...ที่ๆเหยียบอยู่ตลอดเวลา

ดินก็ไม่เคยบ่น...ว่าตัวเองด้อยค่า...กลับรู้สึกยิ่งใหญ่...

เพราะเป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต...คอยพยุงร่างกาย...เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ

ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง...และไม่ดูถูกผู้อื่น

เราจะอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยความคิดที่ว่า...

เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนธรรมดา......

......แต่ควรค่าแก่การคงอยู่.......
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
ต่อครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 216
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4088


(** ^0^ **)


« ตอบ #876 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2005, 09:56:55 AM »

 Grin  อ่านแล้วรู้สึกดีครับ เลยเอามาแบ่ง  Grin

I ran into a stranger as he passed by,
"Oh excuse me please" was my reply.

He said, "Please excuse me too;
I wasn't watching for you."

We were very polite, this stranger and I.
We went on our way and we said goodbye.

But at home a different story is told,
How we treat our loved ones, young and old.

Later that day, cooking the evening meal,
My son stood beside me very still.

When I turned, I nearly knocked him down.
"Move out of the way," I said with a frown.

He walked away, his little heart broken.
I didn't realize how harshly I'd spoken.

While I lay awake in bed,
God's still small voice came to me and said,

"While dealing with a stranger,
common courtesy you use,
but the family you love, you seem to abuse.

Go and look on the kitchen floor,
You'll find some flowers there by the door.
Those are the flowers he brought for you.
He picked them himself: pink, yellow and blue.
He stood very quietly not to spoil the surprise,
you never saw the tears that filled his little eyes."

By this time, I felt very small,
And now my tears began to fall.

I quietly went and knelt by his bed;
"Wake up, little one, wake up," I said.

"Are these the flowers you picked for me?"
He smiled, "I found 'em, out by the tree.

I picked 'em because they're pretty like you.
I knew you'd like 'em, especially the blue."
I said, "Son, I'm very sorry for the way I acted today;
I shouldn't have yelled at you that way."

He said, "Oh, Mom, that's okay.
I love you anyway."

I said, "Son, I love you too,
and I do like the flowers, especially the blue."


FAMILY
Are you aware that if we died tomorrow, the company
that we are working for could easily replace us in a matter of days.

But the family we left behind will feel the loss for the rest of their lives.


And come to think of it, we pour ourselves more
into work than into our own family, an unwise investment indeed,

don't you think?

So what is behind the story?
Do you know what the word FAMILY means?
FAMILY = (F)ATHER (A)ND (M)OTHER (I) (L)OVE (Y)OU
บันทึกการเข้า

________________________________________

เพื่อชาติ<>ราชบัลลังค์.....ร่วมปกป้องสถาบัน.....
MK 4
Sr. Member
****

คะแนน 12
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 503


ชีวิตต้องดำเนินต่อไป


« ตอบ #877 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2005, 11:42:47 AM »

 Cheesyผมมีแค่นี้ครับ Cheesy หันกลับไปมองข้างหลังบ้าง..... Cheesy
บันทึกการเข้า

จริง..ตัวเดียวสำเร็จ
สุกรจากโลกันต์
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 583



« ตอบ #878 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 11:14:57 AM »

วัยของคน!!!

ภูมิศาสตร์กับผู้หญิง

 
ผู้หญิงอายุ 15-20 ปี เหมือนแอฟริกา
ดินแดนที่ยังเป็นธรรมชาติ สดบริสุทธิ์
น่าตื่นตาตื่นใจ ท้าทายให้นักเดินทางท่องสำรวจไปไม่สิ้นสุด

 
ผู้หญิงอายุ 20-30 ปี เหมือนอเมริกา
ถูกสำรวจปรุโปร่งแล้ว สะดวก รู้งาน
คล่องตัว สมบูรณ์แบบที่สุด

 
ผู้หญิงอายุ 30-35 ปี เหมือนอินเดียกับญี่ปุ่น
ร้อน ลุ่มลึก และงดงาม

 
ผู้หญิงอายุ 35-40 ปี เหมือนฝรั่งเศส
ถูกสงครามทำลายย่อยยับไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ยังพอเป็นที่ปรารถนา

 
ผู้หญิงอายุ 40-45 ปี เหมือนเยอรมัน
ไร้สงคราม แต่ก็ยังไร้ซึ่งความหวังอยู่ดี

 
ผู้หญิงอายุ 50-60 ปี เหมือนรัสเซีย
กว้างใหญ่ สงบแล้ว
แต่ยังเป็นดินแดน ที่ไม่มีใครอยากไปเที่ยว

 
ผู้หญิงอายุ 60-70 ปี เหมือนอังกฤษ
มีอดีตที่รุ่งเรือง รุ่งโรจน์มากก็จริง
แต่ไร้ซึ่งอนาคต

 
ผู้หญิงอายุ 70 เหมือนไซบีเรีย
ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของโลก
แต่ไม่ค่อยมีใคร อยากไปเหยียบ

 
-----------------------------------------
 
ผู้ชายกับผลไม้

ชายอายุ 20 เหมือนมะพร้าว
เปลือกเยอะ เนื้อน้อย เรียกร้องมากมาย
แต่ไม่ค่อยให้อะไรตอบแทน

ชายอายุ 30 เหมือนทุเรียน
หนามแหลมคม ดูอันตราย แต่อร่อยที่สุด

ชายอายุ 40 เหมือนแตงโม
ลูกโต กลมกลิ้ง รอบจัด จับไม่ค่อยได้
ไล่ไม่ค่อยทัน แต่ให้น้ำแตงโมฉ่ำหวานชื่นใจ

ชายอายุ 50 เหมือนส้มแมนดาริน
ปีหนึ่งจะมีมาให้ลิ้มรสเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น

ชายอายุ 60 เหมือนลูกเกด
อดีตผลองุ่นที่ไม่มีน้ำองุ่นอีกแล้วตลอดอายุขัย
หมดน้ำยา ยู่ยี่และเหี่ยวแห้งลงไปทุกวัน

 
------------------------------------------------------------
 
บันทึกการเข้า

สีใหนก็ช่าง ถึงยังไงก็เป็นคนไทย อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาท
ถือเป็นมงคลแห่งชีวิต
ยังรักสาวขเมร จะเจ็บอีกกี่ทีก็ยอม
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #879 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 12:12:45 PM »

เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังว่า สักประมาณ 20 ปีที่แล้ว ขณะที่เขากำลังเดินดูหนังสือ ในร้านหนังสือ

ดวงกมล สยามแสควร์ ก็มีนิสิตหญิงจุฬาสองสามคน เดินเข้ามาในร้าน นิสิตคนหนึ่งใบหน้าสวยคม จัดว่าสวยน่ารัก

แต่ใบหน้าดูคุ้นเหลือเกิน ทันใดเขาก็เห็นคนเริ่มไหว้บ้าง ค้อมศรีษะบ้าง ให้แก่นิสิตคนนั้น

แต่ก็มีเสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจจากนิสิตคนนั้นว่า

"ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณค่ะ วันนี้เป็นนิสิต มาหาซื้อหนังสือ เชิญทุกท่านตามสบายค่ะ"

ทุกคำที่เอ่ยจะมีคำว่า "ค่ะ" ตลอด แล้วก็หันไปยิ้มแบบเขิน ๆ กับเพื่อนทีมาด้วยกริยาช่างงามน่ารักเหลือเกิน เพื่อน

ผมย้ำ

ทันใดนิสิตกลุ่มนั้นก็หันไปเห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังเดินดูหนังสืออยู่ในร้านเหมือนกัน จึงเดินเข้าไปหาพร้อมยกมือ

ไหว้ผู้อาวุโสท่านนั้น และนิสิตท่านก็เป็นผู้เอ่ยทักว่า "สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาหาซื้อหนังสือเหรอคะ"

ทันใด ท่านอาวุโสก็สะดุ้ง กำลังจะก้มและย่อตัวลงในท่าทำความเคารพ แต่ความที่อยู่ในวัยชราจึงไม่ค่อยถนัด พร้อม

กับเอ่ยขึ้นว่า

"อ้าว องค์หญิง กระหม่อมมาหาซื้อหนังสือ พะยะค่ะ"

ในตอนนั้นเพื่อนผมก็จำได้ขึ้นมาว่านิสิตท่านนั้นก็คือ สมเด็จพระเทพฯ นั่นเอง ในตอนนั้นพระเทพก็ทรงเข้ามา

ประคอง อาจารย์ท่านนั้น พร้อมกับรับสั่ง "ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ หนูกับเพื่อน มาหาซื้อหนังสือเหมือนกัน ค่ะ"

เพื่อนผม บอกว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมรัก และเทอดทูนเจ้าหญิงองค์น้อยเสมอมา ด้วยความที่ท่านไม่ทรงถือ

พระองค์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ผมเคยอ่านจากหนังสือสกุลไทย ช่วงตอบปัญหาของใครจำไม่ได้แล้ว มีคนเขียนไป

ถามเจ้าของคอลัมน์ว่าจริงหรือเปล่าที พระองค์เคยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ยังเมืองทองธานี เพื่อเสวยร้านอาหารโต้

รุ่ง ก็มีคำตอบว่าจริง พระองค์เคยเสด็จอย่างส่วนพระองค์จริงๆ กับ คุณข้าหลวงอีก 2 คนไม่มีองครักษ์ติดตาม คือเสด็จ

ยังร้านอาหารตามสั่งทั่วไปริมถนน ตอนแรกไม่มีใครจำพระองค์ได้เลย แต่มี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งเห็นเข้า

ฝ่ายสามีบอกว่าไม่ใช่สมเด็จพระเทพหรอกเพราะนี่คือร้านอาหารโต้รุ่งแล้วก็ดึก มาก แล้วด้วย แต่ฝ่ายภรรยาบอกว่า

เหมือนมากก็โต้กันไปโต้กันมา จนพระองค์ทรงได้ยินจึงหันพระพักตร์มาทาง 2 สามีภรรยานี้แล้วตรัสว่า

"ใช่ แต่ขอให้ทำตัวตาม สบาย"

เท่านั้นแหละครับ 2 คนนี้ก็ก้มลงกราบจนคนอื่นๆ แปลกใจ ก็หันมามองกันหมดทั้งร้าน

เจ้าของร้านกับเด็กเสริฟก็เพิ่งทราบ จึงรีบเข้าไปถวายความเคารพ พวกพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น ก็นำอาหารของร้าน

ตนมาถวาย จนกระทั่งเสด็จกลับไป นี่แหละครับเจ้าหญิงในใจประชาชนพระองค์จริงๆ

จำได้ว่าตอนที่พระองค์ท่านเสด็จในงาน concert กาชาดหลายปีแล้วแล้วพระองค์ท่านทรงเป่า trumpet เพลงคู่กัด

พอท่านทรงเป่าจบ คนดูก็ตบมือท่านก็ทรงรับสั่งว่า "แปลกจังทำไมไม่มีเสียงกรี๊ดเลย" คนดูก็เงียบกริบ...

คงตะลึงมั้งท่านก็รับสั่งย้ำอีกครั้งเท่านั้นแหล่ะ..คนดูกรี๊ดถล่ม

ผมเคยเข้าไปเล่นคอนเสิร์ตหน้าพระที่นั่งศาลาดุสิตาลัย เมื่อสิบห้าปีก่อน

พระเทพทรงประชวรหวัดเล็กน้อยแต่ก็ตรัสก่อนพวกผมเล่นกันว่า

"วันนี้ไม่มีเสียงกรี๊ดนะเป็นหวัด"

พอตอนเล่น ผมเลยบังอาจถวายแซวพระองค์ท่านว่า

"ในฐานะรุ่นน้องจุฬาฯ ขอพระราชทานอนุญาต เอ่ยพระนามพระองค์ว่า พี่น้อยก็แล้วกันวันนี้ขอให้พี่น้อย หายหวัด

เร็วๆ นะครับ"

คนดูในศาลาดุสิตาลัยเงียบกริบ ผมก็ชักหนาวสันหลังว่า เหิมเกริมไปหรือเปล่า เพื่อนร่วมวงรีบชิงพูดต่อว่า

"มหาดเล็กครับ ช่วยยิงให้ถูกคนด้วยแล้วกัน" คนเลยฮากันตึง รอดไป

มีเพลงหนึ่งชื่อเพลงกล้วยไข่ ผมก็แปลงเป็นว่า

แปลกใจจริงพระเทพฯ ชอบอะไรพระเทพชอบกล้วยไข่ เพราะว่าพระองค์ทรงโปรด ลัล ลัล ลัล ลา

ตอนไปรับพระราชทานดอกไม้จากพระหัตถ์ผมไปยกมือไหว้ท่าน

ท่านก็ตรัสย้อนผมว่า "ใครเค้าไหว้กัน เค้าโค้งจ้ะ"

จากนั้นท่านก็ตรัสว่า "ใครบอกฉันชอบกล้วยไข่ ฉันชอบกล้วยน้ำว่าย่ะ"

ผมไม่เคยลืมสักภาพเดียวเลยครับ

ตอนเป็นนักเรียนแถวสามย่านพระองค์ ท่านเป็นนิสิตแล้ว เคยแอบไปเดิน "ส่อง" รถพระที่นั่งซึ่งจอดอยู่หน้าหอ

ประชุมจุฬาเห็นมีขนมขบเคี้ยวสารพัดใส่โหลเอาไว้ 2-3โหล ทุกวัน ตลอด 4 ปีที่ทรงศึกษาอยู่ ผู้คนที่ต้องผ่านสัญจร

แถวนั้นไม่เคยต้องเดือดร้อนกับการกั้นรถขบวนเป็นชั่วโมงๆ เพียงรถพระที่นั่ง 1 คันกับรถตำรวจนำอีก 1 ที่ไม่เคย

เปิดไซเรน ไม่เคยเปิดโทรโข่ง ไม่เคยฝ่าไฟแดง เห็นพวกนักการเมือง มีตำรวจนำตำรวจตาม วิ่งย้อนศร กั้นรถให้

แซงลัดคิว แล้วนึกถึงสิ่งที่พระองค์ปฏิบัติทุกครั้ง

บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #880 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 04:09:48 PM »

Photo 1: Together, through Warm and Cold

 (Photographer: An Hejie. Market Place, Town of Chifeng, Inner Mongolia)
Beyond the northern (Inner Mongolia) frontier, spring has arrived but the
cold weather lingered on. Snow fell on this April morning. Flakes danced
in the sky. A middle-aged man tended to his cart, on which sat a little
boy, wrapped up with blanket used to keep the vegetables from freezing.
From time to time, the father would tuck at the blanket to make sure that
his son was all right. These are the words from the photographer: "Set in
the dark and shadowy background and the dancing snow flakes, the pink
puffy face of the little boy stood out in great contrast to that of the
father which was apparently shaped by the caprices of life. And life was
indeed harsh. Father and son only have each other for support. When the
father yelled out a sales pitch on top of his voice, his facial expression
was shockingly touching. One cannot help but be moved."
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #881 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 04:11:11 PM »

Photo 2: Love

The father and his son live in an impoverished hilly area. They demand
nothing but a piece of land to call their own. Perhaps they will not have
a chance to see the outside world all their lives -- they will not know
what a staircase is, they will never ride in a taxi, nor will they ever
step into a movie theater. But the truth is these are the people who offer
us everything our lives depend on, generation after generation. The heaven
and earth have nothing to repay them. Love them! At least respect them in
your heart. Otherwise how can we possibly talk about ourselves as human beings?

บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #882 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 04:13:11 PM »

Photo 3: Grandpas'Tears

(Caption on the photo: That day, we found that we were able to attend
school. We were so happy. But grandpa cried. Do you understand? The tears
of an elderly man...) This semester has been dealt with, what about the next?
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #883 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 04:14:20 PM »

Photo 4: Amidst Rain and Wind
Your elderly mother and little children are waiting for you to come home
with the day's wages.
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #884 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2005, 04:15:29 PM »

Photo 5: Old Man Crying

The old man sells roast yam for a living. Because he doesn't have a
license, his tools were confiscated and his tricycle was smashed, its
chain cut. All the old man can do is to sit there and cry. Tomorrow.

บันทึกการเข้า

บางโพ 5
หน้า: 1 ... 56 57 58 [59] 60 61 62 ... 64
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.098 วินาที กับ 21 คำสั่ง