เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 28, 2025, 04:59:24 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 ... 64
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คลายเครียดกับข้อความดีๆ กินใจ หรือฮาๆ เอามาแบ่งกัน  (อ่าน 141726 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2004, 11:18:20 PM »

 Grin
พระราชดำรัสในหลวง

 ข้อคิดในการใช้ชีวิต

1. อย่าทำลายความหวังของใครเพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้

2. เมื่อมีคนเล่าว่าตัวเขามีส่วนในเหตุการณ์สำคัญอะไรก็ตาม เราไม่ต้องไปคุยทับ ปล่อยเขาฟุ้งไปตามสบาย

3. รู้จักฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่วๆ เท่านั้น

4. หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ตามริมทางเสียบ้าง

5. จะคิดการใดจงคิดการให้ใหญ่ ๆ เข้าไว้ แต่เติมความสุขสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย

6. หัดทำสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้

7. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น

8. เวลาเล่นเกมกับเด็กๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด

9. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้

10. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ "สอง" แต่อย่าให้ถึง "สาม"

11. อย่าวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ

12. ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว อะไร ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรกหรอก

13. ใช้เวลาน้อยๆ ในการคิดว่า"ใคร"เป็นคนถูก แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า"อะไร" คือสิ่งที่ถูก

14. เราไม่ได้ต่อสู้กับ "คนโหดร้าย" แต่เราต่อสู้กับ "ความโหดร้าย" ในตัวคน

15. คิดให้รอบคอบ ก่อนจะให้เพื่อนต้องมีภาระในการรักษาความลับ

16. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน

18. เป็นคนถ่อมตน คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้วตั้งแต่เรายังไม่เกิด

19. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด...สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้

20. อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม

21. อย่าให้ปัญหาของเรา ทำให้คนอื่นเขาเบื่อหน่าย ถ้ามีใครมาถามเราว่า"เป็นยังไงบ้างตอนนี้" ก็บอกเขาไปเลยว่า "สบายมาก"

22. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมีมันก็วันละยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าๆกับที่ หลุยส์ ปาสเตอร์ , ไมเคิล แอนเจลโล , แม่ชีเทเรซา, ลีโอนาร์โด ดาวินชี, ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรืออัลเบิร์ต ไอสไตน์ เขามีนั่นเอง

23. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวกลับไปดูอดีต เราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว

24. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตรฐานของคนอื่น

25. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น

26. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดีๆใหม่ ๆและยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ล้วนมาจากบุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น

27. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น

28. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานที่เขาทำนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด

29. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิตให้ "ยืนยาว"

30. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ

คุณทำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า?

บันทึกการเข้า

NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2004, 11:26:52 PM »

เรื่องน่าประทับใจของในหลวง

1. "เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน (พ.ศ. 2528)
ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของพิธีพระราชทานปริญญาของบัณฑิต จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในวันนั้นเกิดเหตุการณ์ไฟดับทั่วประเทศไทยในตอนบ่าย เป็นผลให้บัณฑิตจำนวน 6 คน ที่เข้ารับพระราชทานปริญญาในช่วงนั้นหมดโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพตอนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ไว้เป็นที่ระลึก
เเต่สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อเสร็จพระราชพิธีเเล้ว พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระเเสรับสั่งกับอาจารย์ที่หมอบถวายปริญญา อยู่ข้างๆที่ประทับว่า
"ให้ไปตามบัณฑิต ๕-๖ คนนั้นขึ้นมารับปริญญาใหม่อีกครั้งหนึ่ง "

2. ช่วงนั้นเพื่อนได้เข้ารับถวายงานพยาบาลต่อทูลกระหม่อมฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
ช่วงเช้าตรู่มีโทรศัพท์ดังขึ้น ในห้องบรรทมของพระองค์ท่าน เพื่อนรับสายก็มีเสียงพูดมาว่า "ขอสายฟ้าหญิง" เพื่อนได้ถามกลับไปว่า
" ขอประทานโทษค่ะใครจะเรียนสายด้วยคะ " " บอกเขาว่าคนในแบงค์โทร.มา " อีกฝ่ายตอบกลับ
เพื่อนก็ถามกลับไปอีกว่า " ธนาคารไหนคะ " (ก็ยังเช้าตรู่อยู่นี่นา....เพื่อนคิดในใจโทร.มาเรื่อง อะไรแต่เช้า)
เพื่อนก็ออกอาการ"งง"อยู่ช่วงครู่ ..... เดินไปทูลฟ้าหญิง
พอกลับมานั่งทบทวน........"คนในแบงค์โทร.มา"
............. ถึงกับตื่นเต้นตกใจขนลุกขนพองเพราะคนในแบงค์ คือ "ในหลวง"
พระองค์ทรงมีพระอารมณ์ขันอยู่เป็นนิจ " ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน "

บันทึกการเข้า

NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2004, 11:31:11 PM »

สิ่งสำคัญไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา.....................

ไม่สำคัญว่า... คุณขับรถยี่ห้ออะไร ? สำคัญว่า... คุณเคยให้คนที่ไม่มีรถ "นั่ง" มาด้วยกี่ครั้ง
ไม่สำคัญว่า... คุณทำงานล่วงเวลามากขนาดไหน ? สำคัญว่า... คุณให้ "เวลา" แก่ครอบครัว และคนที่รักมากแค่ไหน
ไม่สำคัญว่า... คุณมีเสื้อผ้าทันสมัยกี่ชุดในตู้ ? สำคัญว่า... คุณเคยให้เสื้อผ้าแก่คนที่ "ขาดแคลน" ใส่กี่ชุด
ไม่สำคัญว่า... คุณมีฐานะอะไรในสังคม ? สำคัญว่า... คุณ "วางตัว" ในระดับไหน
ไม่สำคัญว่า... คุณมีทรัพย์มากเท่าไหร่ ? สำคัญว่า... สิ่งที่คุณมี มันมี "อำนาจ" ชี้ขาดชีวิตคุณแค่ไหน
ไม่สำคัญว่า... เงินเดือนสูงสุดของคุณเท่าไร ? สำคัญว่า... คุณต้องสละ "อุดมการณ์" เพื่อได้มันมาหรือไม่
ไม่สำคัญว่า... คุณได้เลื่อนขั้นกี่ขั้นแล้ว ? สำคัญว่า... คุณเคย "สนับสนุน" ใครให้ได้เลื่อนขั้นบ้าง
ไม่สำคัญว่า... คุณมีตำแหน่งการงานอะไร ? สำคัญว่า... คุณทำงานสุด "ความสามารถ" หรือไม่
ไม่สำคัญว่า... คุณมีเพื่อนกี่คน ? สำคัญว่า... คุณเป็น "เพื่อนแท้" กับใครบ้าง
ไม่สำคัญว่า... คุณเรียกร้องและปกป้องสิทธิของตัวเองอย่างไร ? สำคัญว่า... คุณทำอะไรเพื่อ "ช่วยและปกป้อง" สิทธิคนอื่น
ไม่สำคัญว่า... สิ่งที่คุณทำสอดคล้องกับคำพูดของคุณกี่ครั้ง ? สำคัญว่า... มีกี่ครั้งที่คำพูดของคุณ "ไม่สอดคล้อง" กับการกระทำ...
 
------------------------------------------------

อย่างที่รู้กัน ว่าสิ่งสำคัญไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตา แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจ
เจอกันครั้งแรก ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่เราเห็น เราจะใช้อะไรอ่านฝ่ายตรงข้าม ว่าเขาคิดแบบไหนกับเรา
เราสามารถใช้หูของเราอ่านคำพูดที่เขาพูด
ใช้ดวงตาของเราอ่านภาษากายที่เขากระทำ
และใช้หัวใจอ่านทุกอย่างที่อยู่ในใจเขา
บางคนตัดสินคนจากภาพลักษณ์ที่เห็นครั้งแรก บางคนตัดสินคนจากคำพูดที่เขาพูด
บางคนตัอสินคนจากการกระทำที่เขาทำ บางคนตัดสินคนจากหัวใจ

ตราบใดที่ยังมีใจให้กัน ตราบนั้นเราก็ยังเป็นเพื่อนกันตลอดไป....
บันทึกการเข้า

NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2004, 11:34:45 PM »

หม้อสองใบ as good as it gets

ชายชาวอินเดียคนหนึ่ง ห้วงสองปีที่ผ่านมา ผู้คนจะพบเห็นจนชินตาว่า
บนบ่าของเขามีหม้อดินใบให่วางอยู่ข้างละใบ
หม้อดินใบหนึ่งมีรอยร้าว ...ขณะอีกใบสมบูรณ์สวยงาม ไร้ที่ติ
หม้อใบสวยสามารถบรรจุน้ำไว้เต็มเปี่ยมนับจากลำธารจนถึงบ้านเจ้านาย
ขณะที่อีกใบหนึ่งนั้น
เมื่อมาถึงปลายทางกลับเหลือน้ำแค่ครึ่งเดียว
เท่ากับว่าชายผู้นี้ขนน้ำได้เที่ยวละหม้อครึ่งอยู่ทุกครั้ง
แน่ล่ะ...หม้อดินใบสวยย่อมภาคภูมิใจในตนเองที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
ส่วนหม้อดินใบร้าวนอกจากอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่สมประกอบข อง ตนเองแล้ว
มันยังรู้สึกผิดกับการทำหน้าที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วยหลังจากสองปีเต ็มที่แบกความทุกข์ระทมขมขื่นนั้นเอาไว้

วันหนึ่ง มันจึงตัดสินใจเอ่ยกับคนหาบน้ำตรงลำธารว่า
"ฉันรู้สึกละอายใจเหลือเกิน..ฉันอยากขอโทษท่าน..
ตลอดสองปีมานี้ ฉันทำงานให้ท่านได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เนื่องจากเจ้ารอยร้าวบนตัวฉันมันทำให้น้ำรั่วไหลไปตลอดทาง"

เมื่อฟังเช่นนั้นแล้ว คนขนน้ำก็พลอยรู้สึกเสียใจไปด้วย
และแล้วเขาก็พูดว่า "เอาล่ะ..ระหว่างทางที่เราจะเดินกลับไปบ้านเจ้านาย
ฉันอยากให้เธอสังเกตดอกไม้สวยๆข้างทางเดินสักหน่อย
เธอไม่ได้สังเกตหรอกหรือว่า ...ทำไมดอกไม้ป่าเหล่านั้นถึงได้งอกงามเฉพาะฝั่งที่ฉันแบกเธอเท่านั้น
ทำไมมันไม่ขึ้นอีกฟากหนึ่งด้วยล่ะ..
นั่นเป็นเพราะฉันได้ตระหนักในข้อจำกัดของเธอ
จึงอาศัยเงื่อนไขนี้เพาะเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ป่าตรงทางเดินฝั่งที่ฉันแบกเธอ ... เสมอมา

และทุกๆวันขณะที่เราเดินกลับบ้าน
เธอเองก็ได้ช่วยฉันรดน้ำให้มัน..แล้วในสองปีนี้
ฉันก็ได้เด็ดดอกไม้สวยๆนี้ไปปักแจกันให้เจ้านายของเราด้วย
นี่ถ้าหากไม่มีเธอแล้วล่ะก็
เจ้านายของเราคงไม่มีโอกาสได้ดอกไม้ป่าอันแสนสวยงาม
ที่ผลิสะพรั่งอยู่ระหว่างทางมาประดับบ้านเป็นแน่"

ปล.เราเองมีคุณค่าดีพอ ถ้าไม่เปรียบเทียบคนอื่นมากเกินไป > > ถ้าคิดว่าสิ่งไหนมันไม่ดีก็พยายามแก้ไขทำให้มันดีขึ้น
ผลลัพธ์ของการกระทำไม่ใช่คำตอบแห่งชัยชนะของชีวิต
จุดมุ่งหมายและความตั้งใจจริงของเราต่างหากคือคำตอบที่แท้จริง

 Grin ทั้งหมดนี้ได้มาจาก http://www.cyberdol.cjb.net/ ครับ Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2004, 11:38:01 PM โดย NaiMai » บันทึกการเข้า

buck_g19
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2004, 12:19:18 AM »

36 แผนที่ ชีวิตของพ่อ-พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
 1     ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ

 2     อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก “ปัญญา” และ "ความกล้าหาญ"
 
 3     “เพื่อนใหม่” คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน เพื่อนเก่า คืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
 
 4     อ่านหนังสือ ธรรมะ ปีละเล่ม
 
 5     ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
 
 6     พูดคำว่า “ขอบคุณ” ให้มากๆ
 
 7     รักษา “ความลับ” ให้เป็น
 
 8     ประเมินคุณค่าของการให้ “อภัย” ให้สูง
 
 9      ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี

10     ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง

11     หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่

12     เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนักคิดเสมอว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว

13    อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์

14    ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน

15    อย่าหยิ่งหากจะกลว่าวว่า “ขอโทษ”

16    อย่าอายหากจะบอกใครว่า “ไม่รู้”

17    ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง

18    เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป

19    การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวยเป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท

20    คนไม่รักเงิน คือคนไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต

21    ยามทะเลาะกันผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี

22    ชีวิตนี้ฉันไม่เคยได้ทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด

23    จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน

24    เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด

25    เหรียญเดียวมี 2 หน้า ความสำเร็จ กับ ล้มเหลว

26    อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆเกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น

27    ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน

28    อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ (อย่าใจร้อน)

29    ระลึกถึงความตายวันละ 3 ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีอภัย มีให้

30    ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆไปก็ผิดหมด

31    ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ

32    จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิตเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด

33    ดาวและเดือนที่อยู่สูงอยากได้ต้องปีน “บันไดสูง”

34    มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ

35    หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม

36    ระเบียบวินัย คือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต
บันทึกการเข้า

Glock เพื่อนแท้ไม่มีวันตาย
buck_g19
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2004, 12:34:21 AM »

ทุกๆ คนมีความสุข เมื่อแสวงหาทรัพย์มาได้ หลาย ๆ คน

มีความสุขกับการครอบครองหวงแหนทรัพย์นั้นไว้ ในขณะที่อีกหลาย ๆ

คนก็มีความสุขกับการใช้จ่ายทรัพย์นั้น แท้จริงแล้ว

เราจะแสวงหาความสุขจากทรัพย์สิน ได้ด้วยวิธีการใด ทำอย่างไร?

เราจึงจะได้รับความอิ่มกายอิ่มใจ จากทรัพย์ของเราให้ได้มากที่สุด

มีนกแขกเต้าฝูงหนึ่งประมาณ 500 ตัว อาศัยอยู่ในป่างิ้วบนยอดเขาแห่งหนึ่ง

เมื่อถึงเวลาหากิน ฝูงนกแขกเต้าต่างพากันบินไปกินข้าวสาลีในนาของชาวมคธ

เมื่อกินข้าวสาลีอิ่มแล้ว ต่างก็บินกลับรังด้วยปากเปล่าๆ ทั้งนั้น

ส่วนพญานกแขกเต้าที่เป็นหัวหน้า เมื่อกินอิ่มแล้ว ยังต้องคาบข้าวสาลีอีก

3 รวงกลับไปด้วย ชาวนาเห็นก็แปลกใจ จึงพยายามดักจับพญานกแขกเ ต้าให้ได้

ด้วยการสังเกตที่ยืนของพญานกนั้น

แล้ววางบ่วงดักไว้วันหนึ่งพญานกถูกจับได้ ชาวนาจึงถามพญานกว่า

" นกเอ๋ย ท้องของท่านคงจะใหญ่กว่าท้องของนกอื่น เป็นเพราะท่านมียุ้งฉาง

หรือเป็นเพราะเรามีเวรต่อกันมาก่อน? "

พญานกตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้มียุ้งฉาง และเรา ก็ไม่มีเวรต่อกัน แต่ที่คาบไป 3

รวงนั้น รวงหนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า รวงหนึ่งเอาไปให้เขา

และอีกรวงหนึ่งเอาไปฝังไว้ " ชาวนาได้ฟังก็เกิดความสงสัย จึงถามว่า

"ท่านเอารวงข้าวไปใช้หนี้ใคร เอาไปให้ใคร ? และเอาไปฝังไว้ที่ไหน? "

พญานกแขกเต้าจึงตอบว่า

" รวงที่หนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า คือเอาไปเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะท่านแก่แล้ว

และเป็นผู้มีพระคุณอย่างมาก ทั้งให้กำเนิดและเลี้ยงดูข้าพเจ้า

จนเติบใหญ่ นับว่าข้าพเจ้าเป็นหนี้ท่าน จึงสมควรเอาไปใช้หนี้ "

"รวงที่สองเอาไปให้เขา คือ เอาไปให้ลูกน้อยทั้งหลายที่ยังเล็กอยู่

ไม่สามารถหากินเองได้ เมื่อข้าพเจ้าเลี้ยงเขาในตอนนี้

ต่อไปยามข้าพเจ้าแก่เฒ่า เขาก็จะเลี้ยงตอบแทน จั ดเป็นการให้เขา "

" รวงที่สามเอาไปฝังไว้ คือ เอาไปทำบุญด้วยการให้ทานกับนกที่แก่ชรา

นกที่พิการหรือเจ็บป่วยไม่สามารถหากินได้ เท่ากับเอาไปฝังไว้

เพราะบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การทำบุญเป็นการฝังขุมทรัพย์ไว้ "

ชาวนาฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสว่า นกนี้เป็นนกกตัญญต่อพ่อแม่

เป็นนกมีความเมตตาต่อลูกน้อย และเป็นนกใจบุญ มีปัญญา รอบคอบ มองการณ์ไกล

พญานกได้อธิบายต่อไปว่า

"ข้าวสาลีที่ข้าพเจ้ากินเข้าไปนั้น ก็เปรียบเหมือนเอาทิ้งลงไปในเหว

ที่ไม่รู้จักเต็ม เพราะ ข้าพเจ้าต้องมากินทุกวัน วันนี้กินแล้ว

พรุ่งนี้ก็ต้องมา กินอีก กินเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จักเต็ม จะไม่กินก็ไม่ได้

เพราะถ้าท้องหิวก็เป็นทุกข์ "  ชาวนาฟังแล้วจึงกล่าวว่า

"พญานกผู้มีปัญญา ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่า ท่านเป็นนกที่โลภมาก

เพราะนกตัวอื่นเขาหากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่คาบอะไรไป

ส่วนท่านบินมาหากินแล้วก็ยังคาบรวงข้าวกลับไปอีก แต่พอฟังท่านแล้ว

จึงรู้ว่าท่านไม่ได้คาบไปเพราะความโลภแต่คาบไปเพราะความดี

คือเอาไปเลี้ยงพ่อแม่

เอาไปเลี้ยงลูกน้อย และเอาไปทำบุญ ท่านทำดีจริงๆ"

ชาวนามีจิตเลื่อมใสในคุณธรรมของพญานกมาก

จึงแก้เครื่องผูกออกจากเท้าพญานก ปล่อยให้เป็นอิสระ

แล้วมอบนาข้าวสาลีให้ พญานกรับนาข้าวสาลีไว้เพียงส่วนหนึ่ง

ซึ่งกะคะเนแล้วว่าเพียงพอแก่บริวาร จากนั้นจึงให้โอวาท แก่ชาวนาว่า

"ขอให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นสั่งสมกุศลด้วยการทำทานและเลี้ยงดู

พ่อแม่ผู้แก่เฒ่าด้วยเถิด " ชาวนาได้คติจากข้อปฏิบัติของพญานกจึงตั้งใจทำบุญกุศลตั้ง

แต่นั้นมาจนตลอดชีวิต นกแขกเต้า ผู้มีปัญญา

รู้ว่าควรบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างไร

จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อตนเ อง ต่อครอบครัว และต่อสังคม

นับเป็นการใช้ทรัพย์อย่างชาญฉลาด ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีความสุขความเจริญ

สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ สุขทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

เราทุกคนเมื่อรู้จักเก็บ รู้จักหาทรัพย์แล้ว

ก็ควรจะรู้จักหาความสุขจากการใช้ทรัพย์อย่างถูกต้องด้วย เพราะการแสวงหา?

หรือครอบครองทรัพย์สินที่มี ไม่อาจสร้างความสุขใจ

ไม่อาจทำให้เกิดบุญกุศลได้

เทียบเท่ากับการใช้ทรัพย์นั้นให้เกิดคุณค่าอย่างแท้จริงต่อชีวิต

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 22, 2004, 12:39:30 AM โดย buck_g19 » บันทึกการเข้า

Glock เพื่อนแท้ไม่มีวันตาย
buck_g19
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2004, 12:49:55 AM »

.....

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า

Glock เพื่อนแท้ไม่มีวันตาย
buck_g19
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2004, 12:56:29 AM »

.....

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า

Glock เพื่อนแท้ไม่มีวันตาย
buck_g19
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 648



« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2004, 12:59:42 AM »

.....

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า

Glock เพื่อนแท้ไม่มีวันตาย
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2004, 08:42:31 PM »

ห้าบทเรียนในการปฏิบัติต่อผู้อื่น
1. First Important Lesson - Cleaning Lady.
1. บทเรียนสำคัญบทแรก - คนทำความสะอาด
During my second month of college, our professor gave us a pop quiz. I was
เมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือน อาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง
a conscientious student and
ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน
had breezed through the questions, until I read the last one:
จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย จนมาถึงคำถามสุดท้าย
"What is the first name of the woman who cleans the school?"
"สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่าอะไร?"
Surely this was some kind of joke. I had seen the cleaning woman several
ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่ ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง
times. She was tall, dark-haired and in her 50s, but how would I know her
เธอเป็นคนตัวสูง ผมดำ และอายุกว่า 50 แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร?
name? I handed in my paper, leaving the last question blank. Just before
ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย
class ended, one student asked if the last question would count toward our quiz grade.
ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่
"Absolutely," said the professor. "In your careers, you will meet many people.
"แน่นอน" อาจารย์ตอบ "เมื่อเธอเข้าทำงาน เธอจะต้องพบกับคนมากมาย
All are significant.
ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอ
They deserve your attention and care, even if all you do is smile and say; " hello".
ที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่ แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม"
I've never forgotten that lesson. I also learned her name was Dorothy.
ฉันไม่เคยลืมบทเรียนนั้นเลย และได้รู้ว่าชื่อของสตรีคนนั้นคือ โดโรธี
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2004, 08:43:38 PM »

2. Second Important Lesson - Pick-up in the Rain
2. บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝน
One night, at 11:30 p.m., an older African American woman was standing on
คืนหนึ่ง เวลา 23:30 น. สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวง
the side of an Alabama highway trying to endure a lashing rainstorm. Her
สาย อลาบามา พยายามต้านฝนที่ตกหนักอยู่
car had broken down and she desperately needed a ride.
รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมาก
Soaking wet, she decided to flag down the next car. A young
แม้จะเปียกโชก เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา
white man stopped to help her, generally unheard of in those
ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง
conflict-filled 1960s. The man took her to safety, helped her get assistance and put her into a taxicab.
เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่ 60 ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้นรถแท๊กซี่
She seemed to be in a big hurry, but wrote down his address and thanked
แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขา และจดที่อยู่ของเขาไปด้วย
him. Seven days went by and a knock came on the man's door. To his
เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขา
surprise, a giant console
ด้วยความประหลาดใจ โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขา
color TV was delivered to hi s home. A special note was attached. It read:
และมีข้อความแนบมาด้วย ใจความว่า:
"Thank you so much for assisting me on the highway the other night.
"ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น
The rain drenched not only my clothes, but also my spirits. Then you came
ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย
along. Because of you, I was able to make it to my dying husband's bedside
แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต
just before he passed away. God bless you for helping me and unselfishly
ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ สำหรับการช่วยฉัน
serving others,"
และการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ"
Sincerely, Mrs. Nat King Cole.
ด้วยความจริงใจ นาง แนท คิง โคล
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2004, 08:46:00 PM »


3. Third Important Lesson - Always remember those who serve.
3. บทเรียนสำคัญที่สาม - ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ
In the days when an ice cream sundae cost much less, a 10
ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก
year-old boy entered a hotel coffee shop and sat at a table. A waitress put
เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ
a glass of water in front of him. "How much is an ice cream sundae?" he
เมื่อพนักงานเสริฟวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า "ไอศครีมซันเดราคาเท่าใหร่ครับ?"
asked. "Fifty cents," replied the waitress. The little boy pulled his hand
"ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสริฟสาวตอบ แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋า
out of his pocket and studied the coins in it.
แล้วก็นับเหรียญในมือ
"Well, how much is a plain dish of ice cream?" he inquired. By
"งั้น ไอศครีมเปล่าๆล่ะครับราคาเท่าใหร่?" เด็กชายถามอีก
now more people were waiting for a table and the waitress was growing impatient.
ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน
"Thirty-five cents," she brusquely replied. The little boy again counted his coins.
"สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง
"I'll have the plain ice cream," he said. The waitress brought
"ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอา
the ice cream, put the bill on the table and walked away. The boy finished
ไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป
the ice cream, paid the cashier and left. When the waitress came back, she
เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก จากไป เมื่อพนักงานเสริฟเดินกลับมา
began to cry as she wiped down the table.
เธอก็เริ่มร้องให้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะ
There, placed neatly beside the empty dish, were two nickels and five
บนโต๊ะนั้น มีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญและเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างจานเปล่านั้น
pennies. You see, he couldn't have the sundae, because he had to have enough left to leave her a tip.
เห็นไหมว่า เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสริฟสาวคนนั้น
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2004, 08:47:13 PM »

4.Fourth Important Lesson - The Obstacles in Our Path.
4. บทเรียนสำคัญที่สี่ - สิ่งที่กีดขวางทางของเรา
In ancient times, a King had a boulder placed on a roadway. Then he hid
ในยุคโบราณ มีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่
himself and watched to see i f anyone would remove the huge rock.
เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง
Some of the king's wealthiest merchants
เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา
and courtiers came by and simply walked around it.
ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป
Many loudly blamed the King for not keeping the roads clear, but none did
พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานา ที่พระองค์ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี
anything about getting the stone out of the way.
แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง
Then a peasant came along carrying a load of vegetables. Upon approaching
จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง
the boulder, the peasant laid down his burden and tried to move the stone
แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง
to the side of the road.
After much pushing and straining, he finally succeeded.
หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
After the peasant picked up his load of vegetables, he noticed
เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา เขาก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่
purse lying in the road where the boulder had been. The purse contained
many gold coins and a note from the King indicating that the gold was
ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา เขียนไว้ว่า ทองในถุงนั้น
for the person who removed the boulder from the roadway. The
เป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน
peasant learned what many of us never understand!
ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้
;Every obstacle presents an opportunity to improve o condition.
ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่ราจะดีขึ้น ให้กับเรา
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2004, 08:49:20 PM »

5. Fifth Important Lesson - Giving When it Counts.
5. บทเรียนสำคัญที่ห้า - ให้เมื่อมีค่า
Many years ago, when I worked as a volunteer at a hospital, I
หลายปีมาแล้ว เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
got to know a little girl named Liz who was suffering from a rare & serious
ฉันได้รู้จักกับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ลิซ ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็น
disease. Her only chance of recovery appeared to be a blood transfusion
โอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชายอายุห้าขวบของเธอ
from her 5-year-old brother, who had miraculously survived the same
ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่างปาฏิหารย์ จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา
disease and had developed the
antibodies needed to combat the illness. The doctor explained the situation
หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง และถามเด็กชายว่า เขาต้องการจะ
to her little brother, and asked the little boy if he would be willing to give his blood to his sister.
ให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่
I saw him hesitate for only a moment before taking a deep breath and
ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า
saying, "Yes I'll do it if it will save her." As the transfusion
"ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้"
progressed, he lay in bed next to his sister and smiled, as we all did,
เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้ม
seeing the color returning to her cheeks. Then his face grew pale and his smile faded.
ของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป
He looked up at the doctor an asked with a trembling voice,
เด็กชายมองไปที่หมอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ
"Will I start to die right away?".
"ผมกำลังจะตายใช่ไหม?"
Being young, the little boy had misunderstood the doctor; he
ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป
thought he was going to have to give his sister all of his blood in order to save her.
เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาให้แก่พี่สาวเพื่อช่วยชีวิตเธอ
 Smiley Smileyถ้าเป็นคุณจะเลือกคบใคร ระหว่างเด็กคนนี้กับเด็กชายตระกูลเหลิม???
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2004, 08:59:24 PM »

    The Bus : มองด้วยมุมมองที่ต่างจากของตัวเอง
มีคู่รักคู่หนึ่งนั่งรถเมล์ที่กำลังตรงไปในเมืองในหุบเขา
มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ลงกลางทาง
หลังจากที่พวกเขาได้ลงแล้ว รถเมล์ก็วิ่งต่อไป
แต่เพียงไม่นานก็มีหินก่อนขนาดมหึมาได้ตกลงมาจากที่สูงมากและทับรถเมล์คันนั้นพังยับเยิน
 
                            ทุกคนที่อยู่ในรถในเวลานั้นเสียชีวิตทั้งหมด
 
คู่รักคู่นั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็พูดขึ้นว่า “ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดีน่ะซิ!"
คนส่วนใหญ่น่าจะคิดว่า "ยังดีนะที่เราลงจากรถก่อน!" แต่คู่รักคู่นี้กลับพูดสิ่งที่ต่างจากคนส่วนใหญ่ คุณคิดว่าเพราะอะไร???
---------------------ตอบมาก่อนนะว่าคิดว่าไง เดี๋ยวจะเฉลยทีหลัง----------------------------------





บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 ... 64
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.124 วินาที กับ 21 คำสั่ง