เมื่อพูดถึงโรคมะเร็ง คงไม่มีใครอยากได้ยิน ไม่อยากพูดถึงมากนัก และที่แน่นอนไม่อยากเป็นโรคนี้ แต่เราคงหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมันได้ยาก เพราะในขณะนี้โรคมะเร็งจัดเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงเป็นอันดับต้นๆ ไม่ต่างไปจากการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และอุบัติเหตุ โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยในคนไทยทั้งหญิงและชาย ได้แก่ มะเร็งตับ และมะเร็งของท่อน้ำดี มะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนในเพศหญิงได้แก่ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม ในเพศชายพบมะเร็งของช่องปาก และลำคอ และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้มากพอสมควร โรคมะเร็งเกือบทุกชนิดรักษาได้ผลดีหากตรวจพบในระยะแรกเริ่ม แต่หากปล่อยจนโรคลุกลามมากขึ้น การรักษาก็จะซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้น และผลการรักษามีทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผลคละเคล้ากันไป และที่สำคัญคือการรักษาเหล่านี้มักจะมีราคาสูงมาก ซึ่งจะเป็นภาระที่สำคัญของประเทศ หากไม่มีการควบคุมโรคที่ดีกว่านี้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าหากเราป้องกันตัวเองตั้งแต่แรกมิให้เกิดโรคขึ้น ก็น่าจะเป็นการตั้งรับที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม การจะป้องกันโรคอะไรสักอย่าง เราคงจะต้องทราบสาเหตุของการเกิดโรคเสียก่อน จึงจะหาทางป้องกันได้ สำหรับโรคมะเร็งนั้นมีความหลากหลายมาก เพราะมีหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีสาเหตุแตกต่างกัน บางชนิดมีสาเหตุที่แน่ชัด บางชนิดไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน บางชนิดเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน จึงเป็นการยากที่จะป้องกันโรคมะเร็งทุกชนิดได้ ดังนั้น บทความนี้คงเป็นแค่แนวทางคร่าวๆ ในการปฏิบัติตัวให้ห่างจากการเกิดโรคมากที่สุดเท่านั้นเอง
มะเร็งเกิดจากอะไร
การเกิดโรคมะเร็งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและอาศัยระยะเวลานานพอควร กว่าที่เซลล์ปกติจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและทราบกลไกการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นดีพอควรแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเกิดจากมีการกลายพันธุ์ของยีนหรือสารพันธุกรรมที่ ควบคุมการทำงานของเซลล์ และทำให้เซลล์นั้นมีการเจริญเติบโตที่ผิดแผกจากเซลล์ปกติ แต่ที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้การป้องกันมะเร็งยังทำได้ไม่เต็มที่คือ เรายังไม่ทราบดีนักว่าปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นตัวกระตุ้น หรือก่อเซลล์เหล่านั้นมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น แต่เชื่อว่ามักจะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างร่วมกันในการก่อมะเร็งพบว่าปัจจัย หรือสาเหตุที่มีส่วนร่วมในการก่อมะเร็ง มีทั้งปัจจัยที่เราเปลี่ยนแปลงได้ และปัจจัยที่บางครั้งเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ดังนี้
1. ปัจจัยทางพันธุกรรมของบุคคลแต่ละคน มะเร็งส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมโดยตรง แต่เราก็พบว่าคุณสมบัติทางพันธุกรรมบางอย่างอาจจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของ เซลล์ให้เป็นมะเร็งได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าทำไมบางคนมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งแต่กลับไม่ เป็น ในขณะที่บางคนไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงเลยกลับเป็นได้ เป็นต้น ปัจจัยทางพันธุกรรมเหล่านี้จึงเป็นอะไรที่เราแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
2. ปัจจัยจากภายนอก ได้แก่ สารก่อมะเร็งต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม และในร่างกายเราเอง ซึ่งส่วนใหญ่ของการเกิดโรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากวิถีการดำเนินชีวิตและสิ่งแวด ล้อมนั่นเอง การได้รับปัจจัยเสี่ยงหลายๆ อย่างร่วมกัน ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมากขึ้น และเร็วขึ้น สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ได้แก่ บุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็งได้หลายตำแหน่งในร่างกายตั้งแต่ช่อง ปาก, หลอดอาหาร, กล่องเสียง, ปอด, ตับอ่อน, กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น การเคี้ยวหมากหรือยาสูบทำให้เกิดมะเร็งของช่องปากได้ง่าย งานบางอย่างที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี เช่น เบนซิน หรือคนงานในเหมืองต่างๆ ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดหรือมะเร็งปอดได้หากไม่ป้องกันตน เอง การติดเชื้อหลายชนิดเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้ ที่สำคัญมากในบ้านเราคือ เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี และชนิดซี (ซึ่งพบได้น้อยกว่า) อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งตับได้เนื่องจากทำให้เกิดภาวะตับแข็ง ขึ้น ซึ่งไวรัสชนิดบีนั้นเราสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ให้กับเด็กแรกเกิดหรือคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้นกันได้ และพบว่าการทำเช่นนี้สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งตับได้ชัดเจน พยาธิใบไม้ในตับเป็นเชื้อปาราสิตที่ทำให้เกิดมะเร็งของระบบท่อน้ำดี ซึ่งรักษาได้ยากมาก เชื้อนี้มาจากการรับประทานปลาน้ำจืดที่ไม่สุก เช่น ก้อยปลา ซึ่งก็ป้องกันได้หากประชาชนยอมเปลี่ยนพฤติกรรมการกินดังกล่าว เชื้อโรคอื่นๆ ที่อาจก่อมะเร็งได้ ได้แก่ เชื้อไวรัสอีบีวี ทำให้เกิดมะเร็งหลังโพรงจมูก และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งเม็ดโลหิตขาวบางชนิดได้ แต่เรายังไม่มีวิธีป้องกันไวรัสตัวนี้ เชื้อไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุของโรคหูดที่อวัยวะเพศสามารถส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังมีการศึกษาการใช้วัคซีนป้องกันเชื้อนี้อยู่ แต่วิธีที่เราสามารถป้องกันเชื้อนี้ได้ก็โดยการไม่มีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ ซึ่งเสียงต่อการติดเชื้อนี้สูงขึ้น เชื้อเอชไอวี ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหลายชนิดทีเดียว เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งหลอดเลือดบางชนิด มะเร็งทวารหนัก เป็นต้น
อาหารเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ เนื้อสัตว์ที่ผ่านการปิ้งย่างจนเกรียม มีสารมีส่งเสริมการเกิดมะเร็งของกระเพาะอาหารได้ อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อราอัลฟาท็อกซิน เช่น ในถั่วลิสงบด ก่อให้เกิดมะเร็งตับ สุราถึงแม้อาจจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่หากร่วมกับการสูบบุหรี่จัดแล้ว จะเพิ่มโอกาสที่จะเกิดมะเร็งจากบุหรี่ได้มากขึ้น อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือแสงแดด การตากแดดจัดๆ เป็นระยะเวลานานจะเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนัง ทั้งชนิดเมลาโนมา และไม่ใช่เมลาโนมา จึงไม่ควรละเลยที่จะปกป้องตัวเอง และ/หรือทายากันแดดเป็นประจำเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่น่าจะเป็นไปได้ว่าส่งเสริมการก่อมะเร็งโดยเป็น การคาดเดาจากสิ่งที่เกิดในหลอดทดลอง หรือในสัตว์ทดลองซึ่งได้รับสารในระดับที่สูงกว่าในชีวิตประจำวัน แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น ยาฆ่าแมลง คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ เป็นต้น
กล่าวโดยสรุป มะเร็งเกิดจากสาเหตุหรือปัจจัยหลายๆ อย่างร่วมกัน ดังนั้น หากสามารถหลีกเลี่ยงหรือละเว้นสิ่งเหล่านี้ได้ก็ควรทำ นอกจากนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็มีความสำคัญได้แก่ การออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ มีผักผลไม้เป็นส่วนประกอบสำคัญให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าห้ามรับประทานเนื้อสัตว์เลย เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ ที่ชัดเจนที่บ่งชี้ว่าเนื้อสัตว์หรือโปรตีนจากสัตว์ทำให้เกิดมะเร็ง แน่นอนถึงแม้ท่านจะทำทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ ดังนั้น กลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งที่ควรทำควบคู่กันไป คือการตรวจร่างกาย และ/หรือตรวจพิเศษเพิ่มเติมตามความเหมาะสมกับเพศและวัยเพื่อคัดกรองหามะเร็ง ระยะแรกเริ่ม ซึ่งสามารถให้การรักษาได้ผลดี และมีโอกาสหายขาดได้ มะเร็งที่มีวิธีตรวจคัดกรองที่ได้ผลดี ได้แก่ มะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับ ส่วนมะเร็งผิวหนังและมะเร็งในช่องปากสามารถตรวจพบได้จากการตรวจร่างกายอย่าง ละเอียดได้ โปรดปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลท่าน เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับการตรวจเหล่านี้
เราจะป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งได้อย่างไรบ้าง
1. หยุดสูบบุหรี่, เหล้า, หมาก, ยาเส้น ฯลฯ หากดื่มเหล้า ไม่ควรเกิน 1-2 แก้ว/วัน
2. หลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกที่ก่อมะเร็ง (ดูในบทความ)
3. ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี หากยังไม่มีภูมิคุ้มกันหากท่านไม่แน่ใจ แพทย์สามารถตรวจว่าท่านมีภูมิคุ้มกันแล้วหรือไม่
4. ไม่สำส่อนทางเพศ ไม่ใช้ยาเสพติดที่ฉีดเข้าเส้น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และซี และไวรัสเอชพีวี
5. ปกป้องตัวเองจากแสงแดดจัด ด้วยการใส่เสื้อผ้าปกปิด และทายากันแดด
6. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไหม้เกรียม อาหารดิบๆ สุกๆ และเมล็ดพืชเก่าเก็บที่อาจจะมีการปนเปื้อนเชื้อราได้
7. ควบคุมน้ำหนัก
8. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
9. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารจากพืชมากขึ้นทั้งผักและผลไม้ เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสีให้มากขึ้น ลดปริมาณอาหารที่ไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์
10. ตรวจร่างกายโดยแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และทำการตรวจพิเศษเพื่อหามะเร็งระยะแรกเริ่มตามความเหมาะสม
ฉะนั้นอยากให้ พี่ๆ ชาว อวป ทุกท่านตระหนักถึง เรื่องนี้ ด้วย ครับ
อยากให้ ทุกคนดูแล สุขภาพ ตัวเองด้วย ครับ
อ้างอิง จาก
http://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=633