เนื่องจากมีพี่ท่านหนึ่งสอบถามขั้นตอนการนำเข้าปืนอัดลมมาทางPM ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆท่าน จึงขอตอบผ่านทางหน้าเว็บแล้วกันนะครับ
ขั้นตอนการนำเข้าอาวุธปืนโดยบุคคลธรรมดาในส่วนของกรมศุลกากร
1. ขอป.2 จากกรมการปกครอง จะได้รับป.2 มา 2 ท่อนและหนังสือนำส่งใบป.2 จากกรมการปกครองถึงกรมศุลกากร
(หนังสือต้องเรียน อธิบดีกรมศุลกากรเท่านั้น)2.นำส่งใบป.2ให้แก่ศุลกากร โดยไปที่ ฝ่ายสารบรรณ ส่วนเลขานุการกรม กรมศุลกากรคลองเตย(02-667-7595)
เจ้าหน้าที่จะลงรับเอกสาร ขั้นตอนนี้ต้องบอกเจ้าหน้าที่ที่รับเอกสารให้ชัดเจนว่า จะนำเข้าอาวุธปืนทางด่านใด
เพราะเจ้าหน้าที่จะแทงหนังสือส่งไปยังด่านที่จะนำเข้าและมอบเอกสารตัวจริงให้ผู้นำเข้าถือไป(ในกรณีที่ผู้นำเข้าต้องการ)
ด่านต่างๆที่นำเข้าเช่น สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(กรณีฝากคนหิ้วเข้ามา), สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยาน
สุวรรณภูมิ
(กรณีใช้บริการ DHL, TNT,FedEx ฯลฯ),สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ด่านไปรษณีย์
(กรณีใช้บริการไปรษณีย์ไทย) ฯลฯ ถ้าแจ้งด่านนำเข้าผิดจะเสียเวลาในการแก้เอกสาร
3. นำในป.2 และหนังสือนำส่งไปทำใบอนุญาตขึ้นบกที่ด่านศุลกากรที่ต้องการนำอาวุธปืนเข้า เจ้าหน้าที่จะสลักหลังใบป.2 ทั้งสองท่อนว่า
สำนักงานศุลกากร(หรือด่านศุลกากร).................................ใบอนุญาตขนขึ้นบกที่................................ อนุญาตให้ขนขึ้นบกได้ภายในเวลาที่กำหนด แล้วเก็บป.2 ท่อน 2 และหนังสือนำส่งไว้ แล้วคืนป.2 ท่อน 3 ให้ท่านไปรับอาวุธปืน
4. ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรในระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ดาวโหลดแบบฟอร์มและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องได้ที่
http://www.customs.go.th/Declaration/DeclarationResult.jsp?Docidt=A00898&tlechk=1 ใช้แบบลงทะเบียนผู้ผ่านพิธีการ(บุคคลธรรมดา)นะครับ
ลงทะเบียนผู้ผ่านพิธีการศุลกากร ลงที่ด่านไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้สะดวกก็เตรียมเอกสารไปลงทะเบียนวันที่ไปทำใบอนุญาตขึ้นบกเลย
5. สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ถ้าจะให้ถูกต้องตามระเบียบต้องลงเลขที่ใบอนุญาตในใบราคาสินค้า(invoice)ด้วย ที่สำคัญชื่อที่อยู่ผู้รับของตาม invoice
ต้องตรงกับในใบป.2 และที่ลงทะเบียนไว้กับกรมศุลกากร
6. เมื่อสินค้ามาถึง นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าเช่น ใบอนุญาตนำเข้า, invoice ฯลฯ ไปจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าในระบบศุลกากร
อิเล็กทรอนิกส์(e-Import) กับ Service Counter (เป็นบริษัทเอกชน) ตามด่านที่จะนำของเข้า เดินถามคนแถวๆนั้นก็ได้ครับว่ามี Service Counter หรือ
เปล่า การจัดทำใบขนสินค้าขาเข้านี้ผู้นำเข้าไม่สามารถทำได้ตัวเองเพราะต้องส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงต้องจ้าง Service Counter เป็นผู้ส่งให้แทน
ค่าบริการจะอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาทต่อหนึ่งใบขน รายละเอียดในใบขนสินค้าที่ต้องตรวจสอบให้ละเอียด คือชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้าต้องตรงกับใน
invoice, เลขที่ของ invoice ต้องถูกต้อง, พิกัดศุลกากรของสินค้า เช่นปืนพกสั้นคือ 9302.00.00 ปืนลูกซองคือ 9302.20.90 ปืนยาวคือ 9303.30.90
ปืนอัดลมคือ 9304.00.10(ความดันน้อยกว่า 7 Kgf/cm²) และ 9304.00.90 (ความดันมากกว่า 7 Kgf/cm²) ทั้งหมดอัตราอากร 30 %
อยากทราบพิกัดอื่นๆเขาไปดูได้ที่
http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp;jsessionid=201A986117D893F6AF98BE85AC5B002C และที่สำคัญราคาที่ปรากฎใน invoice ยังไม่ใช่ราคาที่ใช้กับศุลกากร ต้องบวกค่าขนส่งและค่าประกันภัยเข้าไปด้วยถึงจะเป็นราคาศุลกากร
ถ้าหากไม่ทราบก็ให้ใช้ค่าขนส่งเท่ากับ 10 %และค่าประกันภัยเท่ากับ 1 %ของราคาใน invoice
ตัวอย่างเช่น ราคาของตามinvoiceคือ 100 บาท ราคาศุลกากรคือ 100+(100*11%) = 111 บาท
7. นำใบขนสินค้าขาเข้าที่ได้จาก Service Counter ไปพบเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามด่านที่นำเข้า
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบของกับใบขนสินค้าและเอกสารที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีปัญหาก็จะสั่งปล่อยของให้ท่าน ส่วนใบป.2 เจ้าหน้าที่จะเก็บไว้
8. นำอาวุธปืน, ใบขนสินค้าและใบเสร็จค่าภาษีไปทำใบป.4 กับกรมการปกครองภายใน 10 วันหลังจากรับปืนจากศุลกากร
อย่าข้ามขั้นตอนนะครับ มิฉะนั้นจะปวดหัวเหมือนที่พี่จะเด็ดเจอมา และอย่าลืมทำสำเนาเอกสารสำคัญเก็บไว้ด้วยนะครับ
มีข้อสงสัยขั้นตอนไหนสอบถามมาได้ครับ
นี่เป็นขั้นตอนคร่าวๆ อาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไปตามแต่ละด่านบ้าง แต่ถ้าหากพี่ๆปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นโดยไม่ข้ามขั้นตอน
เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้โดยสะดวก หากเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนใดยังดึงเรื่องไว้โดยที่พี่ๆไม่ผิด ให้ขอพบหน.ฝ่าย หรือผอ.ส่วนที่รับผิดชอบ
อย่ากลัวเสียเวลา ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับปืนใหม่ครับ