อ่านดูแล้วเหมือนกับว่านายพงทั้งสองไม่รู้จักว่าปืนแก๊ปเป็นอย่างไร
นายพงศ์เทพกล่าวว่า เมื่อปลายปี 2546 รัฐบาลแจ้งเตือนให้ชาวบ้านที่มีปืนแก๊ปเถื่อนในนำมามอบให้ทางราชการ มีชาวบ้านนำมาส่งมอบ 90,000 กระบอก ในขณะนี้ก็ยังมีการลักลอบใช้ปืนแก๊ปเถื่อนก่อเหตุกันมากขึ้น จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือและฟังความเห็นและหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ส่วนจะนำปืนแก๊ปมาขึ้นทะเบียนถูกต้องนั้นคงไม่ได้
ด้านนายพงษ์ภัฎกล่าวว่า นายพงศ์เทพสั่งให้ศึกษาผลดีและผลเสีย ระหว่างแก้ไขกฎหมายเพื่อจดทะเบียนอนุญาตให้ประชาชนครอบครองปืนแก๊ป กับการคงสภาพของกฎหมายเดิม คือห้ามผู้ใดมีปืนแก๊ปไว้ในครอบครองอย่างเด็ดขาด หากให้จดทะเบียนปืนแก๊ปอาจมีราคาสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล
ปัจจุบัน ปืนที่ถูกกฏหมายเขาก็ครอบครองกันอยู่แล้ว (จะแก๊ปหรือไม่แก๊ปก็ตาม) ปืนดี มียี่ห้อ มีมาตรฐาน ใคร ๆ ก็อยากได้ แต่ไม่สามารถมีได้เพราะ
1. กฏหมายให้ แต่นายทะเบียนไม่ให้
2. ราคาแพง เพราะมีโควต้า
3. ร้านค้าสั่งแต่ปืนขายดี ราคาสูง ปืนชาวบ้าน ราคาถูก ๆ ได้กำไรน้อย
4. ปืนนำเข้าเสียภาษีแพง
ดังนั้นชาวบ้านที่จำเป็นต้องใช้ก็เลยทำใช้เอง (เปรียบเหมือนเด็กช่างกลกลัวคู่อริตามยิง เลยต้องหาปืนไว้อุ่นใจ แต่ตัวเองขอทะเบียนไม่ได้ เลยกลึงปืนปากกาใช้เองสบายไป)
วิทยาการปืนแก๊ป ใช้เทคโนโลยีของ 1,000 ปีที่แล้วทำตามไม่ยาก
จะแก้ปัญหาผมเสนอทิ้งไว้ เผื่อนายพงทั้งสองมาอ่านเจอ (เฉพาะกรณีปืนแก๊ป)
1. นิยามปืนแก๊ป - ให้ชัดเจน จะได้ออกกฏพิเศษได้สะดวก เช่นปืนแก๊ปคือ ปืนที่ยิงทีละนัด กระสุนและดินปืนแยกจากกันก่อนบรรจุเข้าปืน ไม่มีซองกระสุน เป็นต้น
2. นิรโทษกรรมปืนแก๊ปเถื่อน - ให้ความรู้แก่ชาวบ้านว่ามันผิด ให้เอามาให้ราชการเสีย แล้วหาเงินไปซื้อของดีมีทะเบียนซะ
3. ลดภาษีปืนแก๊ป - ถ้าชาวบ้านต้องใช้ก็ลดภาษีหน่อย อย่ามองเป็นของฟุ่มเฟือย
4. ยกเลิกโควต้า - เฉพาะปืนแก๊ป (ตามที่นิยามแล้ว) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการค้าขาย
*ถ้า*ชาวบ้านชอบใช้จริง มันก็จะได้ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่หันกลับไปหาของเถื่อนอีก
เสนอไว้เผื่อลอยไปติดหน้าต่างที่ ยธ. บ้าง
