ขอตอบเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนะครับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๖ ผู้ใดยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง
หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตามกรณีที่ยกตัวอย่างมามีคนร้ายจะบุกเข้ามาในบ้านแล้วใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้าเพื่อป้องปรามคนร้าย ตามกฎหมายถือว่ามีเหตุอันสมควร
ย่อมไม่มีความผิดครับ
เห็นด้วยกับความเห็นของคุณอรชุน-รักในหลวง และหมอรุต ครับที่ว่าอย่าให้ใครรู้ว่าเรามีอาวุธปืนเพราะจะเป็นเป้าให้ถูกลอบทำร้ายได้
ง่าย นั่นก็คืออย่าไปโอ้อวดให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีอาวุธปืนนั่นเอง และการปิดไฟในบ้านจะทำให้อีกฝ่ายไม่ทราบความเคลื่อนไหวของเรา
ในขณะที่เราถ้ามองออกไปจากที่มืดย่อมจะเห็นความเคลื่อนไหวของคนร้ายได้ง่ายกว่า แล้วก็อาศัยช่วงเวลานี้โทรศัพท์หาตำรวจ เพราะ
คนร้ายย่อมคิดย้อนกลับมาว่าการที่เราปิดไฟภายในบ้านย่อมหมายถึงว่าเรารู้ตัวแล้ว ซึ่งหากคิดย้อนกลับมาถ้าเราเป็นคนร้ายแต่ไม่เห็น
ความเคลื่อนไหวภายในตัวบ้านย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาแน่นอนเพราะอาจเจอสวนเอาง่าย ๆ ช่วงนี้คนร้ายต้องคิดตัดสินใจแล้วว่าจะบุก
หรือไม่บุก แถมเราได้เปรียบในเรื่องเงื่อนเวลาที่สามารถถ่วงเวลาให้นานออกไปได้เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คนร้ายไม่สามารถรอนาน
ออกไปได้ ผมเข้าถูกไหมครับคุณหมอ

แต่ท้ายที่สุดถ้าคนร้ายยังฝืนบุกเข้ามาก่อนที่ตำรวจจะมาถึงถ้าจำเป็นต้องยิงก็ต้องยิงครับ ถ้าจำเป็นต้องยิงขู่ก็ยิงลงปืนบริเวณที่
เป็น Soft Target นะครับเพื่อป้องกันหัวกระสุนแฉลบ การยิงขึ้นฟ้าอาจทำให้หัวกระสุนตกมาโดนผู้อื่นได้รับบาดเจ็บได้
ส่วนตัวผมนะครับ ( ขอย้ำว่าส่วนตัว ) การยิงขู่ก็สามารถใช้ได้ในกรณีที่เราประเมินแล้วว่าคนร้ายไม่น่าจะมีอาวุธปืน หรือเราอยู่ใน
สถานการณ์ที่ได้เปรียบกว่าเช่นคนร้ายอยู่ในที่โล่งมีแสงสว่าง ส่วนเราอยู่ในที่มืดมีที่กำลัง หากคนร้ายมีปืนแล้วคิดต่อสู้เราสามารถควบ
คุมสถานการณ์ได้โดยง่าย อย่าลืมนะครับเราไม่ใช่โจรจี้ปล้นที่ใช้ปืนเถื่อนก่อเหตุแล้วพร้อมจะหลบหนีในทันที ซึ่งถ้าท่านยิงแล้วต้องรับ
ผิดชอบกับผลทางกฎหมายที่ตามมาอีกมากมาย ท้ายที่สุดอาจจะหลุดคดีแต่ก็เหนื่อยแน่นอน แต่ถ้าเลือกยิงขู่แล้วคนร้ายหลบหนีไปก็น่า
จะดีกว่าต้องมานั่งสู้คดีเป็นปีแถมลุ้นกับผลคดีที่จะออกมาอีกต่างหาก การชักแล้วต้องยิงใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้น แต่ที่ห้ามเด็ดขาดคือ
การชักอาวุธปืนออกมาในลักษณะข่มขู่ผู้อื่น
ส่วนตัวผมก็เคยมีประสบการณ์การใช้ปืนซึ่งวันนั้นผมประเมินแล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีอาวุธปืนแน่นอน แถมเป็นเหตุเฉพาะหน้าจะโทร
เรียกตำรวจก็ไม่ทัน เลยจำเป็นต้องยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการป้องปรามคนร้ายไม่ให้กระทำการต่อไป ซึ่งก็ได้ผลคนร้ายหยุดการกระทำนั้น
ทันที ส่วนที่เลือกยิงขึ้นฟ้าเพราะบริเวณนั้นรอบด้านเป็นบ้านคนแถมหน้าบ้านเป็นพื้นคอนกรีต ถ้ายิงลงพื้นโอกาสจะแฉลบไปโดนผู้
อื่นมีสูงมาก ลองคิดดูสิครับถ้าผมถือคติชักแล้วต้องยิงป่านนี้คงยังนั่งสู้คดีอยู่เลยครับ ท้ายที่สุดกว่าตำรวจจะมาเกือบครึ่งชั่วโมง ทั้งที่
อยู่ห่างจากโรงพักไม่ถึง ๓ กิโลเมตร ( แต่สุดท้ายผมก็ให้คนย่องไปทุบมันโทษฐานล้วงคองูเขียว

) ทุกวันนี้ยังย้อนมานั่งคิดถ้าวันนั้น
ไม่มีปืนเหตุการณ์คงเลวร้ายกว่านี้ แถมได้อ่านสำนวนคดีหลาย ๆ เรื่องทำให้ได้เห็นว่าคดีนี้ผู้เสียหายไม่ตายเพราะมีปืน ส่วนคดีนี้ตาย
เพราะไม่มีปืน แถมผมเคยไปรับราชการที่ปัตตานีมาก่อน ทุกวันนี้เลยไม่ยอมให้ปืนอยู่เกินระยะมือเอื้อมถึงครับ ใครจะว่าผมประสาทผมก็
ไม่ว่ากะไร ได้แต่ยิ้มในใจว่า เหอ เหอ เอ็งยังไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก เพราะโจรมันไม่ได้บอกล่วงหน้าหนิครับเวลาจะมาตีหัวเราเมื่อไหร่