http://www.oknation.net/blog/print.php?id=16121รักแท้จากหนุ่มไทย- เบญจมินทร์อเมริคา ตะคือตังเหง่ ชายีนาคือรี รันพันถึงพุน หามุนยิงเพอ
เอลำเมคำ ปากำปา ลายลาย โยคุนนี้หุนดา ลาย ลาย โยคุนนีหุนดา
โอ่เพอริซินมุนโซเข่โล ยังพุนนี่ขื่อนีวอ แต่เพียงยังพาลาโพเมียนโด่
โดรุมโทผ่ารำเม ก๊ำปาก๊ำปากำปากำป้า ก๊ำปาก๊ำปากำปากำป้า
อา...เยคันคึง ชายีนาเคอรี
โอ้ความรักเอย ใครเลยหรือจะรู้สิ้น อยู่แดนดินหรือถิ่นสวรรค์
ก็ยังมีรักเคียง รักกันเพียงชีวัน ถึงพรากจากกันก็ยังคงรัก
รักละลายจากไปดังสายธารา ยังกลับมา หวนทวนชวนชูชิดเชย
หากพรากจากกันโดยความผูกพัน สัมพันธ์สวาทขาดเลย
แต่ความซาบซึ้งถึงรักมันหนัก มินานต้องกลับดังเคย
รักเออรักเอยเคยชื่นฉ่ำ รักหวานล้ำคำพรรณนา
โอ รักอยู่แห่งไหน ไกลแสนไกลรักกันดังฉันกับเธอ
โอ้อารีดัง ความหวังฝังใจฉันอยู่ เธอคงรู้รักอยู่เสมอ
โอ้เป็นบุญหรือไร ฉันจึงได้พบเธอ
บุญหรือกรรมนะเออ โอ้อารีดัง
ลา ขอลา จากไกลยังรักไม่จาง ดังหนึ่งนางชิดทางเพียงคู่พนอ
หากบุญช่วยพาเราไปให้พบ ฉันคงไม่หลบรีรอ
จะไปคู่เคียงหรือเพียงได้ยลโฉมเจ้าเป็นพอ
รักกันหนอ รักเราจะขอมั่น รักกันนั้น ชาติไหนใครหรือห้าม
หวง รักคือบ่วงผูกใจ โลกนี้จะสดใสหากได้รักกัน
ครูเบญจมินทร์ ผู้ที่ถูกขนานนามว่า ราชาเพลงรำวง
ทำไม " เบญจมินทร์ " จึงได้รับขนานนามว่า "ราชาเพลงรำวง" เมื่อ 60 ปีที่แล้ว คือตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 เพลงของครูเบญจมินทร์ ส่วนมากเป็นเพลงจังหวะรำวงแทบทั้งสิ้นเช่นเพลง "เมขลาล่อแก้ว" "รำวงแจกหมวก" " แมมโบ้จัมโบ้ " " อึกทึก " "มะโนราห์ 1-2 " " สาลิกาน้อย " "รำวงฮาวาย"" รำเต้ย" "อายจัง" และอีกมากมาย โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์ ระหว่าง พ.ศ.2490-2495 แต่งเพลงอะไรออกมาก็จะได้รับความนิยม ส่วนมากเพลงจะสอดแทรกด้วยอารมณ์ขัน อย่างเช่น เพลง "ไปเสียได้ก็ดี" ซึ่งบันทึกเสียงเมื่อปี 2495
ประวัติ
ชื่อที่ใช้ในวงการ เบญจมินทร์
ชื่อจริง ตุ้มทอง โชคชนะ
เกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ศ.2464 ที่จังหวัดอุบลราชธานี
จบการศึกษาที่ โรงเรียน เบญจมหาราช จ.อุบลราชธานี
ครูเบญจมินทร์ชอบการร้องเพลงมาตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ เนื่องจากต้องติดตามคุณแม่ไปเข้าโบสถ์ โรมันคาธอลิค และร้องเพลงตามคุณแม่อยู่เสมอ แต่มาสนใจ การร้องการแต่งเพลงอย่างเอาจริงเอาจริงจังเมื่อเรียนชั้นมัธยม ครูเบญจมินทร์ จากบ้านเกิดจังหวัดอุบลราชธานี เข้ามากรุงเทพฯเมื่อปี พ.ศ.2480 ร้องเพลงแรกในชีวิต ชือเพลง "ชายฝั่งโขง" ประพันธ์โดย "จำรัส รวยนิรันดร์ " ครูเบญจมินทร์แต่งเพลง "เย็นเย็น" แต่งโดยใช้บรรยากาศภายในวัดนรนาถ ที่พักในสมัยนั้น ประมาณปีพ.ศ.2491-2492 บริษัทแผ่นเสียงดังๆต่าง ขอให้ครูเบญจมินทร์ แต่งและร้องเพลงให้หลายบริษัทด้วยกัน ร่วมถึงบริษัทอัศวินแผ่นเสียงและการละคร ของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์ เจ้าภาณุพันธ์ยุคล รับสั่งให้ อธึก อรรถจินดา และพูนสวัสดิ์ ธีมากร นำครู เบญจมินทร์เข้าเฝ้า รับสั่งให้ช่วยแต่เพลงให้ เป็นความ
ปลาบปลื้มของครูเบญจมินทร์เป็นอย่างมาก
ปีพ.ศ.2499 เดินทางไปราชการที่ประเทศเกาหลี6 เดือนในช่วงนั้นก็แต่งเพลงหลายเพลงด้วยกันอาทิ เสียงครวญจากเกาหลี ร้องโดย สมศรี ม่วงศรเขียว เพลง รักแท้จากหนุ่มไทย ครูร้องเอง
ปี 2499-2500 สอนศิษย์คนแรก ซึ่งเสมือนแขนขวา ขึ้นประดับวงการ คือ ทูล ทองใจ
ปี 2505 สอนศิษย์อีกคนหนึ่ง ซึ่งเปรียบเสมือนแขนซ้าย ได้แก่ กุศล กมลสิงห์
เคยมีเรื่องขุ่นมัวในหัวใจกับ"สุรพล สมบัติเจริญ"เล็กน้อย จึงแต่งเพลง "อย่าเถียงกันเลย" มีเนื้อ
หาทำนองที่ว่า "สุรพล" ลอกเลียนเสียงตน "สุรพล"ได้ยินก็แต่งเพลงร้องโต้ตอบทันทีทันใดในเพลง "สิบนิ้วขอขมา" เนื้อหาของเพลงเพื่อต้องการระบายความในใจกับครู"เบญจมินทร์" โดยตรงแต่ต่อมาเข้าใจกันดี
หลังปี พ.ศ. 2510 เปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์และเขียนหนังสือ แต่ด้วยเป็นคนดื่ม
จัด บันปลายชีวิตจึงเป็นอัมพฤกษ์ วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2537 ครูล้มป่วย และเสีย
ชีวิตเวลาประมาณ 03.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก ลูกทุ่ง ดอทคอม
เบญจมินทร์ โต้กับ สุรพล สมบัติเจริญ