สนามแรก
ขณะที่ผมเตรียมยิงในช่อง (รอสัญญาณอ่อด) อีกช่องห่างกัน 4 ช่อง มีท่านหนึ่งอายุสัก 40 รอเหมือนผม พอเสียงอ่อดดัง แกยิงดัง ปัง ปัง แชะ ปัง แชะ ผมเลยยังไม่ยิง แกงงกับปืนของแกย้ำว่างง แล้วพลิกปืนขึ้นมาดูโดยหันลำกล้องมาทางผม ด้วยสังเกตดูแกอยู่แล้วผมจึงเอาเสาบังไว้ แกพลิกไปพลิกมาแล้วส่ายหน้าไม่พอใจกับปืน แต่ก็ไม่ยอมปลดโม่เทกระสุนออก จนผมบอกแกดีๆว่าพี่ปลดโม่เอาลูกปืนออกก่อนครับ อันตราย ได้ผลหันมามองผมแบบไม่พอใจ แล้วเดินถือปืนออกไปที่โต๊ะ จนท.แบบนั้น(ไม่ปลด) ผมเลยไม่ยิง ไอ้นี่ดูมันเครียดๆ ผมตั้งถ้าเตรียมพร้อมไว้ ก่อน สัก 2 นาที แกก็กลับเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่และเริ่มยิงใหม่ ก็คล้ายแบบเดิมอีก ลั่นบ้างไม่ลั่นบ้าง ผมก็ไม่พอใจแต่เก็บอาการ แต่ก็บอกกับ จนท. พี่ปลดโม่เทลูกออกด้วยครับโดยไม่มองหน้าตัวต้นเหตุ เขาหันมาจ้องผม ทีนี้ ผมจ้องกลับแบบเย็นชาหน้าเฉย เขาหลบตาไปแล้วบ่นอะไรกับ จนท.ไม่ทราบ (ปืนเขาลูกโม่ลำกล้องสั้น) แล้วเก็บของเดินไปล้างปืนแบบไม่พอใจปืน แต่มาใส่อารมณ์ กับคนอื่น ผมก็เลยยิง .357 158 เกรน ไป 1 ชุด และนั่งรอเขาล้างเสร็จ ผมเลยถามเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่าซื้อปืนมายังไม่ได้โอนเอามาลองแต่เจ้าของไม่ได้มาด้วย(โอนลอยมา) เจ้าหน้าที่แก้ไขให้ไม่ได้ในการลั่นบ้างไม่ลั่นบ้าง ให้เขากลับไปคุยกับเจ้าของปืน (เขายิงดับเบิ้ล) ผมกลับมาล้างปืนเองที่บ้าน เกือบจะด่าเขาแล้วถ้าไม่หลบตาผมก่อน/ทั้งสนามมีผมกับแก+จนท.
สนามที่สอง
ผมไปยิงปืนลูกซอง ยิงเสร็จค้างสไลด์เดินมาให้ จนท.สนาม ล้าง ขณะล้างอยู่ เจ้าผมยาวอายุไม่เกิน 35 ปี ที่นั่งโม้อยู่กับเพื่อน ที่ยิง 9 มม. ตัวเขาเองก็ยิง 9 มม. เดินถือปืนมาหา จนท.บอกว่ายิงหมดทำไมสไล้ด์ไม่ค้าง โดย แม๊กกาซีน ยังเสียบคาอยู่ ปลายลำกล้องห่างจากหน้าผมไม่ถึง 2 ฟุต ผมเอามือแตะออกไปเบาๆ บอกเขาเดินมาโทงๆอย่างนี้ทำไมไม่ปลดแม๊กแล้วค้างสไลด์มา เขาขอโทษผม ผมยิ้มและไม่ได้พูดอะไร จนท.เลยดุลูกน้องที่ไม่ไปคอยดูอยู่หลังพวกมือใหม่ โดนด่าทั้ง 4 คน ผมเลยประกอบปืนลูกซองเอง เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
จากทั้ง 2 สนาม ท่านเห็นอะไรบ้างครับ สำหรับผม ความตายหรือบาดเจ็บพิกลพิการ มันอยู่รอบตัวเรา ประมาทเลินเล่อหูตาไม่ไวตัดสินใจช้ากล้าๆกลัวๆมัวเพลิน เขินการยิง สวิงปืนไปทั่ว / นอกจากเราต้องระวังตนเองและผู้อื่น ต้องคอยสังเกตุพฤติกรรม ของเพื่อนร่วมสนามยิงปืนด้วย ระวังไว้ไม่ถึงขั้นระแวง

น่าเห็นใจครับ......แต่ว่า ทำใจ แล้วผมขอต่อยอดด้วยคน
คนเราในประเทศแห่งนี้ มีพื้นฐานทางอาวุธปืน ที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก บางท่าน เป็นนักเรียนรบหลักที่โน่น เป็นนักเรียน พีพีซี ที่นี่ ต่างสถาบันกันไป ทั้งราชการ หรือเอกชนก็ตามแต่ บางท่านหนักเข้าไปใหญ่ ผ่านหลักสูตรระบบทำนองอะไร ชั้นสูง ขั้นท๊อป อะไรเข้าไปอีก
แน่นอน พื้นฐานหลักแห่งความปลอดภัยในการใช้ปืนนั้น อย่าว่าแต่รู้เลย ต้องถึงขั้นเข้าในกระแสโลหิตเลยก็ว่าได้ ..................
แต่ว่า .......คนเล่นปืนบางกลุ่ม รักและชอบปืนพอๆกับผู้ที่ผ่านหลักสูตรดังกล่าวข้างต้น แต่พวกเขา ไม่เคยเข้าเรียน ไม่เคยมีความรู้ ไม่เคยเข้าใจหลักแห่งการเห็นแก่บุคคลอื่น เห็นแต่หลักของตัวเอง ก็คือว่า ....ทำไมล่ะ ก็ผมระวังอยู่แล้ว ผมเอานิ้วเข้าโกร่งไก ปากกระบอกชี้ไปมา ก็จริง แต่ผมไม่เหนี่ยวหรอกน่า ทำเป็นกลัวเกินกว่าเหตุไปได้ โด่เอ๊ย....เนี่ยะแหละครับ เหตุผลของพวกเขา เขามั่นใจว่าเขาไม่เหนี่ยวแน่นอน เรานั่นแหละ ขี้ปอดเกินไป ในความคิดของพวกเขา .......
เอาละ .......... แม้จะมีพื้นฐานทางอาวุธแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม แต่ประเทศแห่งนี้ สนามยิงปืนค่อนข้างน้อย ดังนั้น คนมีพื้นฐานต่างกัน แต่ต้องถูกบังคับให้มาใช้สถานที่เดียวกันในการยิงปืน เหตุการณ์มันจึงเป็นอย่างทีท่านว่าไว้นั่นแหละครับ
ก็บางสนาม เขาจึงต้องเข้มงวดกันเรื่องระเบียบวินัยกันแบบสุดๆ ก็พาลไปบ่นสนามว่าเรื่องมากกันอยู่เนืองๆ เช่น นึกคันมือ มันส์มือ อยากยิงอย่างอื่นที่ไม่ใช่เป้ากระดาษบ้าง ก็แอบเอาไปวางไว้ เช่น กระป๋องน้ำอัดลมที่ดื่มแล้ว กล่องกระสุนเปล่า ก็เห็นแอบทำกันอยู่บ่อยๆ .......
ดังนั้น เมื่อสถานการณ์บังคับให้ต้องใช้สนามร่วมกัน ในขณะที่พื้นฐานไม่เท่ากัน ก็ตัวใครตัวมัน แล้วกันนะครับ
มีบางท่านเคยเสนอว่า ควรจะมีการสอบใบอนุญาตใช้อาวุธปืน ให้เหมือนสอบใบขับขี่รถยนต์เสียหน่อยเป็นไง อย่างน้อย เวลาถอยเข้าซอง แล้วทับเส้นขาว จะได้สอบแล้วสอบอีก จนกว่าจะผ่าน หรือจะติ๊บแล้วผ่านหรืออย่างไร ..... ต่อไป ใบอนุญาตสอบการใช้อาวุธปืน ก็อาจจะเหมือนใบขับขี่แบบไม่ค่อยภูมิใจก็ได้นะครับ เพราะขี้เกี่ยจไปสอบให้เสียเวลา ......บ้านเราก็อย่างนี้แหละครับ