ผมว่าจีนไม่ใช้ภัยคุกคามทางการรบของไทยครับ แต่เป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจของไทย เพราะวัตถุดิบ ค่าแรง ฯลฯ..............เสียดายอยู่อย่างถ้าจีนผลิตของมีคุณภาพได้มากกว่านี้ เราอาจได้ใช้ปืนของประเทศจีน กระสุนประเทศจีน ประจำกองทัพก็ได้ครับ

ถ้ามีสงครามใหญ่ ยังไง ๆ ผมก็ยังกลัวจีนอยู่ดีครับ ดูจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้ ญี่ปุ่นยึดเอเชียได้ครึ่งซีก เยอรมันก็ตีได้ยุโรปทั้งหมด มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเพราะญี่ปุ่นมีทรัพยากรในประเทศน้อยจึงต้องทำแบบนั้น ก็จริงอยู่ แต่ไทย มาเลย์ สิงคโปร์ ก็เป็นจุดยุทศาสตร์สำคัญนะ..ผมว่า ยังไง ๆ จีนคงไม่ปล่อยให้เรือรบสหรัฐได้แล่นฉุยฉายยู่ในทะเลจีนใต้เป็นแน่ ก่อนญี่ปุ่นจะโจมตีเพิร์ลฯ พลเรือเอกยามาโมโต้ เองเคยตั้งข้อสังเกตุว่า "ถ้าญี่ปุ่นรบกับเมกา จะมีทีพยากรพอใช้แค่ ๖ เดือนเท่านั้น"
ยามาโมโต้ เคยเรียนที่ฮาร์วาร์ด และเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือประจำ ดีซี สองสมัย รู้จักคนเมกัน และศักยภาพของเมกาที่เป็นอยู่ และที่ซ่อนอยู่ดี
แต่ถ้ามองจากมุมอนุรักษณ์นิยมของญี่ปุ่นกระเหี้ยนกระหือรืออื่นๆ ในขณะนั้น
๑. ฮาวายยังไม่มีสถานะรัฐเมกัน เป็นเขตคุ้มครอง
๒. ญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพ กองกำลังรบอย่างเดียว ไม่โจมตีเมืองและพลเรือน ซึ่งตามจิตวิทยาของญี่ปุ่นที่ได้เข้าโจมตีเมืองและฆ่าพลเมืองต่างชาติตายไม่ไม่รู้เท่าไหร่แล้วในจีน ถือว่าเป็นการทะเลาะมากกว่าการรุกราน
๓. ญี่ปุ่นถือว่ามีเหตุบีบคั้งพอควรเพราะเมกาต่อต้านการรุกรานจีนจนไม่ขายน้ำมัน เหล็กให้
๔. ครั้งก่อนหน้านี้ที่ญี่ปุ่นโจมตีกองกำลังรบของมหาอำนาจตะวันตกคือสงคราม รัสเซีย-ญี่ปุ่น ปี ๑๙๐๔-๑๙๐๕ รบทั้งทางบกและทางทะเล ญี่ปุ่นได้ผลดีมาก รัสเซียยอมแพ้ ลงนามในสนธิสัญญาสงบศึก บอมเสียดินแดนบางส่วน ยอมรับว่าจีนบางส่วนและเกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของญี่ปุ่น นำไปสู่การเข้ายึดเกาหลี และจีนส่วนอื่นๆ
๕. ญี่ปุ่นได้ไปเป็นพันธมิตรอักษะกับเยอรมัน และอิตาลีแล้ว สัญญาข้อหนึ่งมีว่า ประเทศภาคีจะสนับสนุนทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารต่อประเทศภาคีที่ถูกโจมตีทางทหาร (ไม่รวมการรบที่มีอยู่แล้วในยุโรป และจีน - ตอนนั้นปี ๑๙๔๐ เยอรมันรบในยุโรปแล้ว) ญุ่ปุ่นคิดว่าเป็น นน. ที่เมกาต้องชั่งถ้าจะรบกับญี่ปุ่นจริงๆ
คราวนี้ญี่ปุ่นก็เลยจะโจมตี เพิร์ล ฮาเบอร์ ให้เมกันยอมถอนลดเขตอิทธิพลในแปซิฟิกเหมือนกัน แต่ญี่ปุ่นวิเคราะห์สถานการณ์และความเป็นไปในโลกผิด....