ผมได้เห็น ตัวหนังสือ เรื่องนี้มาแล้วครับ
ในหนังสือ เขียนว่าดังรูป
พอจะสรุปใจความสำคัญได้ว่า บุคคลที่มีความจำเป็นขออาวุธปืน ขนาด .45 ผู้ขอต้องเป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ หรือ ข้าราชการที่มีหน้าที่ปราบปราม หรือ อยู่ในพื้นที่ กันดาร และต้องมีหนังสือรับรอง ( ในหนังสือเขียนไว้ชัดเจน แล้วครับ ไม่ต้องตีความอะไรเลย )
แต่ มันไม่ได้จบแค่นี้ เพราะคนที่ขอ เป็น ทหาร ตำรวจ ไม่เข้าใจเนื้อหาในหนังสือฉบับนี้
กรณีตัวอย่าง ทหาร จ.ส.อ. ก ปฏิบัติงานด้านปราบปรามผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ 3 จชต. แบบนี้ขอได้แน่นอนครับ
จ.ส.ต. ข ปฏิบัติงานด้านธุรการ งานหนังสือ อยู่ที่ กทม. แบบนี้ ขอไม่ได้ครับ ( ไม่เข้าข่าย ตามหนังสือ ข้อ 6 ข. ครับ )
นาย ก รับราชการกระทรวงมหาดไทย สังกัด จ.ปัตตานี ปฏิบัติงานด้านความมั่นคง อยู่ในพื้นที่ แบบนี้ขอได้ครับ
ลักษณะเดียวกัน แบบตำรวจนะครับ ไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมบางครั้ง บางคน ถึงขอ ไม่ได้
ข้าราชการหน่วยงานอื่น ทหาร และ ตำรวจ บางคนขอไม่ได้เนื่องจาก ไม่ได้ปฏิบัติงานด้านปราบปราม หรือ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ขนาดนี้
( ไม่พูกถึงพลเรือนนะครับ เพราะคงขอได้ยากมากๆ เพราะถ้าขอได้ คนที่ออกให้ท่านได้ อาจจะเข้าข่ายกระทำความผิดได้นะครับ )
ความรู้ผมมีแค่นี้ ถูกผิด ผมดูจากนังสือ ฉบับนี้ นะครับ ( แต่ ผมขอไปแล้ว .45 ได้ปกตินะครับ เข้าข่าย ข้อ 6 ข )

แต่ถ้าอยากได้จริงๆ ให้ ผบ.หน่วยงานท่านออกหนังสือ รับรองให้ น่าจะได้นะครับ
ถ้าว่ากันเฉพาะตามตัวบทกฎหมายไม่มีบทบัญญัติห้ามไม่ให้ตำรวจชั้นประทวน ( รวมทั้งประชาชนทั่วไปด้วย ) ขออนุญาต
อาวุธปืนขนาด .๔๕ ได้ เพียงแต่ในอดีตมีหนังสือเวียนภายในของกระทรวงมหาดไทยกำหนดแนวทางการใช้ดุลพินิจนายทะเบียน
ในการออกใบอนุญาตอาวุธปืนขนาด .๔๕ ไว้ข้างต้น ซึ่งเมื่อพิจารณาจาก พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ แล้ว ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องดังกล่าว
ซึ่ง พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มีฐานะเป็นพระราชบัญญัติ ส่วนหนังสือเวียนดังกล่าวไม่มีผลบังคับในทางกฎหมายเลย ทั้งยังไม่ได้ออกมา
โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ด้วย ดังนั้นจะนำเอาหนังสือเวียนดังกล่าวมาใช้บังคับเหนือพระราชบัญญัติไม่ได้ ซึ่งใน
ยุคปัจจุบันที่มีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้นมาหากนายทะเบียนคนใดไม่อนุญาตโดยอ้างหนังสือเวียนดังกล่าวมีสิทธิถูกฟ้องศาลปกครอง
ได้ง่าย ๆ เพราะเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไม่ได้บัญญัติเหตุดังกล่าวไว้เป็นเหตุแห่งการปฏิเสธ
ครั้นจะอนุญาตง่าย ๆ ก็กลายเป็นว่าขัดกับหนังสือเวียนดังกล่าวซึ่งอาจมีความผิดทางวินัยอีก ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคาย
ไม่ออกสำหรับนายทะเบียนเหมือนกัน