เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 09, 2025, 03:39:29 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนถามว่า ทำไม ราคาปืน และกระสุนบ้านเราถึงได้แพงจัง  (อ่าน 9552 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #15 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 07:49:21 AM »

อ้างถึง
คำตอบเดียวที่ฝังอยู่ในหัวผมคือ เพราะนักการเมืองมันแย่ครับ มันเลยทำให้ปืนแพง 

ผมว่านี่เป็นความเชื่อมากกว่าความจริงครับ คนไทยถูกสอนให้เชื่ออย่างนี้ เรื่องปืนนี่ ผมว่านักการเมืองเกี่ยวน้อยมาก
การออกกฎหมายปืน ทำกันตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการทหารยุคจอมพลถนอม ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ไม่ใช้ประชาชนมีปืน เพราะอาจเป็นกบถต่ออำนาจรัฐหรืออะไรไม่ทราบ ต้องจำกัด ก็เลยออกกฎหมายออกมาควบคุม ใครอยากมีปืนต้องขออนุญาติจากข้าราชการ

ที่นี่ การมีอำนาจอนุญาติ เป็นบ่อเกิดของการคอรับชั่น

ที่จริงประเทศไทยมีปืนอยู่ในเมืองไทยกว่า 4-5 ล้านกระบอก แนวคิดที่ว่าไม่ให้ประชาชนมีปืน เพราะอันตรายจึงไม่จริง เพราะมีปืนอยู่แล้วกว่าห้าล้านกระบอก หากเขาจะกบถจริงๆ ก็ทำไปนานแล้ว

หากอันตราย ก็ต้องไม่ให้มีเลย แต่เมื่อยอมให้มีแล้ว ทำไมต้อง ให้อำนาจ "ขออนุญาติ" จำกัดจำนวน ซึ่งก็จำกัดไม่ได้เพราะมีสิบล้านกว่ากระบอกในประเทศไปแล้ว

ที่จริงหากคิดเป็นหลักวิชาการ ก็ควรใช้วิธีการเดียวกับรถยนต์ คือ ทางรัฐบาลแค่ จดทะเบียนเท่านั้น เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นของใคร แต่การซื้อ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตินายทะเบียน แต่ซื้อแล้วต้องจดทะเบียนเหมือนรถยนต์เป็นต้น

คือระบบคิดของคนไทยมันไม่ตรงไปตรงมา อะไร ๆ ก็โทษนักการเมือง แต่จริงๆ เมื่อวิเคราะห์จริงๆ แล้วไม่ใช่

ปืินแพง ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นเรื่อง "โควต้า" และคนที่อนุญาติอนุมัติ คือ ข้าราชการประจำ

ของอะไรที่มีโควต้า หมายถึงมีจำนวนจำกัด แต่คนอยากได้มีเยอะ มันก็ต้องแพง
หากควบคุมราคาขาย เขาก็ขายกันในตลาดมืด เพราะราคาจะแพงกว่า หรือขายใบจองอะไรอื่นๆ เป็นต้น

ปืนแพงไม่ได้มีใครเลว แต่เป็นเพราะระบบมันเลว
บันทึกการเข้า
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 07:58:03 AM »

สมมุติง่ายๆ ร้านค้าืปืนแห่งหนึ่งมีต้นทุน ค่าใบอนุญาติ 1 ล้านบาท ค่าเงินเดือนค่าใช้จ่าย เดือนละแสน ปีหนึ่งก็ 1.2 ล้าน

รวมแล้วร้านนี้มี ต้นทุนคงที่ 2.2 ล้าน/ปี ที่ต้องเอาไปรวมกับราคาปืน

ราคาปืนต่อกระบอก =ต้นทุนคงที่ (2.2 ล้าน) + ต้นทุนแแปรผัน (ราคานำเข้าปืนต่อกระบอกรวมภาษีและค่าขนส่งแล้ว) หารด้วยจำนวนปืนที่ขายได้ทั้งปี



สมมุติร้านปืนร้านนี้ได้รับโควต้าจำกัดแค่ 100 กระบอก เอา 2.2 ล้านหารด้วย 100 ต้นทุนคงที่ของปืนแต่ละกระบอกจะเท่ากับ 22,000 บาท
ต้นทุนแปรผันกระบอกละ 70,000 บาท เขาต้องขายปืนอย่างต่ำกระบอกระ 92,000 บาท ถึงจะคุ้มทุน

หากเขาไม่มีโควต้า ปีหนึ่งขายได้ 1,000 กระบอก ต้นทุนคงที่ จะเหลือเพียง 2,200 บาท ต่อกระบอกเท่านั้น ปืนก็จะเหลือราคาต้นทุน  72,000 บาท เท่านั้น

อึนนี้ผมสมมุติเรื่องตัวเลขนะครับ

ดังนั้น ทำไมปืนแพง ผมไม่คิดว่าจะเกินเหตุผลที่ผมอธิบายนี้หรอกครับ


ที่ราคาปืนในตลาด 180,000 บาท ผมเชือว่ามี "ต้นทุนคงที่" ที่เราไม่รู้อีก แต่ก็ต้องบวกกำไรจากการผูกขาดเข้าไปด้วย

เพราะมีโควต้าจำกัด คนอยากได้เยอะ ร้านค้าไม่ต้องแข่งขัน ตั้งราคาสูงอย่างไรคนก็ซื้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2010, 08:00:43 AM โดย Thai Super » บันทึกการเข้า
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 08:03:15 AM »

ราคาืปืนที่ควรจะเป็นในประเทศไทยคือ "ราคาปืนสวัสดิการ" นั่นแหละครับ

นั่นคือ ราคาที่คิดว่าคงบวกกำไรและค่าดำเนินการเ้ข้าไปแล้ว

(ไม่ทราบว่าเสียภาษีหรือเปล่า แต่คิดว่ากรมศุลกากรคงไม่ยกเว้น เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจยกเว้นภาษีให้)

ปืนสวัสดิการไม่มีต้นทุนคงที่ มีแต่ต้นทุนแปรผัน
บันทึกการเข้า
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 09:20:24 AM »

อ้างถึง
คำตอบเดียวที่ฝังอยู่ในหัวผมคือ เพราะนักการเมืองมันแย่ครับ มันเลยทำให้ปืนแพง 

ผมว่านี่เป็นความเชื่อมากกว่าความจริงครับ คนไทยถูกสอนให้เชื่ออย่างนี้ เรื่องปืนนี่ ผมว่านักการเมืองเกี่ยวน้อยมาก



ขอแย้งความเห็นนี้ครับ... ผมว่าเกี่ยวมากถึงมากที่สุดครับ... ไม่ใช่เพราะนักการเมืองนี่เหรอ... ที่ทำให้เกิดโควต้า สั้น ๓๐ ยาว ๕๐ ขึ้น... ไหนจะค่าซื้อลมอีกหลักล้าน... ฯลฯ


สมมุติง่ายๆ ร้านค้าืปืนแห่งหนึ่งมีต้นทุน ค่าใบอนุญาติ 1 ล้านบาท ค่าเงินเดือนค่าใช้จ่าย เดือนละแสน ปีหนึ่งก็ 1.2 ล้าน

รวมแล้วร้านนี้มี ต้นทุนคงที่ 2.2 ล้าน/ปี ที่ต้องเอาไปรวมกับราคาปืน

ราคาปืนต่อกระบอก =ต้นทุนคงที่ (2.2 ล้าน) + ต้นทุนแแปรผัน (ราคานำเข้าปืนต่อกระบอกรวมภาษีและค่าขนส่งแล้ว) หารด้วยจำนวนปืนที่ขายได้ทั้งปี



สมมุติร้านปืนร้านนี้ได้รับโควต้าจำกัดแค่ 100 กระบอก เอา 2.2 ล้านหารด้วย 100 ต้นทุนคงที่ของปืนแต่ละกระบอกจะเท่ากับ 22,000 บาท
ต้นทุนแปรผันกระบอกละ 70,000 บาท เขาต้องขายปืนอย่างต่ำกระบอกระ 92,000 บาท ถึงจะคุ้มทุน

หากเขาไม่มีโควต้า ปีหนึ่งขายได้ 1,000 กระบอก ต้นทุนคงที่ จะเหลือเพียง 2,200 บาท ต่อกระบอกเท่านั้น ปืนก็จะเหลือราคาต้นทุน  72,000 บาท เท่านั้น

อึนนี้ผมสมมุติเรื่องตัวเลขนะครับ

ดังนั้น ทำไมปืนแพง ผมไม่คิดว่าจะเกินเหตุผลที่ผมอธิบายนี้หรอกครับ


ที่ราคาปืนในตลาด 180,000 บาท ผมเชือว่ามี "ต้นทุนคงที่" ที่เราไม่รู้อีก แต่ก็ต้องบวกกำไรจากการผูกขาดเข้าไปด้วย

เพราะมีโควต้าจำกัด คนอยากได้เยอะ ร้านค้าไม่ต้องแข่งขัน ตั้งราคาสูงอย่างไรคนก็ซื้อ

เรื่องตัวเลขที่สมมุติมา คลาดเคลื่อนเยอะครับ... ลองคิดที่โควต้าตามจริง... ที่ ๑ ใบอนุญาตคือ สั้น ๓๐ ยาว ๕๐ กระบอกต่อปี... ลองคิดดูว่าหากใครที่เป็นเจ้าของร้านปืน... เขาจะบวกกำไรเท่าไหร่... เพื่อให้ได้จุดคุ้มทุน...

...ร้านที่ขายปืนแพงๆ แบบร้านทั่วๆไป... ผมว่ากำไรเข้าร้านไม่เท่ากับที่จ่ายให้ผู้มีอำนาจไปหรอกครับ... ยกเว้นร้านในบัญชีดำที่ขายปืนเกรดเอ... ที่น่าจะได้กำไรมากกว่าที่จ่ายไป...

...วิธีแก้ให้ปืนลดราคา... ง่ายนิดเดียว... แค่ปลดล๊อคระบบโควต้า... ให้นำเข้าได้เสรี... รับรองว่าราคาขายปืนในบ้านเราจะพอๆ กับอเมริกาครับ... แต่... ใครเขาจะทุบหม้อข้าวตนเอง...

ไหว้

บันทึกการเข้า
ekkapols
Jr. Member
**

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 36


« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 09:38:29 AM »

เหมือนอ่านเจอใน อวป เก่าๆ ระบบโควต้าเริ่มครั้งแรก สมัย รสช ทำรัฐประหารครับ หลังจากนั้นมีแต่เข้มงวดขึ้น น่าจะเพราะนโยบายกลัวเป็นภัยต่อความมั่นคง คิดว่าผู้ปกครองบ้านเมืองทุกยุคสมัยล้วนไม่ไว้ใจประชาชนที่ตัวเองปกครอง
บันทึกการเข้า
ลุมพินี08
Hero Member
*****

คะแนน 167
ออฟไลน์

กระทู้: 1438


« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 10:53:14 AM »

เลือกตั้งสมัยหน้าพรรคใหนก็ได้ช่วยเขียนเป็นนโยบายไปเลยว่านำเข้าและผลิตได้โดยเสรีแต่การพิจารณาให้ใครมีใช้เป็นอีกเรื่อง ผมเชียร์พรรคนั้นครับ
บันทึกการเข้า
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 11:48:54 AM »

คุณ jungle ครับ กฎหมายปืนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยรัฐประหาร คนที่มีอำนาจออกกฎหมายแบบนั้นคือ "ข้าราชการทหาร" ที่มาดำรงตำแหน่งทางการเมืองครับ

พื้นฐานการควบคุมมาจากระบบราชการ ไม่ใช่แนวคิดที่มาจากนักการเมือง

บันทึกการเข้า
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #22 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 11:52:10 AM »

คุณ jungle ครับ กฎหมายปืนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยรัฐประหาร คนที่มีอำนาจออกกฎหมายแบบนั้นคือ "ข้าราชการทหาร" ที่มาดำรงตำแหน่งทางการเมืองครับ

พื้นฐานการควบคุมมาจากระบบราชการ ไม่ใช่แนวคิดที่มาจากนักการเมือง



แล้วเมื่อรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารหมดวาระไป... ทำไมนักการเมืองไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ล่ะครับ... ทั้งๆ ที่มีอำนาจ... ไหว้

บันทึกการเข้า
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #23 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 12:10:08 PM »

อ้างถึง
แล้วเมื่อรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารหมดวาระไป... ทำไมนักการเมืองไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ล่ะครับ... ทั้งๆ ที่มีอำนาจ...

ลองเลือกพรรคที่หาเสียงว่าจะเปิดให้นำเข้าอาวุธปืนเสรีซิครับ

นักการเมืองคนเดียวคงแก้กฎหมายไม่ได้ มันต้องเป็นนโยบายระดับชาติ
คุณคิดว่าลองมีใครเสนอ "ให้มีการนำเข้าอาวุธปืนเสรี" ซิครับ จะได้คะแนนเสียงชนะเลือกตั้งหรือเปล่า

บางทีนักการเมือง เขาก็ไม่ได้คิดปัญหานี้นะครับ มันต้องมาจ่าก "ประชาชนเรียกร้องขึ้นมาก่อน" จึงจะมีใครเห็นความสำคัญ

ผมว่าเมืองไทย แนวคิดเรื่องนำเข้าอาวุธปืนอย่างเสรี อาจได้คะแนนจาก คนชอบปืน แต่คนที่ไม่ชอบปืนอาจต่อต้าน
สุดท้ายก็ออกกฎหมายไม่ได้

เหมือนเรื่อง "การเปิดบ่อนคาสิโนในไทย" ที่สู้กันมาหลายสิบปีแล้ว ความเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย สุดท้ายนักการเมือง ก็ต้องตามเสียงส่วนใหญ่

แต่แนวคิดที่ "ด่านักการเมืองไว้ก่อน" โดยไม่คิดถึงระบบ โครงสร้างมันเป็นยังไง ผมว่า สังคมเราสุกเอาเผากินมากเกินไป

บันทึกการเข้า
eak19573
Full Member
***

คะแนน 5
ออฟไลน์

กระทู้: 119



« ตอบ #24 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 12:16:21 PM »

คือ  ผมว่าราคาปืนสวัสดิการ  ก็ยังแพงกว่าราคาจริง ตั้งเท่าตัว  ก็เลยอยากทราบว่าภาษีนำเข้า  อยู่ที่เท่าไหร่    แล้วอย่าง  กระสุน  ขนาดเก้า  ยี่ห้อ  วินลูกจริง  ราคาในเวบต่างประเทศ  ๑๙  เหรียญ      มีร้านนึงขาย  กล่องละ  ๒๐๐๐   แล้วอีกร้านนึงขาย  ๓๒๐๐   บาททำไมถึงได้ขาย   ต่างกันมากมายขนาดนั้น   เห็นที่ไม่แตกต่างเท่าไหร่  ก็  .๒๒  ราคาเวบต่างประเทศ  ๓  เหรียญ  บ้านเราก็  ๑๕๐    อะไรคือตัวแปรผันด้านราคา   นำเข้าเหมือนกัน  แต่ทำไมส่วนต่าง  ต่างกันมากมายครับ
บันทึกการเข้า
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 12:36:18 PM »

อ้างถึง
ใส่การอ้างถึงคำพูด
คือ  ผมว่าราคาปืนสวัสดิการ  ก็ยังแพงกว่าราคาจริง ตั้งเท่าตัว  ก็เลยอยากทราบว่าภาษีนำเข้า  อยู่ที่เท่าไหร่    แล้วอย่าง  กระสุน  ขนาดเก้า  ยี่ห้อ  วินลูกจริง  ราคาในเวบต่างประเทศ  ๑๙  เหรียญ      มีร้านนึงขาย  กล่องละ  ๒๐๐๐   แล้วอีกร้านนึงขาย  ๓๒๐๐   บาททำไมถึงได้ขาย   ต่างกันมากมายขนาดนั้น   เห็นที่ไม่แตกต่างเท่าไหร่  ก็  .๒๒  ราคาเวบต่างประเทศ  ๓  เหรียญ  บ้านเราก็  ๑๕๐    อะไรคือตัวแปรผันด้านราคา   นำเข้าเหมือนกัน  แต่ทำไมส่วนต่าง  ต่างกันมากมายครับ

เป็นเรื่องดีมานด์ซัพพลายที่อธิบายมาก่อนหน้านี้ไงครับ เพราะมีระบบโควต้า

ส่วนภาษีก็ 40% ครับ

บันทึกการเข้า
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1203
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2010, 12:54:02 PM »

อ้างถึง
แล้วเมื่อรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารหมดวาระไป... ทำไมนักการเมืองไม่แก้ไขสิ่งเหล่านี้ล่ะครับ... ทั้งๆ ที่มีอำนาจ...

ลองเลือกพรรคที่หาเสียงว่าจะเปิดให้นำเข้าอาวุธปืนเสรีซิครับ

นักการเมืองคนเดียวคงแก้กฎหมายไม่ได้ มันต้องเป็นนโยบายระดับชาติ
คุณคิดว่าลองมีใครเสนอ "ให้มีการนำเข้าอาวุธปืนเสรี" ซิครับ จะได้คะแนนเสียงชนะเลือกตั้งหรือเปล่า

บางทีนักการเมือง เขาก็ไม่ได้คิดปัญหานี้นะครับ มันต้องมาจ่าก "ประชาชนเรียกร้องขึ้นมาก่อน" จึงจะมีใครเห็นความสำคัญ

ผมว่าเมืองไทย แนวคิดเรื่องนำเข้าอาวุธปืนอย่างเสรี อาจได้คะแนนจาก คนชอบปืน แต่คนที่ไม่ชอบปืนอาจต่อต้าน
สุดท้ายก็ออกกฎหมายไม่ได้

เหมือนเรื่อง "การเปิดบ่อนคาสิโนในไทย" ที่สู้กันมาหลายสิบปีแล้ว ความเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย สุดท้ายนักการเมือง ก็ต้องตามเสียงส่วนใหญ่

แต่แนวคิดที่ "ด่านักการเมืองไว้ก่อน" โดยไม่คิดถึงระบบ โครงสร้างมันเป็นยังไง ผมว่า สังคมเราสุกเอาเผากินมากเกินไป



ผมไม่ได้ด่านักการเมือง... แต่ผมมองความจริง... ความจริงที่ว่า... ผู้มีอำนาจทั้งหลาย... ซึ่งรวมถึงนักการเมืองด้วย... ล้วนมองแต่ "ผลประโยชน์" ที่จะตกแก่ตนเองและพรรคพวกเหนือสิ่งอื่นใด...

บันทึกการเข้า
pai hipower
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #27 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2010, 12:49:33 AM »

แหมๆๆๆ  ผมไม่น่าเปิดประเด็นเรื่อง "เพราะนักการเมืองมันแย่" เลยมีความเห็นแตกต่างกันมากมายในหลายกระทู้ แต่ทำให้ได้เห็นมุมมองและเหตุผลที่ยกกันมาต่างๆ  "แต่ " ความเห็นผมก็ยังคงคิดจุดเดิม  นักการเมืองบางคนมีปืน เป็นร้อยๆ กระบอก  แล้วท่านได้มาอย่างไร  ใครเป็นคนอนุญาต  ทีชาวบ้านตาดำๆ จะมีสักกระบอกไว้ใช้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ยังขออย่างยากลำบาก  แต่นักการเมืองมันจะขอยังงัยก็ได้  ไม่ต้องนักการเมืองระดับชาติหรอก ระดับท้องถิ่นมันยังขอกันอุตลุดเลย นายก อบต.บางคน มีเป็นสิบๆกระบอกเลย แล้วกฎหมายไม่ห้ามบ้างล่ะ  ทุกวันนี้ผมยังไม่เชื่อเลยว่านักการเมืองบางคนได้ปืนมาโดยวิธีการที่ถูกกฎหมาย โดยซื้อผ่านร้านหรือตัวแทนจำหน่าย  ผมว่านะบางท่านอาจหิ้วเข้ามาเองก็ได้  หรือโมเมซื้อรวมไปกับกองทัพก็ได้ ใครจะไปขอตรวจสอบ ทำไมไม่แก้โควต้าบ้าบอ ที่จำกัดจำนวนนำเข้าปืนบ้าง ประชาชนทั่วไปจะได้ซื้อในราคาถูกลง  ข้อความของผมอาจจะไม่ถูกใจใครหลายๆคนก็อย่าว่ากันนะครับ  เชื่อไหมว่า ร้านซ่อมปืนที่มีอยู่ในบ้านเรา ใบอนุญาตราคาเท่าไหร่ สนามยิงปืนใบอนุญาตราคาเท่าไหร่  และไม่มีการออกใบอนุญาตให้กับช่างซ่อมรายใหม่เลยนะ  ถ้าหากไม่เชื่อไปถามร้านซ่อมปืนดูก็ได้ และที่สำคัญนักการเมืองบางท่านมีปืนมากกว่าชาวบ้านทั้งอำเภอรวมกันอีก  ถ้าท่านเหล่านั้นมีปืนมากมายเยอะแยะ  แล้วกระสุนปืนละ มันจะมีจำนวนเท่าไหร่  ไม่ผิดกฎหมายเรื่องการครอบครองกระสุนเหรอ  วอนท่านผู้เชี่ยวชาญและช่ำชองในวงการอาวุธช่วยให้ความรู้ด้วยนะ มันคาใจนะ   ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่เปิดอ่านข้อความนี้  ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
Thai Super
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 49


« ตอบ #28 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2010, 06:29:21 AM »

อ้างถึง
มันจะมีจำนวนเท่าไหร่  ไม่ผิดกฎหมายเรื่องการครอบครองกระสุนเหรอ  วอนท่านผู้เชี่ยวชาญและช่ำชองในวงการอาวุธช่วยให้ความรู้ด้วยนะ มันคาใจนะ   ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่เปิดอ่านข้อความนี้  ขอบคุณครับ

ใน พรบ.อาวุธปืน ไม่ได้กำหนดไว้ว่าใครจะครอบครองกระสุนได้เท่าไหร่ครับ หรือครอบครอง "ปืนได้กี่กระบอก" ครับ

ขอให้มีใบอนุญาติเท่านั้นครับ จาก "นายทะเบียนอาวุธปืน"

เรื่องจำนวนปืนที่ครอบครองนี่ผมว่า ใครรวย ชอบปืน เขาก็สามารถซื้อได้มากทุกคน เพราะคนรวยย่อมมีเส้นสายที่ดีมากกว่าคนจน อำนาจซื้อก็มีมากกว่า จะเป็นนักการเมืองหรือไม่ก็ได้ครับ

บันทึกการเข้า
• WALKING TALL •
• Don't try to understand everything in life. Because something doesn't happen, let us understand. •
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 25
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 348


สยป.ตร.#80,#18 SPD#16, PPD#2


« ตอบ #29 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2010, 11:42:14 AM »

พี่ๆ ทั้งหลายครับ รัฐธรรมนูญฉบับหลังๆ มานี่ เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อกันให้ตามจำนวนที่กฏหมายกำหนดไว้ เมื่อ รธน. ให้สิทธิอันชอบธรรมนี้แก่ประชาชน

ผมมองว่า ชาวอาวุธปืนเราเองมีจำนวนไม่น้อยทีเดียวครับ เป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะหาทางเสนอกฏหมายจากภาคประชาชน เพื่อแก้ไขข้อกฏหมายเดิม หรืออาจยื่นร่างกฏหมายใหม่ ให้เป็นไปตามแนวทางที่ประชาชนอย่างเราต้องการ ร่วมถึงประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศด้วย

รธน. ปี 50 ผมนั่งดูข้อกฏหมายกับพี่ตำรวจอยู่หน้าร้าน ระบุว่า ฉบับนี้แก้ไขจำนวนผู้เข้าชื่อจาก 50,000 คน เหลือเพียง 10,000 คน (อันนี้ต้องปรึกษาพี่ๆ ที่เป็นนักกฏหมายในบอร์ดอีกครั้งนะครับ)

กฏหมายรัฐธรรมนูญ เปิดช่องทางให้กับประชาชนอย่างเราครับ แต่จุดเริ่มต้น คงต้องมีคนกลุ่มหนึ่งที่มีความเห็นพ้องต้องกัน ผมว่า พี่น้องสมาชิกในเว็บบอร์ดนี้ก็สามัคคี หนาแน่น กลมเกลียวกันพอสมควรนะครับ เป็นไปได้ไหม ที่จะพูดคุยกัน แล้วหารือกันเพื่อดำเนินการต่อไป ถ้าเราไม่กล้าเดินหน้า หรือไม่เริ่มเดินหน้าเลย ความเท่าเทียม ความเป็นธรรมจากของประชาชนคงจะไม่เกิดขึ้น

ถ้ามีแนวร่วม ผมก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งนะครับ
บันทึกการเข้า

เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชมนิยมกัน ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา ...พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ...
หน้า: 1 [2] 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 21 คำสั่ง