
ข้อกล่าวหา จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.ฯ ครับ
ส่วนข้อเท็จจริง....ค่อยไปให้การกันในชั้นสอบสวน ได้ครับ
รับทราบครับ
ลืมไม่ดี แน่นอนครับ เปลี่ยนจากลืม เป็นทำตก หรือทำหล่น ไว้ในรถจะดีกว่าครับ
มี ป.4 ของกระสุนขนาดดังกล่าว ก็ ไม่มีปัญหาและครับถ้าไม่เยอะจนเกินไป
เพราะเดี๋ยววันดีคืนดี ลืมไว้ในรังเพลิง จะลำบากครับ
ต้องไม่ลืม และคอยตรวจสอบ อยู่ตลอดจะดีกว่าครับ
ด้วยความเครารพ

1.ยึดถือเเทนหรือยึดถือเพียงชั่วคราว ไม่มีเจตนายึดถือเพื่อตน ไม่ถือว่ามีไว้ในครอบครอง
คำพิพากษา ฎ.1428/2548 การที่จำเลยรับฝากอาวุธปืน เหล็กพานท้ายปืนและด้ามปืนของกลางไว้จาก ภ.เพื่อทำความสะอาด ถือได้ว่าจำเลยยึดถืออาวุธปืนไว้แทน ภ.เท่านั้นไม่ได้มีเจตนายึดถือเพื่อตนอันจะฟังได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองตามความหมายเเห่ง พรบ.อาวุธปืน จำเลยไม่มีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ
1.1รับแล้วรีบคืนก็ไม่ผิด คำพิพากษา ฎ.140/2536 คืนเกิดเหตุ ป.ยืนอยู่ริมถนนข้างทาง จำเลยถืออาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นของ ป. เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจส่องไฟจำเลยส่งอาวุธปืนคืน ป.และ ป.โยนทิ้งป่าข้างทาง การที่จำเลยถืออาวุธปืนขณะที่ ป.ยืนอยู่ ณ ที่นั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ป.กระทำความผิด จำเลยไม่มีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ และ ประมวลฯอาญามตรา371
2.แม้เจ้าของมอบอาวุธปืนไว้ให้แต่ไม่ได้ใช้หรือยึดถืออาวุธปืนนั้นไม่ถือว่ามีไว้ในครอบครอง คำพิพากษา ฎ.2196/2531 เจ้าของเหมืองมอบหมายให้จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานเป็นผู้ดูแลบ้านในขณะที่เจ้าของเหมืองไม่อยู่ ตำรวจค้นพบอาวุธปืน เอชเค33 พร้อมกระสุนปืนในบ้านพักของเจ้าของเหมือง เเม้จะได้ความว่าเจ้าของเหมืองได้มอบอาวุธปืนให้จำเลยเอาไว้ควบคุมคนงานแต่จำเลยมิได้ใช้หรือยึดถืออาวุธปืนนั้นไว้ จำเลยไม่มีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ม.55,78
ทั้งหมดนี้น่าจะเทียบได้กับหัวข้อนี้นะครับ
ขอบคุณครับ
ผู้เอารถไปใช้ หากไม่ทราบมาก่อนว่าในรถมีอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุน
ย่อมถือว่าผู้นั้น ไม่มีเจตนาเลย เพราะไม่รู้หรือทราบมาก่อนว่ามีปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง
แต่ตามฎีกาข้างต้น ผู้มีไว้ ทราบว่ามีปืน หรือเครื่องกระัสุนปืน แต่พฤติการณ์ส่งผลในทางที่ดี ว่ามิได้เจตนายึดถือเพื่อตนเท่านั้น
แต่หากรู้ว่ามีปืน และเครื่องกระสุน แต่ก็ยังขับรถคันดังกล่าวไปใช้ โดยไม่คิดที่จะเอาปืนไปเก็บก่อน
แบบนี้ คงไม่ตรงตามฎีกาข้างต้น แต่จะกลายเป็นครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่ถึงอย่างไรก็ดี ยังไงคงต้องเจอตามที่ท่าน ๕๑ แนะนำไว้ก่อน ส่วนจะผิดหรือไม่ คงต้องว่ากันอีกรอบครับ
แต่ผมขอย้ำสักนิดว่า การพิสูจน์เรื่องเจตนาว่ารู้มาก่อนหรือไม่ หรือไม่รู้ หรือรู้แต่ทำมึนๆ ในชั้นตำรวจ อัยการ ศาล มันเหนื่อยมากๆครับ หากเป็นเรื่อง
ยังไงเก็บไว้ให้ดีๆ อย่าพยายามลืม แล้วเก็บในที่เหมาะสมดีกว่าครับ

ขอบคุณครับ ต่อไปจะระวังให้มากขึ้น
