เหตุการณ์ตามข่าวนี้ ถือว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุไหมครับ
ขอบคุณครับ
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000126798แขกขาวชะตาขาด ลอบปีนเข้าบ้าน ผอ.บริษัทประกัน หวังงัดแงะเอาทรัพย์สินมีค่า แต่สัญญาณกันขโมยดังขึ้น เป็นจังหวะที่พี่ชายเจ้าของบ้านมาพบ และเรียกให้คนร้ายหยุด แต่กลับคว้าไขควงมาทำร้าย เลยถูกยิงสวนเป็นผีเฝ้าบ้าน ตร.สันนิษฐานคนร้ายเป็นแก๊งแขกขาว ที่เช่ารถเก๋งตระเวนลักทรัพย์ตามบ้าน ขณะที่พี่ชายเจ้าของบ้านถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นไว้ก่อน ก่อนสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
วันนี้ (9 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.ประเสริฐ สีตลาศัย พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุคนร้ายแก๊งลักทรัพย์ตามบ้านเรือนถูกเจ้าของบ้านยิงเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 77/20 ซอยฉิมพลี 24 ถนนฉิมพลี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.พงษ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผกก.สส.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.ศุภกิจ ต่อบุญ รอง ผกก.ปป.สน.ตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกในเนื้อที่ 50 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่พบศพชายชาวต่างชาติ ลักษณะคล้ายแขกขาว อายุประมาณ 50 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือด อยู่บริเวณสวมหย่อมหน้าบ้าน ใกล้เทอเรสประตูหน้าบ้าน สวมเสื้อกีฬาสีดำ นุ่งกางเกงขาสี่ส่วนสีเขียว สวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงิน ใส่ถุงมือสีเทาดำเพื่อปกปิดรอยนิ้วมือ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ .38 เข้าที่ไหล่ซ้ายทะลุสะบักขวา จำนวน 1 นัด โดยมีหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน และไขควงปลายแหลมสีแดงตกอยู่ข้างศพ โดยมี นายไพรัช หุ่นนอก อายุ 56 ปี นักออกแบบผลิตภัณฑ์อิสระ ซึ่งเป็นพี่ชายเจ้าของบ้าน ยืนรอให้การเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ยิงใส่คนร้ายจนเสียชีวิต
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าว ก็พบว่า มีร่องรอยคนร้ายใช้คีมงัดประตูรั้วสเตนเลสหน้าบ้าน ทำให้ประตูได้รับความเสียหาย หน้าต่างบานเลื่อนข้างบ้านถูกคนร้ายถอดยกออก และห้องนอนชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของ นายธวัชชัย หุ่นนอก อายุ 53 ปี ผอ.ฝ่าย บริหารหนี้สินบริษัท เมืองไทยประกันภัย เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ และเป็นน้องชายนายไพรัช ถูกรื้อค้นจนข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงตรวจเก็บรายละเอียดที่พบทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายไพรัช ให้การว่า ตนกับพี่น้องได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ติดกันทั้งหมด 3 หลัง โดยมีบ้านของ นายธวัชชัย น้องชายอยู่เป็นหลังแรก บ้านของตนอยู่หลังที่ 3 ซึ่งทุกหลังจะติดสัญญาณกันโขมยไว้ทั้งหมด จึงจะไม่มีการติดเหล็กดัดกันโขมย ทั้งนี้ บ้านหลังเกิดเหตุจะพักกันอยู่แค่ 3 คน คือ น้องชาย น้องสะใภ้ และลูก แต่ช่วงเกิดเหตุนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน และตนได้ยินเสียงสัญญาณกันโขมยดังขึ้น จึงรีบหยิบปืนลูกโม่ .38 แล้วเดินออกมาดูทันที
นายไพรัช ให้การต่อว่า ขณะนั้นตนสังเกตเห็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ จอดติดเครื่องยนต์อยู่บริเวณหน้าบ้านน้องชาย หันหัวรถเตรียมออกด้านปากซอย เปิดแง้มกระจกทำให้เห็นภายในมีคนนั่งอยู่ลักษณะคล้ายแขกขาว จำนวน 3 คน เมื่อทั้งหมดเห็นตนเอง ก็รีบขับรถออกไปทันที เมื่อตนหันมาเห็นประตูรั้วมีร่องรอยถูกงัด จึงรีบเข้าไปเดินดูภายในบริเวณรอบๆ บ้าน ก็ได้ยินเสียงคนร้ายกระโดดออกมาจากหน้าต่างข้างบ้าน
นายไพรัช กล่าวต่อว่า ตนพยายามบอกให้คนร้ายหยุดแล้ว แต่เจ้าตัวกลับพยายามใช้ไขควงปลายแหลมเข้ามาทำร้ายตน เลยใช้ปืนที่นำมาด้วย ยิงคนร้ายเข้าไป 1 นัด ก่อนล้มคว่ำแน่นิ่งไป ก่อนจะรีบโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา เคยมีคนร้ายขับขี่รถ จยย.พยายามจะปีนเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านน้องชายแล้วครั้งหนึ่งแต่สัญญาณกันขโมยดังขึ้น คนร้ายจึงรีบหลบหนีไปทันที
ด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นแก๊งแขกขาวที่เช่ารถเก๋งมาสวมทะเบียนปลอม แล้วออกตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนที่ไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน แต่ครั้งนี้สัญญาณกันขโมยของบ้านหลังเกิดเหตุดังขึ้น จึงทำให้พี่ชายเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงได้ยิน จึงรีบวิ่งมาดูก่อนจะพบคนร้ายกระโดดออก และพยายามจะเข้าทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่จนเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นกับนายไพรัชไว้ก่อน ก่อนสืบสวนเรื่องราวข้อเท็จจริง และติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายที่เหลือที่หลบหนีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วัน ได้มีแก๊งแขกขาวจำนวนประมาณ 5 คน ออกอาละวาดในย่านตลิ่งชัน โดยเช่ารถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว สวมทะเบียน จ.ภูเก็ต เข้าก่อเหตุไปลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านริมธาร ริมถนนบรมราชชนนีฝั่งขาออก จนถูกมีรปภ.หมู่บ้านจับกุมตัวไว้ได้ แต่ระหว่างที่ รปภ.พยายามยื้อเวลาให้ตำรวจมาจับกุมนั้น ปรากฏว่า คนร้ายได้ไหวตัวรีบขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว และก่อนเกิดเหตุที่บ้านหลังนี้ 1 วัน ก็มีชาวบ้านภายในซอย พบว่า มี จยย.ต้องสงสัย ขับขี่มาวนเวียนดูลาดเลา มีท่าทีผิดสังเกตอีกด้วย