เกร็ดการโม Steyr-LG 100 สำหรับแข่ง FT
ออสเตรีย เป็นประเทศเล็ก ๆ ในยุโรป มีเวียนนาเป็นเมืองหลวง พอเอ่ยถึงกรุงเวียนนา ใคร ๆ ก็มักจะนึกถึงดนตรีคลาสสิคขึ้นมาทันที แต่ที่จริงแล้วปัจจุบันประเทศออสเตรียนั้นมีสินค้าส่งออกอันเป็นที่นิยมอีก 3 ประเภทคือ เครื่องกลึง โมเดลบังคับวิทยุขนาดจิ๋ว และปืนลม ผมเคยมีเครื่องกลึงจากออสเตรียอยู่ตัวหนึ่ง ขนาดเล็กแต่ความสามารถสูง ตอนหลังเอาไปแลกกับปืนลมเพราะไม่ค่อยได้ใช้ ระยะหลังประเทศจีนทำเครืองกลึงราคาถูกออกมาแข่ง ออสเตรียเลยหนีไปทำเครื่องกลึงคุณภาพสูงสำหรับมืออาชีพแทน ส่วนของเล่นบังคับวิทยุขนาดจิ๋วผมมีหลายอย่าง แต่ที่มาจากออสเตรียจะมีคุณภาพสูงกว่าจากที่อื่น ๆ สำหรับปืนลมนั้น แรกออกมา Steyr-LG 100 เป็นปืนแข่งขันระยะ 10 เมตร แต่เนื่องจากมีคุณสมบัติเหมาะกับการนำมาโมเป็นปืนแข่งขัน FT จึงถูกสั่งเข้ามาสำหรับการโมโดยเฉพาะเป็นจำนวนมาก สมัยนั้นการแข่งขัน FT ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร จึงไม่มีใครผลิตปืนสำหรับ FT ออกมาจำหน่าย อย่างไรก็ตามไม่ช้าไม่นานต่อมา ด้วยความต้องการทางตลาดสูงพอ ก็มี Steyr-LG 100 FT ออกมา รวมทั้งค่ายปืนลมดังอื่น ๆ อาทิ FWB, Walther และ Anschutz ก็มาร่วมแจม


ถ้าจะพูดถึงนักโมระดับพระกาฬแล้วละก็ ไม่มีใครเทียบ AZ Allen Zasadny ไม่เชื่อก็ลอง google ดูก็ได้ และนี่คือคำพูดหนึ่งที่คุณจะได้ฟัง Allen Zasadny is World Class PCP Tuner and FT competitor. His work is internationally recognized!. He has work on practically every know popular PCP's. He also stands by his work 100% เป็นที่รู้กันว่า แชมป์โลกทุกคนใช้ปืนที่ผ่านการโมของ AZ




Allen นั้นอาชีพหลักคือคนทำอุปกรณ์สำหรับการทำกายภาพบำบัดสำหรับคนไข้ในโรงพยาบาล เขาเลี้ยงดูลูกโดยระบบที่เรียกว่า home school คือสอนกันเองที่บ้าน เขาบอกผมว่า เขากลัวความยุ่งยาก สับสนและอันตรายในสังคมปัจจุบัน เขาจึงไม่ต้องการให้ลูก ๆ ของเขาได้มีโอกาสเข้าไปข้องเกี่ยว นอกจากนี้ Allen ยังชอบการต่อสู้ป้องกันตัวเหมือนผม เราจึงคุยกันเรื่องนี้บ่อยกว่าเรื่องอื่น ๆ ตอนผมเรียนมัธยมปลาย ทางโรงเรียนมีการจัดการต่อยมวยแข่งขัน ผมนะคันไม้คันมือจะแย่ แต่ทางโรงเรียนเขาห้ามนักเรียนนักเรียนชั้น ม.ปลาย เกรงจะบาดเจ็บไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ที่บ้านผมนั้นก็เกี่ยวข้องกับเรื่องหมัด ๆ มวย ๆ พอสมควร ตั้งแต่ชั้นประถม ผมจัดตั้งทีมฟุตบอลแข่งขันท้าดวลไปตามละแวกบ้าน บางทีก็แข่งเอาเงินกันด้วย จำได้ว่าผมเก็บเงินได้มากโขทีเดียว บางทีก็มีการทะเลาะเบาแว้งกระทบกระทั่งกันตามประสาเด็ก ผมก็เรียกมาต่อยกันที่บ้านผมซะเลย มีนวมให้ด้วย ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่าชั้นประถมผมเรียนโรงเรียนคาธอลิคมาโดยตลอด แต่พอมาถึงมัธยมปลายพี่สาวจับให้เข้าเรียนอำนวยศิลป์ ซึ่งสมัยนั้นมีชื่อเสียงร่วมกับโรงเรียนสันติราษฎร์บำรุงในการตีกันมาก ผมเองไม่อยากเรียน แต่พอเรียนแล้วจึงได้รู้ว่า สนุกและได้ความรู้ ครูมีฝีมือหลายท่าน แต่ก็มีครูภาษาอังกฤษที่ผมเคยโต้เถียง (จำได้มั้ยครับว่า ผมเคยบอกว่าผมจะเล่าว่า ทำไมผมจึงอยากเป็นครู? และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น) งั้นขออนุญาตเล่าเสียเลยก็แล้วกัน .... เป็นเรื่อง Oliver Twist ของ Charles Dickens, เกี่ยวกับชีวิตเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ช่วงหนึ่งของชีวิตเขาต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านเด็กกรำพร้า และตอนที่เขาจากมาเขาเหลียวหลังไปมองและน้ำตาไหล ซึ่งหนังสือไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าเขาได้พักอยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่ แต่ครูบอกว่า 3 เดือน ผมก็แย้งว่า ถ้าแค่ 3 เดือนไหงเขาถึงมีความผูกพันถึงกับหลั่งน้ำตาขณะเดินออกมา น่าจะเป็น 3 ปีมากกว่า คำตอบจากครูคือ นั่งลง ทำเป็นรู้ดี ผมคว่ำหน้าหนังสือและก้มหัวด้วยความรันทดอย่างบอกไม่ถูก อีกราว 2 สัปดาห์ต่อมา ครูคนนั้นเรียกผมไปพบและบอกว่าครูผิดเอง ผมนั้นเข้าใจถูกแล้ว ต่อมาเราจึงสนิทกันมาก โดยเฉพาะหลังจากนั้นไม่นานเมื่อผลสอบออกมา ผมเป็นนักเรียนคนแรกของโรงเรียนที่ได้คะแนนเต็มทั้งวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งออกจะค่อนข้างแปลก ผมนั้นชอบภาษาไทยเป็นชีวิตจิตใจ และมีหนังสือวิชาภาษาไทยดี ๆ หลายเล่ม เช่น มูลบทบรรพกิจ เป็นหนังสือแบบเรียนภาษาไทยสมัยโบราณ ประพันธ์โดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ทาง University of Pennsylvania ได้ติดต่อทาบทามให้ผมไปสอนนศ. ชั้นปริญญาเอกและปริญญาโทด้านภาษาไทยสำหรับการศึกษา แต่ผมต้องปฏิเสธไปเพราะต้องมาเขียนกระทู้ปืนลม...5555 ล้อเล่นนะครับ งานอื่นมีมากอยู่แล้ว ผมเคยเป็นล่ามทางการ (official translator) ของรัฐ Pennsylvania, New York, New Jersey, Delaware ฯลฯ มากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะขึ้นโรงขึ้นศาล ไปโรงพยาบาล ในเรือนจำ ที่สถานีตำรวจ ด่านตรวจคนเข้าเมือง บริษัทประกัน หรือแม้แต่บริษัทจ้างงาน ผมเคยไปกับตำรวจไปตามจับคนร้ายก็หลายครั้ง นั่งรถตำรวจลับขับซิ่งไล่จับคนร้ายก็เคย ไปจับยาเสพติดก็บ่อย ๆ แอบฟังสายโทรศัพท์แล้วแปลส่งต่อให้ตำรวจก็เคยอีก ผมแปลทั้งไทยและลาว หรือม้งก็พอไหว งานสอนภาษาไทยก็มีประจำ ปีหนึ่งทางการตำรวจไทยได้ร่วมมือกับหน่วยปราบปรามยาเสพติดของอเมริกา ขอตัวตำรวจระดับพระกาฬไปช่วยงาน ตำรวจคนนี้ได้ผ่านการคัดเลือกจากตำรวจปราบปรามยาเสพติดระดับแนวหน้าเกือบหมื่นคน และเคยมาทำงานเมืองไทยจนได้ฉายาว่า อินทรีย์ดำ งานนี้ผมต้องใช้เวลาอยู่กับเขาทั้งวัน และสอนภาษาไทยไปด้วยรวมหลายเดือนทีเดียว ทุก ๆที่ ๆ เราไปเราจะเล่นเกมส์ตำรวจกัน คือเวลาเราเดินไปไหนแล้วมีคนอื่นเดินผ่านหรือสวนทางไม่ว่าจะด้านเดียวกันหรือฝั่งตรงข้าม เราจะทำได้แค่ชำเลืองด้วยหางตา ห้ามมองแบบจะ ๆ แล้วเราก็จะรายงานกันว่า คนที่เดินผ่านไปเหล่านั้น ใส่เสื้อสีอะไร มีลายมีดอกมีจุดเด่นตรงไหน กางเกงมีลักษณะอย่างไร รองเท้าแบบไหน มีต่างหู นาฬิกา หรือรอยสักยันต์อะไรบ้าง ฯลฯ ต่อมาก็ลุกลามไปถึงตึกรามบ้านช่อง รถยนต์ และอื่น ๆ งานนี้ก็เข้าทางผมเลยครับ เพราะสมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยก็ชอบเรื่องรถเอามาก ๆ รถคันแรกที่พ่อให้ใช้ขับเป็นรถกระบะดีเซล หม้อน้ำรั่วขับไปได้ครึ่งทางต้องหยุดเติมน้ำ แถมพอขึ้นถึงเกียร์สี่ ก็ต้องเอาเชือกรัดไว้ ไม่งั้นหลุดไปที่เกียร์ว่าง ควันขโมงจนเคยถูกตำรวจจับหลายครั้ง พ่อบอกผมว่าจะได้ซ่อมรถเป็น ผมเคยเล่นเกมส์กับเพื่อนโดยเอาภาพรถต่าง ๆ มาตัดจนเป็นเศษเล็กเศษน้อย จับปนกันแล้วหยิบขึ้นมา 1 ชิ้นและให้ทายว่าเป็นรถอะไร ซึ่งผมมักจะไม่พลาด แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนอีกคนที่ชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจแล้ว ไม่ติดฝุ่นเลยครับ เขาดูรูปแล้วสามารถบอกได้ละเอียดยิบเลยว่า เป็นการแข่งขันระหว่างทีมใด ที่ไหน เมื่อไหร่ ผลเป็นอย่างไร ใครทำประตูได้นาทีที่เท่าไหร่ ลูกเข้าประตูไปตรงไหน ฯลฯ แบบแฟนพันธุ์แท้ยังไงยังงั้นเลยครับ 3 สัปดาห์ผ่านไปผมมาถึงที่ทำงาน เห็นอินทรีย์ดำกำลังถือหนังสือพิมพ์ไทยอยู่ในมือ เหมือนจะดูรูป แต่เขาเริ่มอ่านให้ผมฟัง ผิดบ้างถูกบ้าง ทำเอาผมประทับใจมาก เพราะเพียงเวลาแค่ 3 อาทิตย์ที่เฝ้าสอนเขามาเขาเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ได้บ้างแล้ว อินทรีย์ดำเคยชวนให้ผมมาเป็นตำรวจทำงานด้วยกันที่เมืองไทยปราบปรามยาเสพติด บอกตรง ๆ กลัวนะครับ



ย้อนกลับไปดูหัวเรื่องก็ยังงง ๆ ว่าไหงออกนอกทางมาได้ขนาดนี้...555

กลับเข้าเรื่องนะครับ Allen ตกลงโม Steyr-LG 100 ให้ผมโดยรอบแรกเราตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องยิงลูก CPH ได้ราว 850 fps งานหลักคือการโมตัว regulator ก่อนอื่นขออธิบายพื้นฐานของการทำงานในระบบของปืน PCP เสียก่อนคือ มี 2 ประเภท แบบใช้ regulator และแบบที่ไม่ใช้ regulator ขอเริ่มที่ข้อดีของ regulator ก่อนซึ่งก็คือ ทำให้กำลังลมส่งลูกในแต่ละครั้งคงที่สม่ำเสมอ ผลก็คือลูกกระสุนจะกระทบเป้า ณ.จุดเดิม ถ้าเล็งที่เดิม ส่วนข้อเสียก็คือ ราคาสูงและถ้าเสียจะซ่อมยาก ปรับแต่งก็ยากเช่นกัน เจ้าตัว regulator นี้จะอยู่คั่นกลางระหว่างท่อลมซึ่งฝรั่งเรียกว่า air bottle, air cylinder, air cartridge, air reservoir หรือแม้แต่ air tank ก็เรียกได้ ท่อเก็บลมนี้จะต้องเติมลมก่อนใช้งาน ซึ่งอาจทำได้หลายวิธีด้วยกัน คือ เติมจากถังดำน้ำ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดและความดันสูงสุดของถัง ว่าจะใช้เติมได้กี่ครั้ง การเติมจะสะดวกและรวดเร็วกว่าวิธีอื่น ๆ (แต่ควรระวังตอนเปิดวาล์ว โดยเอามือจับท่อลมว่าความร้อนขึ้นสูงและรวดเร็วเกินไปหรือไม่ ควรค่อย ๆ ปล่อยลมจากถังไปยังท่อลมอย่างช้า ๆ เพราะถ้าปล่อยหรือเปิดวาล์วอย่างรวดเร็ว อากาศที่มีแรงอัดสูงจะวิ่งผ่านไปยังท่อลมและเพิ่มความดันในท่อลมซึ่งอาจมีความสามารถในการทนความดันได้น้อยกว่าถังดำน้ำมาก ก็อาจเกิดการ ตูม ขึ้นมาได้ แต่ท่อลมบางตัวเขามีจุกยางกันระเบิดด้วย อีกอย่างที่ผมขอเตือนคือ ทั้งท่อลมและถังดำน้ำจะต้องมีการตรวจและทดสอลตามหมายกำหนดที่ทางผู้ผลิตกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โลหะที่ใช้ในการทำมักเป็นอะลูมิเนียมหรือเหล็ก ซึ่งอาจผุกร่อนและขึ้นสนิมด้านในได้ อย่าลืมว่าอากาศที่ถูกอัดเข้าไปนั้น มีน้ำผสมอยู่ด้วย และน้ำที่สะสมภายในนี้จะทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ระยะหลังมีการเติมถังด้วย แก๊สไนโทรเจนแทน ซึ่งเชื่อกันว่าไม่มีน้ำปะปนแถมยังทนร้อนทนหนาวได้ดีกว่าอากาศธรรมดาด้วย ถังรุ่นใหม่ที่ทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ก็จะไม่มีปัญหานี้ แต่ราคาจะสูงมาก) วงเล็บนี้คลุมยาวทีเดียว...
อีกวิธีของการเติมลมคือ การใช้ที่ปั๊มซึ่งมีหลายชนิด คือใช้มือ ใช้เท้า หรือใช้ทั้งมือและเท้า หรือใช้เครื่องซึ่งอาจเป็นไฟฟ้าหรือเครื่องน้ำมัน แต่ที่ง่ายที่สุดคือใช้คนอื่นทำให้ครับ...5555 อุปกรณ์พวกนี้ ไว้โอกาสหน้าจะมาคุยละเอียดกัน เพราะผมมีทุกอย่าง ยกเว้นเครื่องที่ใช้น้ำมัน

จุดต่อไปที่ Allen ต้องโมก็คือ ไก และ compensator ซึ่งมีหน้าที่จัดการกำหราบแรง recoil แม้ว่าจะน้อยนิดอันเกิดจาก สปริงของฆ้อนตีวาล์ว นอกจากนี้ก็ยังต้องโม transfer port ซึ่งก็คือช่องเชื่อมที่อยู่ระหว่างจุดลมที่ออกมาจาก regulator ไปยังก้น (หรือกระโปรง)ของลูกกระสุนที่อยู่ในลำกล้อง (งานนี้ก็ยากเช่นกัน เพราะจะต้องปรับขนาดให้ถูกต้อง บางคนก็มีการขัดเงาผนังด้านใน และลบมุมให้มน ในกรณีที่ transfer port มีรอยหักเลี้ยว) ผมจำได้ว่ามีปืนอยู่ยี่ห้อหนึ่งที่ให้ท่อสำหรับใส่ใน transfer port มา 2-3 ขนาด แล้วแต่ว่าคนจะเลือกนำไปใส่ตามใจตนว่าจะเลือกยิงที่ความเร็วเท่าไหร่

การโม regulator นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ผมขอยกตัวอย่างของผมเองดังนี้ เดิมทีลำกล้องของ Steyr-LG 100 นั้นยาวเพียง 17 นิ้วเศษ ๆ และ regulator เดิมนั้นตั้งมาสำหรับการยิงแข่งขัน 10 เมตร ซึ่งโดยทั่วไปจะยิงกระสุนหัวตัด (flat head or wadcutter)น้ำหนักราวครึ่งกรัมหรือ 8 grain ที่ความเร็วประมาณ 600 fps จะต้องนำมาโมยิงกระสุนหัวมน น้ำหนักราว 10.5 grain ที่ความเร็ว 850 fps โดยที่ไม่เปลี่ยนลำกล้องให้ยาวขึ้น หลังจากโมแล้วจะยิงได้ประมาณ 60 นัด แต่ผมต้องการจะยิงด้วยกระสุนเดิมที่ความเร็ว 910 fps จึงเห็นสมควรเปลี่ยนลำกล้องให้ยาวขึ้นเป็น 20 นิ้ว ซึ่งเราพบว่าลำกล้องของปืนลมล่าสัตว์ PCP ของเกาหลี Career 707 นั้น มีคุณภาพเหมาะสม แต่ต้องเลือกเอาหน่อย (ตามที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่า ผมซื้อมา 5 ต้องทิ้งไป 3 เลือกเอาที่ดีที่สุดได้เพียง 1 เดียว) อนึ่งปืน PCP หรือ CO2 นั้น ถ้าใช้แรงลมส่งเท่ากันแล้ว ลำกล้องที่ยาวกว่าจะให้ความเร็วลูกกระสุนมากกว่า เพราะถ้าลำกล้องสั้น แรงลมยังไม่ทันจะได้ขับกระสุนได้เต็มที่กระสุนก็หลุดออกปลายลำกล้องเสียแล้ว ส่วนแรงลมอัดหลังกระสุนก็ออกมาตามมาแบบเสียไปเปล่า ๆ ดังนั้นหลังจากเปลี่ยนเป็นลำกล้องยาว 20 นิ้วแล้ว ท่อลมขนาดเดิม ยิงแรงกว่าเดิม แต่กลับยิงได้มากถึง 90 นัดจากเดิมเพียง 60 นัดต่อถัง!!!!! มาถึงณ.จุดนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้


Regulator จะส่งอากาศความดันสูงที่ผ่านการปรับวัดมาแล้วมาเก็บไว้ที่ห้องพัก หรือที่เรียกว่า regulator chamber พร้อมที่จะใช้ยิงได้ 1 นัด หลังจากกดไก สปริงจะดันฆ้อนไปตีก้านวาล์ว เปิดให้ลมที่ถูกอัดนั้นออกผ่าน transfer port ไปยังท้ายกระสุนที่อยู่ในลำกล้อง ถ้า Regulator ถูกปรับอย่างถูกต้องแล้ว ลมในห้องพักนั้นจะออกไปดันกระสุนเพียง 75% ส่วนอีก 25% จะผลักวาล์วที่เปิดให้ปิด และในขณะเดียวกันลมในถังซึ่งมีแรงอันสูงก็จะผ่าน Regulator และถูกปรับวัดให้เข้ามาอยู่ในห้องพักพร้อมที่จะใช้ยิงต่อไป เช่นนี้เรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่างานนี้มีตัวแสดงคือ ท่อลม, Regulator, ขนาดห้องพัก, วาล์ว, สปริง และ transfer port ซึ่งจะต้องทำงานกันเป็นทีมแบบลงตัวในเวลาเพียงเศษเสี้ยวของวินาที ถ้าผู้แสดงตัวใดเกิดทำงานผิดพลาดหรือไม่เต็มที่ ผลออกมาก็จะไม่เป็นที่พอใจของคนดู ดังนั้นพวกมือโมสมัครเล่นจึงไม่ค่อยกล้าแตะต้องตัวแสดงสำคัญ ๆ จะลองดูก็เพียงการเปลี่ยนแปลงสปริง และปรับขนาด transfer port เท่านั้น


Flip compensator ที่ผมเคยเกริ่นไปแล้วนั้น ก็คือท่อเจาะรูที่สรวมอยู่ปากลำกล้องนั่นเอง หน้าที่ของเขาก็คือ หักเหแรงดันของลมหลังลูก หรือ air blast ให้ไปในทิศทางที่จะช่วยให้ลำกล้องอยู่นิ่งขึ้น ในขณะที่ลูกกระสุนเผ่นออกจากปลายกระบอกนั้น จะเกิดเหตุการณ์ที่ตามองไม่เห็นหลายวาระ นอกจาก air blast แล้วก็ยังมีการเด้งกลับตัวของสปริง (ผมหมายถึง hammer spring นะครับ) และการถอยกลับพร้อมกับการกระดกขึ้นของลำกล้อง (ในกรณีที่ปืนมีแรงกำลังค่อนข้างสูง และน้ำหนักปืนค่อนข้างเบา) และถ้าคนยิงฝีมือไม่ดีพอ การ follow through ของการเหนี่ยวไกก็จะมีผลทำให้ปืนไหวไปด้วย โอกาศหน้าถ้ามีผมจะพูดถึงที่มาที่ไปของเจ้า Flip compensator และวิธีการออกแบบ ตลอดจนหลักการทำงานของเขา ในกระทู้นี้ขอพูดถึงความประณีตในการทำ Flip compensator ของ Allen ตอนการเจาะรูด้านหน้าเสียหน่อย คือเขาจะทำ Flip compensator จนเสร็จ แต่จะยังไม่เจาะรูด้านหน้า สำหรับกระสุนผ่าน.... เอ้า ท่านใดจะเดาว่าทำไมก็อย่าเพิ่งอ่านต่อละกัน ลองนึกไปเรื่อย ๆ ดูซิว่าจะถูกต้องหรือใกล้เคียงอย่างไรหรือไม่ (มาถึงตรงนี้ ผมก็นึกถึงกระทู้เดิมเกี่ยวกับการเตรียมกระสุนที่ผมแกล้งถามทิ้งเอาไว้ แต่ไม่เห็นมีท่านใดลองตอบมา ของขวัญที่เตรียมไว้ก็เลย เอาเก็บที่เดิม....

แบบนี้ฝรั่งเรียกว่า Easter egg ซึ่งหมายถึง ปริศนาข้อมูลหรือเลศนัยที่ผู้เขียนตั้งใจแอบหลบหรืออำพรางเอาไว้ และถ้าผู้ใดค้นพบก็จะได้เจอกับ surprise ต่าง ๆ หรืออาจจะเป็นรางวัลก็ได้ มักมีในเกมส์ต่าง ๆ และบางโปรแกรม เช่น
Lots of Windows XP Easter Eggs )

เจ้าแท่งทองเหลืองส่วนที่เหลือจากที่ผมเฉือนไปทำด้ามจับง้างลูกเลื่อน ส่วนด้านล่างก็จัดการขัดเงาเสริมสวยเสียหน่อย


สิ่งสุดท้ายที่ผมเปลี่ยนแปลงก็คือ ที่จับคานง้างลูกเลื่อนสำหรับขึ้นไกซึ่งของเดิมเป็นพลาสติคสีดำ ผมซื้อแท่งทองเหลืองหกเหลี่ยมมาแล้วใช้ตะไบขึ้นรูป และขัดด้วยกระดาษทราย พอได้ความเรียบและเงามันตามที่ต้องการแล้วก็เจาะรูต๊าบเกลียว (คนไทยใช้ทับศัพท์คำว่า Tap แต่ไม่อ่านแท็ปกลับเป็นต๊าบ ซึ่งคงจะจ๊าบดีกว่ากระมัง.. อนึ่งถ้าเป็นเกลียวนอกอย่างท่อน้ำเขาจะเรียกว่า Die ครับ ดังนั้นจึงมักเรียกควบกันไปว่า tap and die) 2วันเต็ม ๆ เลยครับงานนี้ อ้อเกือบลืม ด้านหน้าเดิมมีไม้ลายที่จับเพียงชิ้นเดียว ผมเลยซื้อมาเพิ่มอีกหนึ่งใส่รวมเข้าไป เพราะในบางเป้าของการแข่งขัน FT ตำแหน่งเป้าจะไม่อยู่ในแนวระนาบที่ขนานกับพื้น บ้างก็อยู่บนกิ่งไม้สูงขึ้นไป แต่บางเป้าก็อยู่ลงไปตามทางลาด ทำให้ต้องมีการปรับตำแหน่งมือด้านหน้า อีกอย่างเติมแล้วก็ดูไม่แปลกที่ด้วย
กล้องที่ใช้เป็นกล้อง prototype ของ Burris 8x-32x-44 ที่ผมได้รับมาทดสอบ ถึงได้เป็นสีเงิน เพราะของที่ทำขายหรือ production unit จะเป็นสีดำ โฟกัสหน้าด้วยการหมุนหัวหรือ objective bell ส่วนขารัดกล้องหรือ scope mount เป็นของ BKL ที่ขาล่างจะเป็นชิ้นเดียวกันตลอด และมีสกรูยึดถึง 2 ตัว ตอนใส่จะต้องเอาสกรูยึดออกมาก่อน แล้วนำไปใส่กลับทางอีกด้าน แล้วไขเข้าไปจนชนขาอีกฝั่งเป็นการ เบ่ง ขาให้เข้ากับรางติดกล้อง หรือ rail พอสอดขาเข้ารางได้ ก็ค่อยเอาสกรูออกมาใส่ยึด เรื่องการติดกล้องนี้ผมจะนำมารวมกับการตั้งกล้องในโอกาสหน้านะครับ และเพื่อใช้แข่งขัน FT ที่ต้องมีการหาระยะ หรือ range finding ตัวปรับระดับสูงต่ำหรือ elevation knob ของเดิมนั้นเล็กเกินไปเพราะมีขนาดเส้นผ่าศก. ไม่ถึง 1 นิ้ว จึงต้องกลึงหัวขนาด 2 นิ้วใส่ครอบลงไปดังรูปครับ ตบท้ายด้วยยางครอบบังแสง แต่ผมว่าสำหรับผมแล้วใช้บังไม่ให้เห็นสิ่งรบกวนสมาธิที่หางตามักจะชายไปเห็นมากกว่า ส่วนมาตรวัดระดับนั้นติดเพิ่มสำหรับช่วยในการถือปืนให้ได้ระดับตั้งฉากกับพื้นโลกครับ
Steyr-LG 100 ที่ได้รับการโมจาก Allen Zasadny แล้วจะได้ชื่อใหม่ว่า Steyr-LG 100 ZM (ซึ่งหมายถึง Zasadny Modification นั่นเอง) Allen จะสั่ง Steyr-LG 100 โดยตรงจากโรงงานมาครั้งละ 10 กระบอก และทำการโมทีเดียวทั้งหมด แล้วแต่ความต้องการของลูกค้าว่าต้องการสเป็คและของเล่นอะไรเพิ่มเติม แต่ที่นิยมกันมากคือ ก้านประกับเข่าหรือ knee braces ที่นำมาต่อกับพานท้าย เวลายิงท่านั่งจะได้เอาเข่ารองรับ ตอนนั้น turn around time หรือเวลาที่ต้องรอคอยหลังจากสั่งไปตกประมาณเกือบปีเลยครับ ด้วยที่ว่า Steyr-LG 100 ออกแบบมาสวยงาม โดยการผสมผสานอะลูมิเนียมกับไม้อัดหลากสี ใช้งานง่าย คือง้างไกและใส่ลูกในจังหวะเดียวกัน หรือเรียกว่า cock น้ำหนักและสมดุลย์ดี อีกทั้งยังสามารถถอดพานท้ายออกได้อีกด้วย (ตามรูป) ส่วนการปรับทั้งไกและส่วนอื่น ๆ ก็มีเพียบพร้อมตามอัธยาศัย (โหย...นึกอยู่ตั้งนานว่าคำนี้เขียนยังไง เพราะไม่เคยเขียนมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว..)
ขอจบกระทู้นี้ตรงนี้นะครับ ส่วนการออกนอกเรื่องไปบ้างก็ขออภัยไว้ณ.ที่นี้
ดร. ธนาสิทธิ์ ศิริลักษณ์
๒๐ กันยายน ๒๕๕๓