คนใกล้นั้นอาจคำนึงถึงประโยชน์ที่ตกกับตน......
สมัยผมจบใหม่ๆ มีโอกาสที่จะได้ทำงานกับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมเคมีข้ามชาติ
พอเขานำชม plant tour ผมขอสละโอกาสที่จะทำงาน
และหันหลังให้กับอุตสาหกรรมเคมีไปเลย จะเกี่ยวข้องเฉพาะเท่าที่จำเป็น
เพราะ safety สำหรับคนทำงาน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ยังเป็นการสร้างภาพ เลี่ยงกฎและปกปิดความจริง
ด้วยเงื่อนไขของต้นทุน และผลกำไร ตามระบอบทุน
เราเคยใช้แรงงานราคาถูกมาเป็นจุดขาย
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นต้นทุนต่ำด้านความปลอดภัยต่อบุคคล ชุมชน และสภาพแวดล้อม..... เป็นจุดขายแทน

ประเด็นนี้ เห็นด้วยกับ " พี่ธำรง"....

ผมไม่อยากให้เราใช้ตรรกะ เช่นพวกหนังสือพิมพ์ ที่บอกว่า คนในโรงงานยังไม่เป็นอะไร?
แต่ทำไม? พวกอยู่นอกโรงงาน จะมาเดือดร้อนทำไม? ปัญหาของ มาบตาพุด มันมีมาตลอด
พอมีครั้งหนึ่งก็เฮกันที.. ครั้งที่แล้วก็มีการกล่าวหาเช่นกันว่า พวกที่ไปต่อต้านกลุ่มประท้วง
ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่เช่นกัน..
ประเด็นคือ พวกมลพิษ ส่วนใหญ่มันไม่ได้เกิดจากกระบวนการผลิต ถึงเกิด มันมีระบบป้องกันอยู่
แต่มลพิษที่มีผลกับคนอื่นส่วนใหญ่มันจะเกิดจาก พวกที่เหลือจากกระบวนการผลิต
สร้างโรงงานเป็นพันล้าน ..ทำไม? กฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หรืออุปกรณ์ป้องกัน
ราคาไม่กี่สตางค์ จะสร้างขึ้นมาไม่ได้
ในเมื่อทุกอย่างมันเริ่มจากการเมือง ไม่ได้เริ่มจากพื้นฐานของความเป็นอยู่ของประชาชน
มันก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ
ทุกวันนี้ ผมยังเป็นภูมิแพ้ มาสิบปีแล้ว อาการเริ่มจากที่เคยไปพักอาศัย แถว "บ้านฉาง" 1 ปี
ทั้งที่ก่อนหน้านั่นไม่เคยมีอาการ ตั้งแต่เรียนจบและทำงานมา
เพื่อนผมอีกคนคบรู้จักเกือบ 20ปี มาอยู่แถว " มาบข่า " 4-5 ปี ผิวหนังเป็นภูมิแพ้ เจอแดดแรงไม่ได้ ต้องทาครีมออกจากบ้าน
หรือใส่เสื้อแขนยาวตลอด รักษาอยู่หลายปี สุดท้ายดีขึ้นก็เพราะหนีจากพื้นที่ ไปอยู่แถวภาคเหนือบ้าง และหลบเหลี่ยง
ในโซนที่อาจเป็นสาเหตุให้อาการดังกล่าวกำเริบ ทุกวันนี้ ผิวหนังเขาหายเป็นปกติ นานถึงจะมาแถวระยอง
ใครจะคิดอย่างไร?ไม่สำคัญ จะจำใจต้องอยู่หรือพวกผมมีภูมิต้านทานน้อยก็แล้วแต่
สำหรับโดยส่วนตัว มันสำคัญที่ว่า รัฐบาล ..ไม่ว่าจะรัฐบาลไหน? ให้ความสำคัญต่อประชาชนแค่ไหน?
หรือเพียงสนใจเพียงแค่ตัวเลขเพื่อไว้ซึ่งโฆษณาชวนเชื่อ