
๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๐ น. ผู้ใหญ่บ้านถูกลอบยิง โทรแจ้งตำรวจไม่ถึง ๑๕ นาที สามารถจับคนร้ายได้ เป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ตรวจยึดปืน AK-47
ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น BB GUN ร้อยเวรแจ้ง ๒ ข้อหา ๑.พกพาอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
๒.มีหรือใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ
๑๔.๐๐ น.ร้อยเวรเชิญผู้ใหญ่บ้านไปให้ปากคำ ๑๘.๐๐ น.จึงเรียกเข้าห้องสอบสวน อ้างสายสัญญาณคอมฯไม่ได้นำมาจากบ้านให้ลูกน้องไปเอาอยู่
๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ นักข่าวออกข่าว ร้อยเวรไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โวยวายใส่ผู้ใหญ่หาว่าทำให้โรงพักเสื่อมเสีย ฝากขังแจ้งเพิ่มอีก ๒ ข้อหา ๑ .ทำให้เสียทรัพย์ ( ป้ายที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ( ไวนิล ) ทะลุ ๒. กล่าวคำอาฆาตมาตร้าย
ร้อยเวรทำถูกต้องหรือไม่ จะไปแจ้งข้อหาเพิ่มว่าพยายามทำร้ายร่างกายร้อยเวรจะรับแจ้งไหมคับ หากร้อยเวรไม่รับแจ้งจะขอเป็นโจทย์ร่วมได้หรือไม่
ขอความกรุณาจากพี่ๆผู้รู้คับ
กำนัน หนุ่ม ๐๘๖ ๒๔๕ ๑๘๔๓
ผมขออนุญาตสรุปข้อเท็จจริงก่อน
อดีตนักการเมืองท้องถิ่น ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งแรก สองข้อหาคือ
๑.พกพาอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
๒.มีหรือใช้อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ
ต่อมาภายหลังจากไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่อดีตนักการเมืองท้องถิ่นเพิ่มเติม คือ
๑.ทำให้เสียทรัพย์ ( ป้ายที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ( ไวนิล ) ทะลุ
๒. กล่าวคำอาฆาตมาตร้าย
รวม ๔ ข้อหา
คำถามแรกคือ ร้อยเวรทำถูกต้องหรือไม่ เรื่องข้อกล่าวหานั้น ตรงนี้ไม่สามารถตอบได้ครับ เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
แต่ผมเชื่อว่า หากปรากฎข้อเท็จจริงว่าอดีตนักการเมืองกระทำความผิดอย่างไรบ้าง
พนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อกล่าวหาตามการกระทำผิดของเขาครับ
คำถามที่สอง คือ จะไปแจ้งข้อหาเพิ่มว่าพยายามทำร้ายร่างกายร้อยเวรจะรับแจ้งไหมหากการให้ปากคำของผู้เสียหาย ได้บรรยายถึงลักษณะและพฤติกรรมต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นการพยายามทำร้ายร่างกาย
และพนักงานสอบสวนเห็นว่า ลักษณะและพฤติกรรมต่างๆ ที่คนร้ายกระทำ เข้าองค์ประกอบความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย
นอกจากนี้ หากการสอบสวน มีหลักฐานพอฟังได้ว่า ผู้ต้องหา ได้กระทำความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายจริง
แน่นอน พนักงานสอบสวนต้องรับแจ้ง และแจ้งข้อกล่าวหาอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ในข้อข้อกล่าวหานี้ด้วย
คำถามที่สาม คือ หากร้อยเวรไม่รับแจ้งจะขอเป็นโจทย์ร่วมได้หรือไม่ การขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ จะต้องถือเอาตามคำฟ้อง และข้อหาของพนักงานอัยการเป็นหลักครับ
และความผิดที่ผู้เสียหายจะขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม จะต้องเป็นความผิดที่ิราษฎรสามารถเป็นผู้เสียหายได้ด้วย
หากในสำนวนฟ้องของพนักงานอัยการ ไม่มีข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายแล้ว เราก็ไม่สามารถจะขอเข้า้เป็นโจทก์ร่วมในข้อหาดังกล่าวได้
แต่ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ใหญ่บ้านจะไปฟ้องอดีตนักการเมืองท้องถิ่นต่อศาล ในข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายด้วยตนเองครับ
ยังไงรอความเห็นจากผู้รู้อีกทีครับ
