อนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทะเล แปลโดย กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ
คัดลอกจาก
http://www.aviation.go.th/airtrans/airlaw/LawOfTheSeaT.html ปล. ยาวไปสักหน่อยต้องขออภัยเพื่อนสมาชิก แถมอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง (เพราะเป็นศัพท์ภาษากฎหมายระหว่างประเทศ)
อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982ข้อ ๑๐๐
หน้าที่ที่จะร่วมมือกันในการปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัด
รัฐทั้งปวงจะร่วมมือกันอย่างมากที่สุดที่จะทำได้ในการปราบปรามการกระทำ อันเป็นโจรสลัดในทะเลหลวง หรือในที่อื่นใดภายนอกเขตอำนาจของรัฐใด
ข้อ ๑๐๑
คำนิยามของการกระทำอันเป็นโจรสลัด
การกระทำอันเป็นโจรสลัดประกอบด้วยการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(ก) การกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายโดยการใช้กำลังหรือการกักกันหรือการกระทำอันเป็นการปล้น ซึ่งได้กระทำลงเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัวโดยลูกเรือหรือผู้โดยสารของเรือเอกชนหรืออากาศยานเอกชน และมุ่งกระทำ
(๑) ในทะเลหลวง ต่อเรือหรืออากาศยานลำอื่น หรือ ต่อบุคคลหรือทรัพย์สินในเรือหรืออากาศยานเช่นว่านั้น
(๒) ต่อเรือ อากาศยาน บุคคลหรือทรัพย์สินในที่ที่อยู่นอกเขตอำนาจของรัฐใด
(ข) การกระทำอันเป็นการเข้าร่วมโดยสมัครใจในการปฏิบัติการของเรือหรือของอากาศยานโดยรู้ข้อเท็จจริง อันทำให้เรือหรืออากาศยานนั้นเป็นเรือหรืออากาศยานโจรสลัด
(ค) การกระทำอันเป็นการยุยงหรือการอำนวยความสะดวกอย่างจงใจต่อการกระทำที่ระบุไว้ในอนุวรรค (ก) หรือ (ข)
ข้อ ๑๐๒
การกระทำอันเป็นโจรสลัดโดยเรือรบ
เรือของรัฐบาลหรืออากาศยานของรัฐบาลซึ่งลูกเรือได้ก่อกบฏ
การกระทำอันเป็นโจรสลัด ดังที่ได้นิยามไว้ในข้อ ๑๐๑ ซึ่งกระทำโดยเรือรบ เรือของรัฐบาล หรืออากาศยานของรัฐบาล ที่ลูกเรือได้ก่อกบฏ และเข้าควบคุมเรือ หรืออากาศยานนั้น ให้ถือเสมือนว่าเป็นการกระทำโดยเรือหรืออากาศยานเอกชน
ข้อ ๑๐๓
คำนิยามของเรือหรืออากาศยานโจรสลัด
ให้ถือว่าเรือหรืออากาศยานเป็นเรือหรืออากาศยานโจรสลัด ถ้าบุคคลที่มีอำนาจควบคุมได้จงใจใช้เรือหรืออากาศยาน นั้นเพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังกล่าวในข้อ ๑๐๑ ให้หลักการเดียวกันนี้ใช้บังคับ หากเรือหรืออากาศยานนั้นได้ถูกใช้กระทำการใด ๆ เช่นว่านั้น ตราบเท่าที่เรือหรืออากาศยานนั้นยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ของบุคคลซึ่งมีความผิดในการกระทำนั้น
ข้อ ๑๐๔
การคงหรือการเสียสัญชาติ
ของเรือหรืออากาศยานโจรสลัด
เรือหรืออากาศยานอาจคงสัญชาติของตนไว้ได้แม้ว่าจะได้กลายเป็นเรือหรืออากาศยานโจรสลัดแล้ว การคงหรือการเสียสัญชาติ ให้เป็นไปตามกฎหมายของรัฐอันเป็นที่มาของสัญชาตินั้น
ข้อ ๑๐๕
การยึดเรือหรืออากาศยานโจรสลัด
ในทะเลหลวง หรือในที่อื่นใดนอกเขตอำนาจของรัฐใด รัฐทุกรัฐอาจยึดเรือหรืออากาศยานโจรสลัด หรือเรือหรืออากาศยานซึ่งถูกยึดไปโดยการกระทำอันเป็นโจรสลัดและอยู่ภายใต้การควบคุมของโจรสลัด และอาจจับกุมบุคคลและยึดทรัพย์สินบนเรือนั้นได้ ศาลของรัฐซึ่งดำเนินการยึดอาจวินิจฉัยโทษ ที่จะลงและ ยังอาจกำหนดการที่จะต้องกระทำเกี่ยวกับเรือ อากาศยาน หรือทรัพย์สิน โดยไม่เป็นการตัดสิทธิของบุคคล ที่สามซึ่งกระทำการโดยสุจริต
ข้อ ๑๐๖
ความรับผิดสำหรับการยึดโดยไม่มีมูลเหตุอันเพียงพอ
ในกรณีที่การยึดเรือหรืออากาศยานโดยมีข้อสงสัยว่าเป็นโจรสลัดได้กระทำไปโดยไม่มีมูลเหตุอันเพียงพอ รัฐซึ่งทำการยึดจะต้องรับผิดต่อรัฐซึ่งเรือหรืออากาศยานนั้นถือสัญชาติสำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายใดที่เกิดจากการยึดนั้น
ข้อ ๑๐๗
เรือหรืออากาศยานซึ่งมีสิทธิทำการยึดเพราะเหตุแห่งการกระทำอันเป็นโจรสลัด
การยึดเพราะเหตุแห่งการกระทำอันเป็นโจรสลัดอาจ กระทำได้แต่เพียงโดยเรือรบหรืออากาศยานทหาร หรือเรือหรืออากาศยานอื่นซึ่งมีเครื่องหมายชัดแจ้งและบ่งชัดว่าใช้ในงานของรัฐบาลและได้รับมอบอำนาจเพื่อการนั้น
. . .
ข้อ ๑๑๐
สิทธิการขึ้นตรวจ
๑. เว้นแต่ในกรณีที่การกระทำอันเป็นการสอดแทรกเกิดจากอำนาจซึ่งได้ให้ไว้โดยสนธิสัญญา เรือรบซึ่งพบเรือต่างชาติ ในทะเลหลวงอันมิใช่เรือที่ได้รับความคุ้มกันโดยสมบูรณ์ตามข้อ ๙๕ และ ๙๖ ไม่มีความชอบธรรมที่จะขึ้นไปบนเรือนั้น เว้นแต่จะมีเหตุอันควรสงสัยว่า
(ก) เรือนั้นกระทำการอันเป็นโจรสลัด
(ข) เรือนั้นกระทำการค้าทาส
(ค) เรือนั้นกระทำการออกอากาศ โดยไม่ได้รับอนุญาต และรัฐเจ้าของธงของเรือรบมีเขตอำนาจตามข้อ ๑๐๙
(ง) เรือนั้นปราศจากสัญชาติ หรือ
(จ) แม้ว่าจะชักธงต่างชาติหรือไม่ยอมแสดงธงของตน เรือนั้นตามความเป็นจริงมีสัญชาติเดียวกับเรือรบ
๒. ในกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรค ๑ เรือรบอาจดำเนินการพิสูจน์ยืนยันสิทธิในการชักธงของเรือนั้น เพื่อวัตถุประสงค์นี้ เรือรบอาจส่งเรือเล็กในบังคับบัญชาของนายทหารไปยังเรือที่ต้องสงสัยนั้น หากยังมีความสงสัยอยู่หลังจากได้ตรวจสอบ เอกสารแล้ว ก็อาจดำเนินการตรวจสอบบนเรือลำนั้นต่อไปได้ซึ่งต้องกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่เท่าที่ จะกระทำได้
๓. หากปรากฏว่าข้อสงสัยนั้นไม่มีมูล และหากเรือซึ่งถูกขึ้นตรวจนั้นมิได้มีพฤติกรรมอันเป็นสาเหตุแห่งข้อสงสัยนั้น เรือนั้นจะได้รับการชดเชยสำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายที่อาจได้รับ
๔. บทบัญญัติเหล่านี้ใช้บังคับโดยอนุโลมกับอากาศยาน ทหาร
๕. บทบัญญัติเหล่านี้ใช้บังคับกับเรือหรืออากาศยานอื่นใดที่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีเครื่องหมายชัดแจ้งและบ่งชัดว่า เป็นเรือที่ใช้ในงานของรัฐบาลด้วย
ข้อ ๑๑๑
สิทธิการไล่ตามติดพัน
๑. การไล่ตามติดพันเรือต่างชาติอาจกระทำได้เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐชายฝั่งมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เรือนั้นได้ละเมิดกฎหมายและข้อบังคับของรัฐนั้น การไล่ตามเช่นว่านั้นจะต้องเริ่มต้นเมื่อเรือต่างชาติหรือ เรือเล็กลำหนึ่งของเรือต่างชาติอยู่ในน่านน้ำภายใน น่านน้ำหมู่เกาะ ทะเลอาณาเขต หรือเขตต่อเนื่องของรัฐที่ไล่ตาม และสามารถดำเนินต่อไปได้นอกทะเลอาณาเขตหรือเขตต่อเนื่อง หากการไล่ตามนั้นมิได้ขาดตอนลง ไม่จำเป็นว่า ในขณะที่เรือต่างชาติที่อยู่ในทะเลอาณาเขตหรือเขตต่อเนื่องได้รับคำสั่งให้หยุด เรือที่ออกคำสั่งควรจะต้องอยู่ ในทะเลอาณาเขตหรือเขตต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ถ้าเรือต่างชาติอยู่ในเขตต่อเนื่อง ดังที่นิยามไว้ในข้อ ๓๓ การไล่ตามจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้มีการละเมิดสิทธิซึ่งเขตนั้นได้ถูกจัดตั้งขึ้นสำหรับคุ้มครองเท่านั้น
๒. ให้สิทธิการไล่ตามติดพันใช้บังคับโดยอนุโลมกับการละเมิดในเขตเศรษฐกิจจำเพาะหรือบนไหล่ทวีป รวมทั้งเขตปลอดภัยรอบสิ่งติดตั้งบนไหล่ทวีป ซึ่งกฎหมายและข้อบังคับของรัฐชายฝั่งที่ใช้บังคับอยู่ ตามอนุสัญญานี้กับเขตเศรษฐกิจจำเพาะหรือไหล่ทวีป รวมทั้งเขตปลอดภัยเช่นว่านั้น
๓. สิทธิการไล่ตามติดพันสิ้นสุดลงทันทีที่เรือซึ่งถูกไล่ตามเข้าทะเลอาณาเขตของรัฐของตนหรือของรัฐที่สาม
๔. การไล่ตามติดพันยังไม่ถือว่าได้เริ่มขึ้น เว้นแต่เรือที่ไล่ตามได้ทำให้ตนเองมั่นใจโดยทุกวิถีทาง ที่จะทำได้เท่าที่มีอยู่แล้วว่า เรือที่ถูกไล่ตามหรือเรือเล็กลำใดลำหนึ่งของเรือนั้นหรือยานลำอื่นซึ่งทำงานร่วมกัน และใช้เรือที่ถูกไล่ตามเป็นเรือแม่อยู่ภายในขอบเขตของทะเลอาณาเขต หรือภายในเขตต่อเนื่อง หรือเขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือเหนือไหล่ทวีป แล้วแต่กรณี การไล่ตามอาจเริ่มต้นขึ้นได้ต่อเมื่อได้ให้ทัศนสัญญาณหรือโสตสัญญาณให้หยุด ในระยะห่างที่เรือต่างชาติสามารถเห็นหรือได้ยินสัญญาณได้เท่านั้น
๕. สิทธิการไล่ตามติดพันจะใช้ได้เฉพาะโดยเรือรบหรืออากาศยานทหาร หรือเรือหรืออากาศยานอื่น ๆ ซึ่งมีเครื่องหมายชัดแจ้งและบ่งชัดว่าใช้ในงานของรัฐบาลและได้รับมอบอำนาจเพื่อการนั้น
๖. ในกรณีที่การไล่ตามติดพันกระทำโดยอากาศยาน
(ก) ให้นำบทบัญญัติแห่งวรรค ๑ ถึง ๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
(ข) อากาศยานซึ่งออกคำสั่งให้หยุดต้องไล่ตามเรือนั้นอย่างจริงจังดัวยตนเอง จนกระทั่งเรือหรืออากาศยาน ลำอื่นของรัฐชายฝั่งที่อากาศยานนั้นเรียกมา ได้มาถึงเพื่อรับช่วงการไล่ตามแล้ว เว้นแต่อากาศยานนั้นจะสามารถ จับกุมเรือนั้น ด้วยตนเองได้ ไม่เป็นการเพียงพอที่จะอ้างเหตุสนับสนุนการจับกุมเรือภายนอกทะเลอาณาเขต ว่าอากาศยานเห็นเรือเป็นผู้กระทำผิด หรือเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้กระทำผิดเท่านั้น หากเรือนั้นยังมิได้ทั้งถูกสั่งให้หยุด และถูกไล่ตามโดยอากาศยานนั้นเอง หรืออากาศยานหรือเรือลำอื่นซึ่งไล่ตามต่อไปโดยไม่ขาดตอน
๗. การปล่อยเรือที่ถูกจับกุมในเขตอำนาจของรัฐหนึ่ง และถูกควบคุมไปยังท่าเรือของรัฐนั้น เพื่อความมุ่งประสงค์ ที่จะทำการสอบสวนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจมิอาจเรียกร้องให้กระทำได้โดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่า ในระหว่างการเดินทาง เรือนั้นได้ถูกควบคุมผ่านส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจจำเพาะหรือทะเลหลวง หากสภาวการณ์ทำให้จำเป็นต้องกระทำเช่นนั้น
๘. ในกรณีที่เรือได้ถูกสั่งให้หยุดหรือถูกจับกุมภายนอกทะเลอาณาเขตในสภาวการณ์ที่ไม่มีเหตุสนับสนุน การใช้สิทธิไล่ตามติดพัน เรือนั้นจะได้รับการชดเชยสำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายใดที่อาจได้รับจากการนั้น