สวัสดีครับ

ผมเป็นน้องใหม่ในบอร์ดครับ แต่ติดตามชมเว็บนี้มานานแล้ว ขอแสดงความเห็นร่วมด้วยเป็นกระทู้แรกครับ
ตามความคิดผม ผู้ซึ่งมีสติปัญญาน้อย เกี่ยวกับการยิงกระสุนจากปืนยาวที่่มีเกลียวลำกล้องต่างกัน คือแบบหมุน 7 นิ้ว/รอบ กับแบบหมุน 12 นิ้ว/รอบ โดยคิดถึงผลด้านขีปนวิถี ไม่เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการของปืน ดังนี้ครับ
1.คิดจากหลักโปรเจ็คไตล์ หากยิงปืนทั้งสองแบบในระบบปิด ที่ไม่คิดปัจจัยแรงเสียดทานของอากาศมากระทบนั้น ความเร็วต้นของกระสุนที่ยิงจากปืนทั้งสองแบบจะเท่ากัน และจะทำให้มีระยะยิงเท่ากัน (เมื่อดินขับเท่ากัน) ไม่ว่าจะยิงในที่ไม่มีแรงโน้มถ่วง หรือมีแรงโน้มถ่วงโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง
2.ผลจากข้อแรก แม้จะใช้ปืนที่มีความยาวลำกล้องต่างกัน ก็จะให้ผลเช่นเดียวกัน
3.เมื่อคิดจากหลักโมเมนตัม วัตถุทุกอย่างเมื่อเคลื่อนที่ได้ระยะทางหนึ่ง ก็จะพยายามหมุนรอบตัวของมันเองอย่างอิสระ ซึ่งหากเป็นการยิงกระสุนภายใต้แรงเสียดทานของอากาศ และแรงโน้มถ่วงโลกแล้ว ถ้าเราไม่ควบคุมรูปทรงหัวกระสุน และการหมุนของหัวกระสุน อาจทำให้ได้ระยะยิงไม่สม่ำเสมอ ความแม่นยำก็จะลดลง (รูปทรงที่ดีที่สุดคือทรงกลม)
4.แต่หากใช้หัวกระสุนรูปทรงกลมมาทำเป็นหัวกระสุน แล้วยิงบนพื้นผิวโลก จะมีข้อเสียดังนี้
4.1 จากหลักพลังงานจลน์ สำหรับหวังผลในการเจาะเป้าหมาย หากใช้หัวกระสุนหนักจะเจาะเป้าหมายได้ดีกว่าหัวกระสุนเบาเนื่องจากมีพลังงานจลน์มากกว่า (กรณีหน้าตัดกระสุนเท่ากัน) แต่ถ้าใช้หัวกระสุน
ทรงกลมหนักมากจะทำให้มีหน้าตัดที่ใหญ่กว่ากระสุนขนาดเล็ก ส่งผลให้มีอำนาจของการเจาะลดลง
4.2 แต่ถ้าหากใช้หัวกระสุนน้ำหนักเบา จะมีระยะหวังผลในการเจาะน้อยกว่าหัวกระสุนหนัก เนื่องจากพลังงานจลน์น้อย และสู้แรงเสียดทานของอากาศไม่ไหว
5.ผู้ผลิตกระสุนปืน จึงผลิตกระสุนที่มีลักษณะหัวกระสุนเป็นรูปยาว(กรวย หรือกระสวย) แทนที่จะผลิตหัวกระสุนทรงกลม ทั้งนี้เพื่อให้ได้รูปทรงที่มีน้ำหนักหัวกระสุนมาก แต่มีหน้าตัดเล็ก (หรือกว้างปากลำกล้องน้อย) เพื่อหวังผลในการเคลื่อนที่และการเจาะเป้าหมายได้ดีกว่ากระสุนทรงกลม
6. กระสุนดังกล่าว จะใช้ยิงกับปืนยาวที่มีเกลียวภายในลำกล้อง(ไรเฟิล) เพื่อบังคับให้หัวกระสุนรูปกระสวยเกิดการบิดหมุนตัวในขณะเคลื่อนที่ภายในลำกล้อง และเมื่อพ้นปากลำกล้องไปแล้วก็ยังคงรักษาเสถียรภาพในการหมุนของหัวกระสุนไว้ได้ระยะหนึ่ง(หมุนรูปกรวย) ก่อนที่จะแกว่งและหมุนเป็นอิสระ (หมุนแบบหกคะเมนตีลังกา)
ึ7. จากที่กล่าวมา น่าจะสรุปได้ดังนี้
7.1 ปืน m.16 แบบ 7นิ้ว/รอบ ต้องยิงไกลกว่าปืนแบบ 12นิ้ว/รอบ แน่นอนเพราะกระสุนมีอัตราการหมุนเริ่มต้นที่มากกว่า ในการเคลื่อนที่ระยะทางเท่ากัน จึงทำให้สามารถรักษาเสถียรภาพในการหมุนได้นานกว่า(สังเกตุการทดลองเหวี่ยงลูกข่างโดยออกแรงมากน้อยต่างกัน ลูกข่างจะมีเวลาในการหมุนสมดุลย์ได้ต่างกัน)
7.2 รวมทั้งมีระยะยิงหวังผลและอำนาจการเจาะเป้าหมายที่มากกว่า (หวังผลในที่นี้คือหากหัวกระสุนรักษารูปแบบการเคลื่อนที่ของหัวกระสุนขณะกระทบเป้าหมาย เหมือนรูปแบบขณะออกจากปากลำกล้องจะให้ผลในการเจาะมากที่สุด)
7.3 ปืนไรเฟิลที่เอาของเดิมมาตัดเองให้สั้น มีผลกระทบต่อการรักษาเสถียรภาพการหมุนของหัวกระสุนได้น้อยลง ทำให้ระยะยิงหวังผลลดลง และการเจาะเป้าหมายของกระสุนที่ระยะทางไกลจะลดลงมาก (กระสุนกระทบเป้าหมายแบบขวาง) อาจจะเหลือเพียงครึ่งเดียว หรือน้อยกว่า
8. หากเจ้าหน้าที่ของไทย สามจังหวัดชายแดนใต้ ใช้ไรเฟิลแบบตัดสั้นอยู่ก็ขอให้มั่นใจในประสิทธิภาพของอาวุธตนเองได้ เนื่องจากรายงานการต่อสู้ที่ผ่านมา เกือบทั้งหมดมีระยะต่อสู้ที่ไม่เกินสองร้อยเมตร และในระยะทางขนาดนี้ แม้หัวกระสุนจะกระทบเป้าหมายในลักษณะขวางก็ยิงเข้าแน่นอนไม่ว่าจะเป็นตัวมนุษย์ หรือรถยนต์ ก็ตาม แต่ถ้าข้าศึกอยู่หลังที่กำบังประเภทต้นไม้ใหญ่ เนินดิน หรือกระสอบทราย ที่ระยะไกลๆก็มีโอกาสยิงไม่ผ่านที่กำบังได้เหมือนกัน เนื่องจากมีแรงเสียดทานมาก
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
