เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 09, 2025, 12:06:36 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่า - บทความ - ข้อความ ... ที่อยากเผยแพร่  (อ่าน 2094 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 09:00:17 AM »

ปกติผมจะมีหน้าเว็บที่เข้าไปอ่านข้อมูลข่าวสารประจำวัน

บางวันอ่านแล้วก็อยากนำมาเผยแพร่ หรือขอความเห็นจากคนอื่นๆดูบ้าง

เลยขอทดลองเปิดกระทู้นี้ เพื่อใช้สื่อสาร แลกเปลี่ยน และรับข่าวสารข้อมูลจากท่านอื่นๆ

ท่านใดพบเจอข้อความ บทความ หรือสิ่งใดน่าสนใจ ลองนำมาแลกเปลี่ยนกันครับ ...

.......... งดเว้นเรื่องการเมืองนะจ๊ะ เดี๋ยวโดนอุ้ม ............  จูบบบบ


"ความแตกต่างอย่างหนึ่งซึ่งผมเห็นชัดถนัดมากจากประเทศที่ดีกับประเทศโหลยโท่ยก็คือ คนในประเทศโหลยโท่ยชอบ ‘ขอ’ โดยชอบขอการสงเคราะห์จากสังคม พวกนี้จะเที่ยวพูดโพนทนาสาธยายให้คนทั่วไปใจดี ไม่เห็นแก่ตัว เพียงเพื่อที่ตนจะได้รับการบริจาค ได้รับความช่วยเหลือ โดยที่ตนไม่ทำงานอะไรมาก ส่วนผู้คนในประเทศเจริญ กลับสอดส่ายสายตาหาคนด้อยโอกาส ผู้อยากจะพัฒนาตน และก็จะกระโจนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ช่วยคนที่ไม่ขวนขวายในการพัฒนาตนเอง"

"ที่ ถูกนำไปแพร่ขยายกระจายกันตามสื่อของประเทศพัฒนาแล้ว มักจะเป็นข่าวที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับวิทยาการใหม่ๆ กลุยทธ์ทางการบริหารใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือเป็นข่าวที่ภาครัฐ และเอกชน ทุ่มงบประมาณลงไปเพื่อใช้วิจัยนวัตกรรมที่จะนำความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีมา สู่ประเทศ"

"ข่าว ลือทั้งหลายไม่มีผลในประเทศเจริญและมีวัฒนธรรมสูง เพราะคนในประเทศพวกนี้ชอบพิสูจน์สิ่งที่ได้ยินได้ฟังด้วยตัวเอง ผู้คนในประเทศเจริญแล้วจึงเป็นอิสระเหนือสถานการณ์ต่างๆ ไม่บ้าออกไปประท้วงตามกลุ่มผลประโยชน์

"นิสัย อีกอย่างหนึ่งซึ่งผมพบในผู้คนของประเทศเจริญแล้วก็คือ คนพวกนี้ชอบฝึกฝน แม้ว่าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงเบอร์ ๑ แต่ก็ยังตื่นนอนในตอนเช้าตรู่เพื่อออกกำลังกาย และใช้เวลาฝึกเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง ผู้คนทุกอาชีพในประเทศพวกนี้จึงพัฒนาตลอดเวลา ส่วนคนในประเทศโหลยโท่ยชอบเรื่องฟลุ๊ก ไม่ฝึกฝนตน ชอบเปลี่ยนงาน ประกอบอาชีพอะไรก็มักจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่ชำนาญ"
บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 09:27:25 AM »

บทความดีครับ เห็นด้วยทุกย่อหน้า
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
M 60 - 7 รักในหลวง
๗๗๖๙ "จับตาทุกความเคลื่อนไหว เฝ้าฟังทุกคำพูดของผู้คิดร้ายทำลายชาติ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1562
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2569



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 12:44:43 PM »

อยากให้...ได้อ่านบทความ นี้ร่วมกัน

เพื่อรับรู้...ถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

ความเหลื่อมล้ำของมนุษย์...ผู้ซึ่งมองคุณค่าของธรรมชาติแตกต่าง กัน

เป็นงานเก่าที่อ่านเมื่อไร ก็ประทับใจ และสะท้อนใจในขณะเดียวกัน



ในปี 1954 หัวหน้าคนขาวในวอชิงตัน

ได้ยื่นข้อเสนอ เพื่อขอซื้อผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของชนเผ่าอินเดียน

โดยจะจัดเขตสงวน สำหรับชาวอินเดียนแดงไว้ให้โดยเฉพาะ

จดหมายตอบของหัว หน้าเผ่าอินเดียนที่ซีแอตเติ้ล

ณ ที่นี้ ... จดหมายฉบับนี้ได้ถูกนำลงพิมพ์ โดยไม่ถูกตัดทอน

ถือว่าเป็นข้อความ ที่ลึกซึ้ง งดงามที่สุด

ในความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเท่าที่เคยมีมา



..................



พวกท่านอาจซื้อขาย ผืนฟ้าได้หรือไร ?

และความอบอุ่นของ ผืนแผ่นดินนี้เล่า...อาจซื้อขายได้ละหรือ ?

สำหรับพวกเรา แล้ว...

ความคิดเช่นนี้...ช่างเป็นความคิดที่ประหลาดนัก



ใน เมื่อพวกเรามิได้เป็นเจ้าของความสดชื่นของอากาศ

ทั้ง ประกายระยิบระยับของสายน้ำ...ก็มิใช่สมบัติของเรา

เช่น นี้แล้ว...ท่านจะสามารถซื้อมันได้ด้วยหรือ ?



ทุกอณูอนุภาคของผืน พิภพนี้

เป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประชาชนของข้าพเจ้า

ในทุกประกายของใบสน ในทุกเมล็ดของทรายชายฝั่ง

ในทุกเกล็ดหมอกใน ป่าไม้สีดำ ในทุกๆ เสียงร่ำร้องอึงอลของหมู่แมลง

สิ่งเหล่านี้ล้วน ศักดิ์สิทธิ์และสูงค่าในห้วงความทรงจำ และในประสบการณ์ของประชาชนของข้าพเจ้า

น้ำหล่อเลี้ยงซึ่ง ซึมซาบอยู่ในลำต้นไม้ ได้หล่อเลี้ยงความทรงจำของตนเองไว้



ความ ตายของคนขาว...

ทำให้เขาหลงลืมถิ่นที่เกิดของตน เมื่อเขาขึ้นไป เดินอยู่ระหว่างดวงดาว

แต่ ความตายของเรา...

ไม่ได้หลงลืมโลกอันงดงามแห่งนี้ เพราะที่นี้คือ แม่ของคนแดง



เราเป็นส่วนหนึ่ง ของโลก และ โลกก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา

ดอกไม้หอม คือ น้องสาวของเรา

ทั้งกวาง ม้า และอินทรีใหญ่ ต่างก็เป็นพี่น้องของเรา

ทั้งยอดผา น้ำหวานในทุ่งหญ้า ไออุ่นในตัวลูกม้า และในกายมนุษย์

สิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดต่างอยู่ร่วมในครอบครัวเดียวกัน



ดัง นั้น เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งวอชิงตันได้ส่งข่าวมาว่า

เขา ปรารถนาจะซื้อผืนดินของเรา เขาหวังจากเรามากเกินไป

หัว หน้าใหญ่พูดว่า...

จะ สงวนที่แห่งหนึ่งไว้ให้เพื่อเราจะได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบาย

เขาจะ เป็นเหมือนดังบิดา และพวกเราจะเป็นดังบุตรของเขา

ดัง นั้น เราจะพิจารณาข้อเสนอเพื่อขอซื้อผืนดินแห่งนี้

แต่ มันก็คงจะไม่ง่ายนัก เพราะผืนดินแห่งนี้ เราถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์



ผิวน้ำที่ส่อง ประกายซึ่งเคลื่อนไหวแผ่วเบาอยู่ในลำธารและในแม่น้ำ

มันมิได้เป็นเพียง น้ำเท่านั้น … หากแต่เป็นสายเลือดของ บรรพบุรุษ

ถ้าเราขายแผ่นดิน นี้ให้ท่าน ... ท่านจะต้องจดจำไว้เสมอว่า

มันเป็นของ ศักดิ์สิทธิ์ และท่านจะต้องสอนลูกหลานว่า

ประกายสะท้อนของน้ำ ในในทะเลสาบนั้นมีวิญญาณ

และมันได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์และความทรงจำในชีวิตของชนเผ่าของฉัน



แม่ น้ำ คือ พี่ชายของเรา

มัน ช่วยดับกระหาย แม่น้ำช่วยหนุนส่งเรือแคนู และให้ลูกหลานได้ดื่นกิน

เรา ขายผืนดินนี้ให้ท่าน ... ท่านจะต้องจดจำไว้และต้องสอนบุตรหลานของท่านว่า

แม่ น้ำ คือ พี่ชายของเรา และเป็นพี่ของท่านด้วย

ท่าน จะต้องให้ความเคารพและเมตตาแก่แม่น้ำ เหมือนดังที่ท่านให้แก่พี่ชายของตน



เรารู้ว่าพวกคนขาว ไม่เข้าใจวิถีทางของเรา

ผืนแผ่นดินไม่ว่า แห่งนี้ หรือแห่งไหน ก็เป็นเช่นเดียวกันสำหรับเขา

เพราะเขาเป็นเพียง คนแปลกหน้า ผู้ซึ่งมาในยามค่ำคืน

และกอบโกยเอาทุก สิ่งทุกอย่างไปจากผืนดิน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการ



เขา กระทำต่อโลกผู้เป็นแม่ และ ฟ้าซึ่งเป็นพี่

ดัง ประหนึ่ง เป็นสิ่งของซึ่งอาจซื้อขายได้

เขา ปล้นและขายพ่อแม่ เหมือนดังแกะหรือลูกปัดสีเจิดจ้า

ความ ละโมบหื่นกระหายของเขา จะกัดกินทุกสิ่งในโลก

และ เหลือไว้แต่เพียงทะเลทราย และดินแดนที่รกร้างว่างเปล่า



ฉันไม่รู้ได้ เพราะวิถีทางของเรา ต่างจากวิถีทางของท่าน

ภาพของบ้านเมืองคน ขาว ทำให้นัยน์ตาของคนแดงเจ็บปวด

บางทีนี่อาจเป็น เพราะว่า คนแดงเป็นพวกป่าเถื่อน และไม่อาจเข้าใจท่านได้



ไม่มี ที่เงียบสงบสักแห่งเดียวในเมืองของคนขาว

ไม่มี ที่ที่เราจะไปนั่งฟังเสียงใบไม้แตกยอดอ่อน คลี่กางออกในฤดูใบไม้ผลิ

หรือ เสียงถูปีกของแมลง

แต่บางที อาจเป็นเพราะว่า... พวกเราเป็นคนป่า จึงไม่เข้าใจวิถี ทางของท่าน

สำหรับท่าน...เสียงเหล่านั้นมีแต่จะรบกวนระคายหูเท่านั้น

และชีวิตนี้จะมี อะไรหลงเหลืออยู่เล่า

หากคนไม่อาจได้ยิน เสียงร้องเยือกเย็นของนกวิพพัววิล

หรือเสียงระงมของกบ รอบๆ สระน้ำในยามค่ำคืน



ตัว ฉันเป็นคนแดง และ ฉันไม่เข้าใจเลย

พวก เรา “ชาวอินเดียน” ชอบเสียงนุ่มๆ ของลมที่พลิ้วผ่านผิวน้ำในสระ

เรา ชอบกลิ่นลมสะอาด ซึ่งถูกชะล้างโดยฝนเที่ยงวัน

เรา ชอบกลิ่นหอมจางๆ ของป่าสน

อากาศ เป็นสิ่งทรงคุณค่าสำหรับคนแดง

เพราะ ชีวิตทุกชีวิตต่างมีส่วนร่วมในลมหายใจอันเดียวกัน

ไม่ ว่าจะเป็น สัตว์ ต้นไม้ คน ต่างร่วมอยู่ในลมหายใจนั้น



พวกคนขาวคล้ายดั่ง ไม่ได้สำเนียกในอากาศที่คนหายใจเข้าไปเลย

เหมือนดั่งคนที่ตาย ไปแล้วตั้งหลายวัน...ตายจนศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น



แต่ ถ้าหากว่าเราขายผืนดินนี้ให้ท่าน

ท่าน จะต้องจดจำใส่ใจไว้ว่า ... อากาศเป็นสิ่งทรงคุณค่ายิ่งสำหรับเรา

อากาศ นั้นได้แทรกซอนอยู่ในชีวิตจิตใจของสรรพชีวิต ที่มันหล่อเลี้ยงสายลม

ซึ่ง ให้ลมหายใจแรกแก่ปู่... ฝังโอบอุ้มเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ด้วย



และหากเราขายผืน แผ่นดินนี้ให้แก่ท่าน

ท่านจะต้องรักษามัน ไว้ดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์...

เพื่อให้เป็นสถาน ที่ที่แม้แต่คนขาวก็ต้องมาสัมผัสรับรู้ถึงสายลมด้วย

เคารพ ชีวิตที่หล่อเลี้ยงสายลม ซึ่งอบอวลอยู่ด้วยกลิ่น หวานของดอกไม้แห่งท้องทุ่ง



ดัง นั้น เราจะพิจารณาขอเสนอของท่าน เพื่อขอซื้อผืนดินแห่งนี้

ถ้า หากเราตกลงใจยอมรับ เราก็จะขอตั้งเงื่อนไขประการหนึ่ง คือ

พวกคน ขาวจะต้องปฏิบัติต่อสัตว์ป่าทั้งหลายในผืนดินแห่งนี้ ประดุจเช่นพี่ น้องของเขา



ฉันเป็นคนป่า และไม่สู้เข้าใจวิถีทางอื่นๆ นัก

ฉันได้เห็นซากควาย ป่าเน่าเปื่อยผุพังนับพัน นอนเกลื่อนอยู่ในทุ่งกว้าง

ควายป่าเหล่านั้น ถูกยิงโดยคนขาวที่นั่งอยู่ในขบวนรถไฟซึ่งผ่านไปมา

ฉันเป็นเพียงคนป่า และไม่เข้าใจว่า ม้าเหล็กที่ปล่อยควันดำนั้น จะสำคัญกว่าควายป่าได้อย่างไร

ซึ่งเราจะฆ่าก็ เพียงเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น



คนจะ เป็นอย่างไรถ้าปราศจากสัตว์

ถ้า สัตว์ทั้งหมดพากันสูญสิ้นไปจากโลก

คนก็ จะต้องตายด้วยความอ้างว้างจากแก่นของวิญญาณ

เพราะ สิ่งใดก็ตามที่ได้เกิดขึ้นแก่สัตว์...สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นแก่มนุษย์ในไม่ ช้า

ด้วย ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวพันกัน



ท่านจะต้องสั่งสอน บุตรหลานของท่านว่า…

พื้นดินใต้เท้าของ เขานั้น คือ เถ้าถ่านจากร่างกายของบรรพบุรุษของเรา

ดังนั้นเขาจึงต้อง เคารพต่อพื้นดิน



จงบอก ลูกหลานว่า...โลกนี้ ถูกทับถมเนืองแน่นอยู่ด้วยชีวิตของญาติมิตรพี่น้องของเรา

จงสอน ลูกหลานของท่านดังเช่นที่เราสอนลูกหลานของเราว่า…

โลก นี้คือแม่ของเรา สิ่งที่บังเกิดขึ้นแก่โลก ก็ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย

ถ้า มนุษย์ดูแคลนแผ่นดิน ก็เท่ากับได้เหยียบตนเองด้วย



เรารู้ซึ้งถึงสิ่ง นี้... โลกนี้มิใช่ของมนุษย์ คนต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก

สิ่งนี้เรารู้... ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เหมือนดังสายเลือดในครอบครัวเดียวกัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์



สิ่ง ใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย

มนุษย์ ไม่ใช่ผู้สานทอใยแห่งชีวิต เขาเป็นเพียงเส้นใยหนึ่งในนั้น

สิ่ง ใดก็ตามที่เขาทำต่อข่ายใยนั้น ก็เท่ากับทำต่อตนเอง



แม้แต่กับคนขาว...

ซึ่งพระเจ้าทรงลงมา เดินเห็น พูดคุยกับพวกเขาอย่างฉันท์มิตร

ก็จะต้องเผชิญชะตา กรรมร่วมกัน เราอาจเป็นพี่น้องกันได้ แล้วเราจะได้ เห็นความจริง

แต่สิ่งหนึ่งซึ่ง เรารู้และคนขาวจะได้รู้สักวันหนึ่งข้างหน้า

ก็คือ พระเจ้าของเรานั้น คือ พระเจ้าองค์เดียวกัน.



พวก ท่านอาจจะสำคัญผิดว่า ท่านอาจครอบครององค์พระเจ้าไว้เป็นของตน

ดัง เช่นนี้ ท่านปรารถนาจะครอบครองแผ่นดินของเรา

แต่ เชื่อเถิดว่า ท่านไม่มีวันจะทำดังนั้นได้

เพราะ พระองค์ คือ พระเจ้าของมวลมนุษย์

และ พระมหากรุณาของพระองค์ แผ่ปกไปอย่างเท่าเทียมกันเหนือคนแดงและคนขาว



โลกนี้เป็นสมบัติ อันล้ำค่าของพระองค์

และการเอาเปรียบทำ ร้ายโลก ก็คือ การลบหลู่ดูหมิ่นพระผู้สร้าง

เผ่าพันธุ์ของคนขาว ก็เช่นกันจะต้องสูญสิ้นไป บางทีอาจจะรวดเร็วกว่า เผ่าพันธุ์อื่นเสียอีก

หากท่านทำเตียงนอน ให้เปรอะเปื้อนโสโครก ย่อมมีสักคืนหนึ่งที่ท่านจะอึดอัดขัดใจตาย



แต่ใน ความตายของท่านนั้น ท่านกลับทรงศักดายิ่ง

ท่าน ถูกบรรจุด้วยพลังแห่งองค์พระเจ้า ทรงชักนำท่านมาสู่แผ่นดินแห่งนี้

และ ด้วยจุดประสงค์อันลี้ลับบางประการ ที่ได้ให้ท่านมีชัยเหนือดินแดนแห่งนี้

และมี ชัยเหนือคนแดงด้วย



ชะตากรรมนี้เป็น สิ่งลี้ลับสำหรับเรา

ด้วยเราไม่อาจเข้า ใจได้เลย เมื่อแลเห็นควายป่าถูกฆ่าฟันอย่างสนุกมือ

ม้าป่าถูกนำมาฝึกจน เชื่อง และป่าพงรกชัฏอันห่างไกลลี้ลับ กลับแปดเปื้อนเต็มไปด้วยกลิ่นอายมนุษย์

ทัศนียภาพของเนิน เขาที่พืชผลสุกอร่าม กลับระเกะระกะด้วยสายโทรศัพท์

หมู่ไม้ แนวป่าอยู่ที่ไหน ... ล้วนหมดสิ้นไป

นกอินทรีหายไปไหน ... สิ้นสุดพืชพันธุ์แล้วหรือ



นี่คือ จุดจบของสิ่งมีชีวิต และ เป็นจุดเริ่มต้นของการกระเสือกกระสนดิ้นรนต่อสู้.



...................

แปลมาจาก Aborigines

ที่มา : http://gotoknow.org/blog/know-withoutborders/257165
   
บันทึกการเข้า
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 01:31:12 PM »

โลกนี้มิใช่ของมนุษย์ คนต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก

สิ่งนี้เรารู้... ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เหมือนดังสายเลือดในครอบครัวเดียวกัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ ...



อยากให้ความคิดนี้ เกิดขึ้นในใจของผู้ละโมบและบรรดาผู้แก่งแย่ง รุกราน ทั้งหลาย

......  เยี่ยม



บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
ลุมพินี08
Hero Member
*****

คะแนน 167
ออฟไลน์

กระทู้: 1438


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 01:32:12 PM »

      ทุกคนอยากมีชีวิตสุขสบายไร้โรคา ท่านทั้งหลายมาฟังการบรรยายก็มีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน ผมขอถามว่า อายุขัยของคนเราสูงสุดคือเท่าไร บางคนบอกว่าสูงสุด 150 ปี  ต่ำสุด 120 ปี ซึ่งไม่ถูก มนุษย์เรามีระยะเจริญเติบโต 20-25 ปี อายุขัยเป็น 5-7 เท่าของระยะเจริญเติบโต คือต่ำสุด 100 ปี สูงสุด 175 ปี การจะอยู่ถึงร้อยปีไม่ใช่ฝันอีกแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากอยู่ถึงขนาดนั้นหรือไม่
      จะอยู่ร้อยปีก่อนอื่นต้องมีสุขภาพดี แล้วสุขภาพดีมาจากไหน?  มาจากพื้นฐาน 4 ประการในชีวิตประจำวัน  ประการแรก คือภาวะจิตที่สงบสุข ประการที่สอง คือรับโภชนาการที่สมดุล ประการที่สามคือออกกำลังกายพอเหมาะ ประการที่สี่คือนอนหลับเพียงพอ โดยปรกติแล้ว ประการที่สี่ชักจูงให้งดบุหรี่และเหล้า ผมขอแก้เป็นนอนหลับเพียงพอ ดั่งที่โบราณท่านว่า “อดนอนทุกวัน ชีวิตสั้นไป 10 ปี”
พื้นฐานสุขภาพ 4 ประการ ต้องเรียงตามลำดับ สมัยนี้มีบทความมากมายเขียนถึงเรื่องนี้    แต่ถ้าไม่พูดถึงภาวะจิตใจเป็นประการแรก  แสดงว่าผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพ ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว เพราะแพทย์แผนจีนจัดภาวะจิตใจเป็นอันดับหนึ่งในการบำรุงสุขภาพ  กล่าวคือ ภาวะจิตเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม และผลพวงต่างๆ เกิดจากพฤติกรรม มองในแง่สรีระ คนเราอยู่ได้โดยอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลออกใบมรณะบัตร มักจะระบุสาเหตุการตายว่า หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย เป็นต้น ถ้าผู้ป่วยตายด้วยเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แสดงว่าเลือดเข้มข้นสกปรก แต่เลือดฟอกมาจากตับ แสดงว่าตับหมดสมรรถภาพในการฟอกพิษหรือกลั่นกรองเลือดให้บริสุทธิ์   ไหลเวียนไม่คล่องตัว ทำให้อุดตันในเส้นเลือด ผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมาก ก่อนหัวใจวายมักจะบันดาลโทสะซึ่งเป็นสาเหตุทำลายการทำงานของตับด้วย เพราะฉะนั้น โปรดจำไว้ว่า อย่าโมโหโทโสซึ่งไม่ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย นอกจากทำลายร่างกายเท่านั้น ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “หัวเราะสามเวลา ห่างไกลโรคและยา หัวเราะสามเวลา หมอต้องผูกคอลา”  
      ทีนี้มาพูดเรื่องโภชนาการ อักษรจีนต้องเขียนตามลำดับก่อนหลัง ภาษาก็เช่นเดียวกัน เราพูดว่า “ดุลยภาพแห่งโภชนาการ”หมายความว่า ดุลยภาพต้องมาก่อน โภชนาการจึงตามหลังมา WHO เตือนเราว่า คนเราเกิดโรคมาจากสาเหตุ (1) รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม (2) กินอาหารไม่สมดุล หมายรวมถึงมากเกินและขาดแคลน นั่นคือ ไขมันมากเกิน แต่แร่ธาตุและวิตามินขาดแคลน สรุปคือ ไม่รู้จักกิน ทำให้เกิดโรค
      อยากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร คำตอบคือ (1) เพื่อดำรงชีพ (2) เพื่อป้องกันโรค (3) เพื่อรักษาโรค บรรดาโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น ในเมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้ ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกัน  
แพทย์แผนจีนเป็นมรดกตกทอด 5 พันปี ให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค 5 ขั้นตอน
ขั้นตอน 1 รักษาด้วยอาหาร หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 2 กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ บีบนวดและดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 3 ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 4  ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 5 ใช้ยา ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันทีที่คนไข้มาหา เป็นยาย่อมมีพิษ  คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด
Socrates บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน เคยกล่าวเตือนว่า “จงกินอาหารให้เป็นยา อย่ากินยาเป็นอาหาร”จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า“ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา” แต่ทุกวันนี้มันกลับกันหมด
เรากินอาหารวันละ 3 มื้อ กินเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่? เราอยู่ได้เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง 5 พลังงานของอวัยวะได้มาจากการกิน แต่ทุกวันนี้เรากินตามใจและปาก ชอบอะไรก็กินมันทุกวัน อวัยวะทั้ง 5 ก็เหมือนกับคน มีรสนิยมแตกต่างกัน ตับชอบกินสีเขียว หัวใจชอบกินสีแดง ม้ามชอบกินสีเหลือง ปอดชอบกินสีขาว ไตชอบกินสีดำ คำว่าดุลยภาพหมายถึงกินหลากหลายชนิด
      แพทย์แผนจีนใช้วิธีมอง ฟัง ดม ถาม แมะ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ในที่นี้ก็รวมทั้งการมองดูสี ทั้ง 5 บนใบหน้านั่นเอง ตัวอย่างเช่น ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง ม้ามมีปัญหา  สีหน้าจะออกเหลือง คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ ดังที่กล่าวแล้ว ถั่วเขียวเหมาะสำหรับบำรุงตับ เพื่อให้ตับขับพิษออกจากร่างกาย แต่ก็ต้องกินให้ถูกวิธี คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง วิธีที่ถูกคือต้มให้น้ำเดือดประมาณ 5-6 นาทีก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด รินเอาน้ำออกซึ่งจะได้น้ำถั่วเขียวที่มีสีเข้มข้นที่สุด ดื่มแล้วมีสรรพคุณขับพิษสูงสุด จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำต้มต่อจนเละกินเป็นอาหาร หัวใจชอบสีแดงให้กินถั่วแดง ม้ามชอบสีเหลืองให้กินถั่วเหลือง ปอดชอบสีขาวให้กินถั่วขาว ไตชอบสีดำให้กินถั่วดำ ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า“คนเรากินถั่วทั้ง 5 จะสมบูรณ์พูนสุข”โภชนาการแผนจีนก็เน้นว่า“กินไม่พ้นถั่ว”ขอยกตัวอย่างไม่ค่อยสุภาพ ในชนบทเขาใช้ถั่วดำเลี้ยงปศุสัตว์ ทำให้ไตแข็งแรงมีกำลังวังชา สามารถทำงานหนักเตะปี๊บดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุภาพสตรีควรบริโภคถั่วตลอดชีวิต เพราะนอกจากเป็นประโยชน์ต่ออวัยวะทั้ง 5 แล้ว ในถั่วยังมีสารที่กระตุ้นการทำงานของรังไข่
ต่อไปจะพูดถึงรสชาติ เปรี้ยวบำรุงตับ ขมบำรุงหัวใจ หวานบำรุงม้าม เผ็ดบำรุงปอด เค็มบำรุงไต หมายความว่า ต้องกินให้ครบทุกรสชาติอย่างละนิด ให้เกิดสมดุล เช่นรสเปรี้ยวบำรุงตับ กินมากตับพัง จีนเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคตับมาก ในจีนเองต้องยกให้มณฑลซันซีครองแชมป์โรคตับ เพราะคนที่นั่นชอบกินน้ำส้มสายชู รสเผ็ดบำรุงปอด กินมากปอดพังเช่นกัน สถิติกระทรวงสาธารณสุขจีนปีที่แล้วระบุว่า ชาวเสฉวนและชาวหูหนันที่อพยพจากจีนใต้ไปอยู่ภาคเหนือ นำเอานิสัยชอบกินพริกติดตัวไปด้วย นานวันเข้าเป็นโรคมะเร็งในปอดตาม ๆ กัน ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ภาคใต้อากาศชื้น กินเผ็ดป้องกันความชื้นได้ แต่ภาคเหนืออากาศแห้ง กินเผ็ดมากจะทำลายปอด พึงจำไว้ว่า ใครอยู่ถิ่นไหนให้กินของถิ่นนั้น ไม่ใช่ว่ากินของได้ทั่วทุกถิ่น
      กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ ง่ายนิดเดียว มีหลักการจำดังนี้ “สีสัน หยาบ-ละเอียด ดิบ-สุก คาว-เจ”หมายความว่า กินอาหารต้องคละกันหลากสีและรสชาติ หยาบแข็งควบคู่กับละเอียดนิ่ม สุกควบคู่กับดิบ คาวควบคู่กับเจ ขอแนะนำว่า แต่นี้ไปให้กินผักดิบผลไม้สดแต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี เพราะแพทย์แผนจีนถือว่า กินของดิบลดอาการร้อนใน แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า
      สุดท้ายจะพูดถึงยาบำรุง เราไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อยามาบำรุงร่างกาย ผักและผลไม้มีวิตามินสูง ถ้ากินให้ถูกวิธี ก็สามารถดูดซึมวิตามินเพียงพอต่อร่างกาย  สิ่งที่ต้องการคือแคลเซียม ผู้หญิงควรกินแคลเซียมวันละ 3000 มก. ขึ้นไป ผู้ชายกินวันละ 4000 มก. ขึ้นไป พร้อมกับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ คนทั่วไปมักเข้าใจผิด คิดว่าแคลเซียมใช้สำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบ ที่จริงแล้วแคลเซียมช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียน นอกจากนั้น ยังป้องกันเส้นโลหิตแข็งตัว ดังนั้น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรกินแคลเซียมให้เพียงพอ เพื่อให้เส้นโลหิตอ่อนตัว ความดันก็จะลดตาม ยาลดความดันก็ไม่ต้องกินมาก
ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “อยากให้ร่างกายดี กินอาหารถูกวิธี อยากให้สุขภาพเยี่ยม อย่าลืมกินแคลเซียม” อย่าลืม อาหารต้องมาก่อนยา เป็นโรคอย่าพึ่งแต่ยา พึงใช้ยาในยามวิกฤติเท่านั้น ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้ “หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือห้องครัว ยาที่ดีที่สุดคืออาหารมีคุณค่า การรักษาที่ดีที่สุดคือเวลา” หมายความว่า ตัวคุณเองต้องรู้จักรักษาตัวเอง ห้องครัวในบ้านคุณเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ยากับอาหารมีความหมายเดียวกัน กินอาหารให้ถูกต้องก็คือยาที่ดีที่สุด การรักษาต้องต่อเนื่อง ไม่ใช่ทดลองแล้วก็หยุด หรือเปรียบเสมือนใช้อวนจับปลา 3 วัน แล้วก็ตากอวนหยุดจับปลา 2 วัน ต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี
   ท้ายที่สุด ผมขอแนะนำดังนี้
1.   หลังจากฟังคำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี และเป็นการทบทวนในตัว
2.   เขียนข้อความ “ก่อนถึงเก้าสิบเก้า ห้ามเข้า(โลง)เด็ดขาด”ติดไว้หน้าเตียง เพื่อเตือนตัวเองกินให้ถูกวิธี
ก่อนลาจาก ขอให้เราทุกคนตะโกน “ยืนหยัดไม่ไป (ตาย) ก่อนอายุ 99”
บันทึกการเข้า
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 09:45:32 AM »

" แท้ที่จริง สิ่งซึ่งอันตรายและน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าอาวุธชนิดใดๆ ในโลก ก็คือ ‘มนุษย์’

และเมื่อใดที่คุณครอบครองอาวุธในมือด้วยความอหังการ

เมื่อนั้น ย่อมหมายความว่าคุณตกอยู่ใต้อำนาจของมัน ... ตกเป็น ‘ทาส’ ของมันอย่างสิ้นเชิง "

.............  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
ลุมพินี08
Hero Member
*****

คะแนน 167
ออฟไลน์

กระทู้: 1438


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 10:05:09 AM »

สังคมแบบชนบทเขากลัวผี
สังคมเมืองผีไม่กลัวแต่กลัวคน
บันทึกการเข้า
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 03:33:16 PM »

อยากให้...ได้อ่านบทความ นี้ร่วมกัน

เพื่อรับรู้...ถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

ความเหลื่อมล้ำของมนุษย์...ผู้ซึ่งมองคุณค่าของธรรมชาติแตกต่าง กัน

เป็นงานเก่าที่อ่านเมื่อไร ก็ประทับใจ และสะท้อนใจในขณะเดียวกัน



ในปี 1954 หัวหน้าคนขาวในวอชิงตัน

ได้ยื่นข้อเสนอ เพื่อขอซื้อผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของชนเผ่าอินเดียน

โดยจะจัดเขตสงวน สำหรับชาวอินเดียนแดงไว้ให้โดยเฉพาะ

จดหมายตอบของหัว หน้าเผ่าอินเดียนที่ซีแอตเติ้ล

ณ ที่นี้ ... จดหมายฉบับนี้ได้ถูกนำลงพิมพ์ โดยไม่ถูกตัดทอน

ถือว่าเป็นข้อความ ที่ลึกซึ้ง งดงามที่สุด

ในความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเท่าที่เคยมีมา



..................



พวกท่านอาจซื้อขาย ผืนฟ้าได้หรือไร ?

และความอบอุ่นของ ผืนแผ่นดินนี้เล่า...อาจซื้อขายได้ละหรือ ?

สำหรับพวกเรา แล้ว...

ความคิดเช่นนี้...ช่างเป็นความคิดที่ประหลาดนัก



ใน เมื่อพวกเรามิได้เป็นเจ้าของความสดชื่นของอากาศ

ทั้ง ประกายระยิบระยับของสายน้ำ...ก็มิใช่สมบัติของเรา

เช่น นี้แล้ว...ท่านจะสามารถซื้อมันได้ด้วยหรือ ?



ทุกอณูอนุภาคของผืน พิภพนี้

เป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประชาชนของข้าพเจ้า

ในทุกประกายของใบสน ในทุกเมล็ดของทรายชายฝั่ง

ในทุกเกล็ดหมอกใน ป่าไม้สีดำ ในทุกๆ เสียงร่ำร้องอึงอลของหมู่แมลง

สิ่งเหล่านี้ล้วน ศักดิ์สิทธิ์และสูงค่าในห้วงความทรงจำ และในประสบการณ์ของประชาชนของข้าพเจ้า

น้ำหล่อเลี้ยงซึ่ง ซึมซาบอยู่ในลำต้นไม้ ได้หล่อเลี้ยงความทรงจำของตนเองไว้



ความ ตายของคนขาว...

ทำให้เขาหลงลืมถิ่นที่เกิดของตน เมื่อเขาขึ้นไป เดินอยู่ระหว่างดวงดาว

แต่ ความตายของเรา...

ไม่ได้หลงลืมโลกอันงดงามแห่งนี้ เพราะที่นี้คือ แม่ของคนแดง



เราเป็นส่วนหนึ่ง ของโลก และ โลกก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา

ดอกไม้หอม คือ น้องสาวของเรา

ทั้งกวาง ม้า และอินทรีใหญ่ ต่างก็เป็นพี่น้องของเรา

ทั้งยอดผา น้ำหวานในทุ่งหญ้า ไออุ่นในตัวลูกม้า และในกายมนุษย์

สิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดต่างอยู่ร่วมในครอบครัวเดียวกัน



ดัง นั้น เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งวอชิงตันได้ส่งข่าวมาว่า

เขา ปรารถนาจะซื้อผืนดินของเรา เขาหวังจากเรามากเกินไป

หัว หน้าใหญ่พูดว่า...

จะ สงวนที่แห่งหนึ่งไว้ให้เพื่อเราจะได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบาย

เขาจะ เป็นเหมือนดังบิดา และพวกเราจะเป็นดังบุตรของเขา

ดัง นั้น เราจะพิจารณาข้อเสนอเพื่อขอซื้อผืนดินแห่งนี้

แต่ มันก็คงจะไม่ง่ายนัก เพราะผืนดินแห่งนี้ เราถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์



ผิวน้ำที่ส่อง ประกายซึ่งเคลื่อนไหวแผ่วเบาอยู่ในลำธารและในแม่น้ำ

มันมิได้เป็นเพียง น้ำเท่านั้น … หากแต่เป็นสายเลือดของ บรรพบุรุษ

ถ้าเราขายแผ่นดิน นี้ให้ท่าน ... ท่านจะต้องจดจำไว้เสมอว่า

มันเป็นของ ศักดิ์สิทธิ์ และท่านจะต้องสอนลูกหลานว่า

ประกายสะท้อนของน้ำ ในในทะเลสาบนั้นมีวิญญาณ

และมันได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์และความทรงจำในชีวิตของชนเผ่าของฉัน



แม่ น้ำ คือ พี่ชายของเรา

มัน ช่วยดับกระหาย แม่น้ำช่วยหนุนส่งเรือแคนู และให้ลูกหลานได้ดื่นกิน

เรา ขายผืนดินนี้ให้ท่าน ... ท่านจะต้องจดจำไว้และต้องสอนบุตรหลานของท่านว่า

แม่ น้ำ คือ พี่ชายของเรา และเป็นพี่ของท่านด้วย

ท่าน จะต้องให้ความเคารพและเมตตาแก่แม่น้ำ เหมือนดังที่ท่านให้แก่พี่ชายของตน



เรารู้ว่าพวกคนขาว ไม่เข้าใจวิถีทางของเรา

ผืนแผ่นดินไม่ว่า แห่งนี้ หรือแห่งไหน ก็เป็นเช่นเดียวกันสำหรับเขา

เพราะเขาเป็นเพียง คนแปลกหน้า ผู้ซึ่งมาในยามค่ำคืน

และกอบโกยเอาทุก สิ่งทุกอย่างไปจากผืนดิน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการ



เขา กระทำต่อโลกผู้เป็นแม่ และ ฟ้าซึ่งเป็นพี่

ดัง ประหนึ่ง เป็นสิ่งของซึ่งอาจซื้อขายได้

เขา ปล้นและขายพ่อแม่ เหมือนดังแกะหรือลูกปัดสีเจิดจ้า

ความ ละโมบหื่นกระหายของเขา จะกัดกินทุกสิ่งในโลก

และ เหลือไว้แต่เพียงทะเลทราย และดินแดนที่รกร้างว่างเปล่า



ฉันไม่รู้ได้ เพราะวิถีทางของเรา ต่างจากวิถีทางของท่าน

ภาพของบ้านเมืองคน ขาว ทำให้นัยน์ตาของคนแดงเจ็บปวด

บางทีนี่อาจเป็น เพราะว่า คนแดงเป็นพวกป่าเถื่อน และไม่อาจเข้าใจท่านได้



ไม่มี ที่เงียบสงบสักแห่งเดียวในเมืองของคนขาว

ไม่มี ที่ที่เราจะไปนั่งฟังเสียงใบไม้แตกยอดอ่อน คลี่กางออกในฤดูใบไม้ผลิ

หรือ เสียงถูปีกของแมลง

แต่บางที อาจเป็นเพราะว่า... พวกเราเป็นคนป่า จึงไม่เข้าใจวิถี ทางของท่าน

สำหรับท่าน...เสียงเหล่านั้นมีแต่จะรบกวนระคายหูเท่านั้น

และชีวิตนี้จะมี อะไรหลงเหลืออยู่เล่า

หากคนไม่อาจได้ยิน เสียงร้องเยือกเย็นของนกวิพพัววิล

หรือเสียงระงมของกบ รอบๆ สระน้ำในยามค่ำคืน



ตัว ฉันเป็นคนแดง และ ฉันไม่เข้าใจเลย

พวก เรา “ชาวอินเดียน” ชอบเสียงนุ่มๆ ของลมที่พลิ้วผ่านผิวน้ำในสระ

เรา ชอบกลิ่นลมสะอาด ซึ่งถูกชะล้างโดยฝนเที่ยงวัน

เรา ชอบกลิ่นหอมจางๆ ของป่าสน

อากาศ เป็นสิ่งทรงคุณค่าสำหรับคนแดง

เพราะ ชีวิตทุกชีวิตต่างมีส่วนร่วมในลมหายใจอันเดียวกัน

ไม่ ว่าจะเป็น สัตว์ ต้นไม้ คน ต่างร่วมอยู่ในลมหายใจนั้น



พวกคนขาวคล้ายดั่ง ไม่ได้สำเนียกในอากาศที่คนหายใจเข้าไปเลย

เหมือนดั่งคนที่ตาย ไปแล้วตั้งหลายวัน...ตายจนศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น



แต่ ถ้าหากว่าเราขายผืนดินนี้ให้ท่าน

ท่าน จะต้องจดจำใส่ใจไว้ว่า ... อากาศเป็นสิ่งทรงคุณค่ายิ่งสำหรับเรา

อากาศ นั้นได้แทรกซอนอยู่ในชีวิตจิตใจของสรรพชีวิต ที่มันหล่อเลี้ยงสายลม

ซึ่ง ให้ลมหายใจแรกแก่ปู่... ฝังโอบอุ้มเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ด้วย



และหากเราขายผืน แผ่นดินนี้ให้แก่ท่าน

ท่านจะต้องรักษามัน ไว้ดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์...

เพื่อให้เป็นสถาน ที่ที่แม้แต่คนขาวก็ต้องมาสัมผัสรับรู้ถึงสายลมด้วย

เคารพ ชีวิตที่หล่อเลี้ยงสายลม ซึ่งอบอวลอยู่ด้วยกลิ่น หวานของดอกไม้แห่งท้องทุ่ง



ดัง นั้น เราจะพิจารณาขอเสนอของท่าน เพื่อขอซื้อผืนดินแห่งนี้

ถ้า หากเราตกลงใจยอมรับ เราก็จะขอตั้งเงื่อนไขประการหนึ่ง คือ

พวกคน ขาวจะต้องปฏิบัติต่อสัตว์ป่าทั้งหลายในผืนดินแห่งนี้ ประดุจเช่นพี่ น้องของเขา



ฉันเป็นคนป่า และไม่สู้เข้าใจวิถีทางอื่นๆ นัก

ฉันได้เห็นซากควาย ป่าเน่าเปื่อยผุพังนับพัน นอนเกลื่อนอยู่ในทุ่งกว้าง

ควายป่าเหล่านั้น ถูกยิงโดยคนขาวที่นั่งอยู่ในขบวนรถไฟซึ่งผ่านไปมา

ฉันเป็นเพียงคนป่า และไม่เข้าใจว่า ม้าเหล็กที่ปล่อยควันดำนั้น จะสำคัญกว่าควายป่าได้อย่างไร

ซึ่งเราจะฆ่าก็ เพียงเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น



คนจะ เป็นอย่างไรถ้าปราศจากสัตว์

ถ้า สัตว์ทั้งหมดพากันสูญสิ้นไปจากโลก

คนก็ จะต้องตายด้วยความอ้างว้างจากแก่นของวิญญาณ

เพราะ สิ่งใดก็ตามที่ได้เกิดขึ้นแก่สัตว์...สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นแก่มนุษย์ในไม่ ช้า

ด้วย ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวพันกัน



ท่านจะต้องสั่งสอน บุตรหลานของท่านว่า…

พื้นดินใต้เท้าของ เขานั้น คือ เถ้าถ่านจากร่างกายของบรรพบุรุษของเรา

ดังนั้นเขาจึงต้อง เคารพต่อพื้นดิน



จงบอก ลูกหลานว่า...โลกนี้ ถูกทับถมเนืองแน่นอยู่ด้วยชีวิตของญาติมิตรพี่น้องของเรา

จงสอน ลูกหลานของท่านดังเช่นที่เราสอนลูกหลานของเราว่า…

โลก นี้คือแม่ของเรา สิ่งที่บังเกิดขึ้นแก่โลก ก็ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย

ถ้า มนุษย์ดูแคลนแผ่นดิน ก็เท่ากับได้เหยียบตนเองด้วย



เรารู้ซึ้งถึงสิ่ง นี้... โลกนี้มิใช่ของมนุษย์ คนต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก

สิ่งนี้เรารู้... ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เหมือนดังสายเลือดในครอบครัวเดียวกัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์



สิ่ง ใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย

มนุษย์ ไม่ใช่ผู้สานทอใยแห่งชีวิต เขาเป็นเพียงเส้นใยหนึ่งในนั้น

สิ่ง ใดก็ตามที่เขาทำต่อข่ายใยนั้น ก็เท่ากับทำต่อตนเอง



แม้แต่กับคนขาว...

ซึ่งพระเจ้าทรงลงมา เดินเห็น พูดคุยกับพวกเขาอย่างฉันท์มิตร

ก็จะต้องเผชิญชะตา กรรมร่วมกัน เราอาจเป็นพี่น้องกันได้ แล้วเราจะได้ เห็นความจริง

แต่สิ่งหนึ่งซึ่ง เรารู้และคนขาวจะได้รู้สักวันหนึ่งข้างหน้า

ก็คือ พระเจ้าของเรานั้น คือ พระเจ้าองค์เดียวกัน.



พวก ท่านอาจจะสำคัญผิดว่า ท่านอาจครอบครององค์พระเจ้าไว้เป็นของตน

ดัง เช่นนี้ ท่านปรารถนาจะครอบครองแผ่นดินของเรา

แต่ เชื่อเถิดว่า ท่านไม่มีวันจะทำดังนั้นได้

เพราะ พระองค์ คือ พระเจ้าของมวลมนุษย์

และ พระมหากรุณาของพระองค์ แผ่ปกไปอย่างเท่าเทียมกันเหนือคนแดงและคนขาว



โลกนี้เป็นสมบัติ อันล้ำค่าของพระองค์

และการเอาเปรียบทำ ร้ายโลก ก็คือ การลบหลู่ดูหมิ่นพระผู้สร้าง

เผ่าพันธุ์ของคนขาว ก็เช่นกันจะต้องสูญสิ้นไป บางทีอาจจะรวดเร็วกว่า เผ่าพันธุ์อื่นเสียอีก

หากท่านทำเตียงนอน ให้เปรอะเปื้อนโสโครก ย่อมมีสักคืนหนึ่งที่ท่านจะอึดอัดขัดใจตาย



แต่ใน ความตายของท่านนั้น ท่านกลับทรงศักดายิ่ง

ท่าน ถูกบรรจุด้วยพลังแห่งองค์พระเจ้า ทรงชักนำท่านมาสู่แผ่นดินแห่งนี้

และ ด้วยจุดประสงค์อันลี้ลับบางประการ ที่ได้ให้ท่านมีชัยเหนือดินแดนแห่งนี้

และมี ชัยเหนือคนแดงด้วย



ชะตากรรมนี้เป็น สิ่งลี้ลับสำหรับเรา

ด้วยเราไม่อาจเข้า ใจได้เลย เมื่อแลเห็นควายป่าถูกฆ่าฟันอย่างสนุกมือ

ม้าป่าถูกนำมาฝึกจน เชื่อง และป่าพงรกชัฏอันห่างไกลลี้ลับ กลับแปดเปื้อนเต็มไปด้วยกลิ่นอายมนุษย์

ทัศนียภาพของเนิน เขาที่พืชผลสุกอร่าม กลับระเกะระกะด้วยสายโทรศัพท์

หมู่ไม้ แนวป่าอยู่ที่ไหน ... ล้วนหมดสิ้นไป

นกอินทรีหายไปไหน ... สิ้นสุดพืชพันธุ์แล้วหรือ



นี่คือ จุดจบของสิ่งมีชีวิต และ เป็นจุดเริ่มต้นของการกระเสือกกระสนดิ้นรนต่อสู้.



...................

แปลมาจาก Aborigines

ที่มา : http://gotoknow.org/blog/know-withoutborders/257165
   



เคยผ่านตาจากหนังสือเล่มหนึ่ง ....อันยั่งยืน (ลืมชื่อหนังสือ)
ผู้เขียน จดหมายฉบับนี้ คือหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงชื่อ ซีแอตเติ้ล


ค.ศ. 1855 จดหมายถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ President Franklin Pierce ,

Seattle wrote, “How can you buy or sell the sky – the warmth of the land? The idea is strange to us. Yet we do not own the freshness of the air or the sparkle of the water. How can you buy them from us?…Every shining pine needle, every sandy shore, every mist in the dark woods, every clearing, and every humming insect is holy in the memory and experience of my people….And what is there to life if a man cannot hear the lovely cry of the whippoorwill or the arguments of the frogs around a pond at night? The Indian prefers the soft sound of the wind itself cleansed by a mid-day rain, or scented by a pinõn pine: The air is precious to the redman…

พวกท่านอาจซื้อขาย ผืนฟ้าได้หรือไร ?

และความอบอุ่นของ ผืนแผ่นดินนี้เล่า...อาจซื้อขายได้ละหรือ ?

สำหรับพวกเรา แล้ว...

ความคิดเช่นนี้...ช่างเป็นความคิดที่ประหลาดนัก



ใน เมื่อพวกเรามิได้เป็นเจ้าของความสดชื่นของอากาศ

ทั้ง ประกายระยิบระยับของสายน้ำ...ก็มิใช่สมบัติของเรา

เช่น นี้แล้ว...ท่านจะสามารถซื้อมันได้ด้วยหรือ ?



ทุกอณูอนุภาคของผืน พิภพนี้

เป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประชาชนของข้าพเจ้า

ในทุกประกายของใบสน ในทุกเมล็ดของทรายชายฝั่ง

ในทุกเกล็ดหมอกใน ป่าไม้สีดำ ในทุกๆ เสียงร่ำร้องอึงอลของหมู่แมลง

สิ่งเหล่านี้ล้วน ศักดิ์สิทธิ์และสูงค่าในห้วงความทรงจำ และในประสบการณ์ของประชาชนของข้าพเจ้า

น้ำหล่อเลี้ยงซึ่ง ซึมซาบอยู่ในลำต้นไม้ ได้หล่อเลี้ยงความทรงจำของตนเองไว้



ความ ตายของคนขาว...

ทำให้เขาหลงลืมถิ่นที่เกิดของตน เมื่อเขาขึ้นไป เดินอยู่ระหว่างดวงดาว

แต่ ความตายของเรา...

ไม่ได้หลงลืมโลกอันงดงามแห่งนี้ เพราะที่นี้คือ แม่ของคนแดง

ทุกถ้อยคำในจดหมายได้ทำให้ ปธน.สหรัฐฯ ในยุคนั้น รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง
ชื่อเมือง ซีแอตเติ้ล  ได้ถูกตั้งชื่อ เพื่อเป็นเกียรติแด่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงที่ชื่อ ซีแอตเติ้ล 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2010, 04:19:52 PM โดย ซิกสุราษฎร์ ::: รักในหลวง » บันทึกการเข้า
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 05:45:19 PM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2010, 06:36:03 PM »

อยากให้...ได้อ่านบทความ นี้ร่วมกัน

เพื่อรับรู้...ถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

ความเหลื่อมล้ำของมนุษย์...ผู้ซึ่งมองคุณค่าของธรรมชาติแตกต่าง กัน

เป็นงานเก่าที่อ่านเมื่อไร ก็ประทับใจ และสะท้อนใจในขณะเดียวกัน



ในปี 1954 หัวหน้าคนขาวในวอชิงตัน

ได้ยื่นข้อเสนอ เพื่อขอซื้อผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของชนเผ่าอินเดียน

โดยจะจัดเขตสงวน สำหรับชาวอินเดียนแดงไว้ให้โดยเฉพาะ

จดหมายตอบของหัว หน้าเผ่าอินเดียนที่ซีแอตเติ้ล

ณ ที่นี้ ... จดหมายฉบับนี้ได้ถูกนำลงพิมพ์ โดยไม่ถูกตัดทอน

ถือว่าเป็นข้อความ ที่ลึกซึ้ง งดงามที่สุด

ในความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเท่าที่เคยมีมา



..................



พวกท่านอาจซื้อขาย ผืนฟ้าได้หรือไร ?

และความอบอุ่นของ ผืนแผ่นดินนี้เล่า...อาจซื้อขายได้ละหรือ ?

สำหรับพวกเรา แล้ว...

ความคิดเช่นนี้...ช่างเป็นความคิดที่ประหลาดนัก



ใน เมื่อพวกเรามิได้เป็นเจ้าของความสดชื่นของอากาศ

ทั้ง ประกายระยิบระยับของสายน้ำ...ก็มิใช่สมบัติของเรา

เช่น นี้แล้ว...ท่านจะสามารถซื้อมันได้ด้วยหรือ ?



ทุกอณูอนุภาคของผืน พิภพนี้

เป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประชาชนของข้าพเจ้า

ในทุกประกายของใบสน ในทุกเมล็ดของทรายชายฝั่ง

ในทุกเกล็ดหมอกใน ป่าไม้สีดำ ในทุกๆ เสียงร่ำร้องอึงอลของหมู่แมลง

สิ่งเหล่านี้ล้วน ศักดิ์สิทธิ์และสูงค่าในห้วงความทรงจำ และในประสบการณ์ของประชาชนของข้าพเจ้า

น้ำหล่อเลี้ยงซึ่ง ซึมซาบอยู่ในลำต้นไม้ ได้หล่อเลี้ยงความทรงจำของตนเองไว้



ความ ตายของคนขาว...

ทำให้เขาหลงลืมถิ่นที่เกิดของตน เมื่อเขาขึ้นไป เดินอยู่ระหว่างดวงดาว

แต่ ความตายของเรา...

ไม่ได้หลงลืมโลกอันงดงามแห่งนี้ เพราะที่นี้คือ แม่ของคนแดง



เราเป็นส่วนหนึ่ง ของโลก และ โลกก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา

ดอกไม้หอม คือ น้องสาวของเรา

ทั้งกวาง ม้า และอินทรีใหญ่ ต่างก็เป็นพี่น้องของเรา

ทั้งยอดผา น้ำหวานในทุ่งหญ้า ไออุ่นในตัวลูกม้า และในกายมนุษย์

สิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดต่างอยู่ร่วมในครอบครัวเดียวกัน



ดัง นั้น เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งวอชิงตันได้ส่งข่าวมาว่า

เขา ปรารถนาจะซื้อผืนดินของเรา เขาหวังจากเรามากเกินไป

หัว หน้าใหญ่พูดว่า...

จะ สงวนที่แห่งหนึ่งไว้ให้เพื่อเราจะได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบาย

เขาจะ เป็นเหมือนดังบิดา และพวกเราจะเป็นดังบุตรของเขา

ดัง นั้น เราจะพิจารณาข้อเสนอเพื่อขอซื้อผืนดินแห่งนี้

แต่ มันก็คงจะไม่ง่ายนัก เพราะผืนดินแห่งนี้ เราถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์



ผิวน้ำที่ส่อง ประกายซึ่งเคลื่อนไหวแผ่วเบาอยู่ในลำธารและในแม่น้ำ

มันมิได้เป็นเพียง น้ำเท่านั้น … หากแต่เป็นสายเลือดของ บรรพบุรุษ

ถ้าเราขายแผ่นดิน นี้ให้ท่าน ... ท่านจะต้องจดจำไว้เสมอว่า

มันเป็นของ ศักดิ์สิทธิ์ และท่านจะต้องสอนลูกหลานว่า

ประกายสะท้อนของน้ำ ในในทะเลสาบนั้นมีวิญญาณ

และมันได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์และความทรงจำในชีวิตของชนเผ่าของฉัน



แม่ น้ำ คือ พี่ชายของเรา

มัน ช่วยดับกระหาย แม่น้ำช่วยหนุนส่งเรือแคนู และให้ลูกหลานได้ดื่นกิน

เรา ขายผืนดินนี้ให้ท่าน ... ท่านจะต้องจดจำไว้และต้องสอนบุตรหลานของท่านว่า

แม่ น้ำ คือ พี่ชายของเรา และเป็นพี่ของท่านด้วย

ท่าน จะต้องให้ความเคารพและเมตตาแก่แม่น้ำ เหมือนดังที่ท่านให้แก่พี่ชายของตน



เรารู้ว่าพวกคนขาว ไม่เข้าใจวิถีทางของเรา

ผืนแผ่นดินไม่ว่า แห่งนี้ หรือแห่งไหน ก็เป็นเช่นเดียวกันสำหรับเขา

เพราะเขาเป็นเพียง คนแปลกหน้า ผู้ซึ่งมาในยามค่ำคืน

และกอบโกยเอาทุก สิ่งทุกอย่างไปจากผืนดิน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการ



เขา กระทำต่อโลกผู้เป็นแม่ และ ฟ้าซึ่งเป็นพี่

ดัง ประหนึ่ง เป็นสิ่งของซึ่งอาจซื้อขายได้

เขา ปล้นและขายพ่อแม่ เหมือนดังแกะหรือลูกปัดสีเจิดจ้า

ความ ละโมบหื่นกระหายของเขา จะกัดกินทุกสิ่งในโลก

และ เหลือไว้แต่เพียงทะเลทราย และดินแดนที่รกร้างว่างเปล่า



ฉันไม่รู้ได้ เพราะวิถีทางของเรา ต่างจากวิถีทางของท่าน

ภาพของบ้านเมืองคน ขาว ทำให้นัยน์ตาของคนแดงเจ็บปวด

บางทีนี่อาจเป็น เพราะว่า คนแดงเป็นพวกป่าเถื่อน และไม่อาจเข้าใจท่านได้



ไม่มี ที่เงียบสงบสักแห่งเดียวในเมืองของคนขาว

ไม่มี ที่ที่เราจะไปนั่งฟังเสียงใบไม้แตกยอดอ่อน คลี่กางออกในฤดูใบไม้ผลิ

หรือ เสียงถูปีกของแมลง

แต่บางที อาจเป็นเพราะว่า... พวกเราเป็นคนป่า จึงไม่เข้าใจวิถี ทางของท่าน

สำหรับท่าน...เสียงเหล่านั้นมีแต่จะรบกวนระคายหูเท่านั้น

และชีวิตนี้จะมี อะไรหลงเหลืออยู่เล่า

หากคนไม่อาจได้ยิน เสียงร้องเยือกเย็นของนกวิพพัววิล

หรือเสียงระงมของกบ รอบๆ สระน้ำในยามค่ำคืน



ตัว ฉันเป็นคนแดง และ ฉันไม่เข้าใจเลย

พวก เรา “ชาวอินเดียน” ชอบเสียงนุ่มๆ ของลมที่พลิ้วผ่านผิวน้ำในสระ

เรา ชอบกลิ่นลมสะอาด ซึ่งถูกชะล้างโดยฝนเที่ยงวัน

เรา ชอบกลิ่นหอมจางๆ ของป่าสน

อากาศ เป็นสิ่งทรงคุณค่าสำหรับคนแดง

เพราะ ชีวิตทุกชีวิตต่างมีส่วนร่วมในลมหายใจอันเดียวกัน

ไม่ ว่าจะเป็น สัตว์ ต้นไม้ คน ต่างร่วมอยู่ในลมหายใจนั้น



พวกคนขาวคล้ายดั่ง ไม่ได้สำเนียกในอากาศที่คนหายใจเข้าไปเลย

เหมือนดั่งคนที่ตาย ไปแล้วตั้งหลายวัน...ตายจนศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น



แต่ ถ้าหากว่าเราขายผืนดินนี้ให้ท่าน

ท่าน จะต้องจดจำใส่ใจไว้ว่า ... อากาศเป็นสิ่งทรงคุณค่ายิ่งสำหรับเรา

อากาศ นั้นได้แทรกซอนอยู่ในชีวิตจิตใจของสรรพชีวิต ที่มันหล่อเลี้ยงสายลม

ซึ่ง ให้ลมหายใจแรกแก่ปู่... ฝังโอบอุ้มเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ด้วย



และหากเราขายผืน แผ่นดินนี้ให้แก่ท่าน

ท่านจะต้องรักษามัน ไว้ดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์...

เพื่อให้เป็นสถาน ที่ที่แม้แต่คนขาวก็ต้องมาสัมผัสรับรู้ถึงสายลมด้วย

เคารพ ชีวิตที่หล่อเลี้ยงสายลม ซึ่งอบอวลอยู่ด้วยกลิ่น หวานของดอกไม้แห่งท้องทุ่ง



ดัง นั้น เราจะพิจารณาขอเสนอของท่าน เพื่อขอซื้อผืนดินแห่งนี้

ถ้า หากเราตกลงใจยอมรับ เราก็จะขอตั้งเงื่อนไขประการหนึ่ง คือ

พวกคน ขาวจะต้องปฏิบัติต่อสัตว์ป่าทั้งหลายในผืนดินแห่งนี้ ประดุจเช่นพี่ น้องของเขา



ฉันเป็นคนป่า และไม่สู้เข้าใจวิถีทางอื่นๆ นัก

ฉันได้เห็นซากควาย ป่าเน่าเปื่อยผุพังนับพัน นอนเกลื่อนอยู่ในทุ่งกว้าง

ควายป่าเหล่านั้น ถูกยิงโดยคนขาวที่นั่งอยู่ในขบวนรถไฟซึ่งผ่านไปมา

ฉันเป็นเพียงคนป่า และไม่เข้าใจว่า ม้าเหล็กที่ปล่อยควันดำนั้น จะสำคัญกว่าควายป่าได้อย่างไร

ซึ่งเราจะฆ่าก็ เพียงเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น



คนจะ เป็นอย่างไรถ้าปราศจากสัตว์

ถ้า สัตว์ทั้งหมดพากันสูญสิ้นไปจากโลก

คนก็ จะต้องตายด้วยความอ้างว้างจากแก่นของวิญญาณ

เพราะ สิ่งใดก็ตามที่ได้เกิดขึ้นแก่สัตว์...สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นแก่มนุษย์ในไม่ ช้า

ด้วย ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวพันกัน



ท่านจะต้องสั่งสอน บุตรหลานของท่านว่า…

พื้นดินใต้เท้าของ เขานั้น คือ เถ้าถ่านจากร่างกายของบรรพบุรุษของเรา

ดังนั้นเขาจึงต้อง เคารพต่อพื้นดิน



จงบอก ลูกหลานว่า...โลกนี้ ถูกทับถมเนืองแน่นอยู่ด้วยชีวิตของญาติมิตรพี่น้องของเรา

จงสอน ลูกหลานของท่านดังเช่นที่เราสอนลูกหลานของเราว่า…

โลก นี้คือแม่ของเรา สิ่งที่บังเกิดขึ้นแก่โลก ก็ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย

ถ้า มนุษย์ดูแคลนแผ่นดิน ก็เท่ากับได้เหยียบตนเองด้วย



เรารู้ซึ้งถึงสิ่ง นี้... โลกนี้มิใช่ของมนุษย์ คนต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก

สิ่งนี้เรารู้... ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เหมือนดังสายเลือดในครอบครัวเดียวกัน

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์



สิ่ง ใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย

มนุษย์ ไม่ใช่ผู้สานทอใยแห่งชีวิต เขาเป็นเพียงเส้นใยหนึ่งในนั้น

สิ่ง ใดก็ตามที่เขาทำต่อข่ายใยนั้น ก็เท่ากับทำต่อตนเอง



แม้แต่กับคนขาว...

ซึ่งพระเจ้าทรงลงมา เดินเห็น พูดคุยกับพวกเขาอย่างฉันท์มิตร

ก็จะต้องเผชิญชะตา กรรมร่วมกัน เราอาจเป็นพี่น้องกันได้ แล้วเราจะได้ เห็นความจริง

แต่สิ่งหนึ่งซึ่ง เรารู้และคนขาวจะได้รู้สักวันหนึ่งข้างหน้า

ก็คือ พระเจ้าของเรานั้น คือ พระเจ้าองค์เดียวกัน.



พวก ท่านอาจจะสำคัญผิดว่า ท่านอาจครอบครององค์พระเจ้าไว้เป็นของตน

ดัง เช่นนี้ ท่านปรารถนาจะครอบครองแผ่นดินของเรา

แต่ เชื่อเถิดว่า ท่านไม่มีวันจะทำดังนั้นได้

เพราะ พระองค์ คือ พระเจ้าของมวลมนุษย์

และ พระมหากรุณาของพระองค์ แผ่ปกไปอย่างเท่าเทียมกันเหนือคนแดงและคนขาว



โลกนี้เป็นสมบัติ อันล้ำค่าของพระองค์

และการเอาเปรียบทำ ร้ายโลก ก็คือ การลบหลู่ดูหมิ่นพระผู้สร้าง

เผ่าพันธุ์ของคนขาว ก็เช่นกันจะต้องสูญสิ้นไป บางทีอาจจะรวดเร็วกว่า เผ่าพันธุ์อื่นเสียอีก

หากท่านทำเตียงนอน ให้เปรอะเปื้อนโสโครก ย่อมมีสักคืนหนึ่งที่ท่านจะอึดอัดขัดใจตาย



แต่ใน ความตายของท่านนั้น ท่านกลับทรงศักดายิ่ง

ท่าน ถูกบรรจุด้วยพลังแห่งองค์พระเจ้า ทรงชักนำท่านมาสู่แผ่นดินแห่งนี้

และ ด้วยจุดประสงค์อันลี้ลับบางประการ ที่ได้ให้ท่านมีชัยเหนือดินแดนแห่งนี้

และมี ชัยเหนือคนแดงด้วย



ชะตากรรมนี้เป็น สิ่งลี้ลับสำหรับเรา

ด้วยเราไม่อาจเข้า ใจได้เลย เมื่อแลเห็นควายป่าถูกฆ่าฟันอย่างสนุกมือ

ม้าป่าถูกนำมาฝึกจน เชื่อง และป่าพงรกชัฏอันห่างไกลลี้ลับ กลับแปดเปื้อนเต็มไปด้วยกลิ่นอายมนุษย์

ทัศนียภาพของเนิน เขาที่พืชผลสุกอร่าม กลับระเกะระกะด้วยสายโทรศัพท์

หมู่ไม้ แนวป่าอยู่ที่ไหน ... ล้วนหมดสิ้นไป

นกอินทรีหายไปไหน ... สิ้นสุดพืชพันธุ์แล้วหรือ



นี่คือ จุดจบของสิ่งมีชีวิต และ เป็นจุดเริ่มต้นของการกระเสือกกระสนดิ้นรนต่อสู้.



...................

แปลมาจาก Aborigines

ที่มา : http://gotoknow.org/blog/know-withoutborders/257165
   

ขอบคุณครับผม  ไหว้
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.125 วินาที กับ 21 คำสั่ง