ขออนุญาต..สอบถาม ข้อสงสัยจาก..อาจารย์ ดร. ธนาสิทธิ์ ครับ
ที่เมืองไทย ณ.เวลานี้ปืน Steyr ได้รับการนิยมมาก ครับ ผมได้เห็นจากรูปภาพของอาจารย์ ว่ามีและใช้ปืน Steyr กับ EV2 อีกด้วย...ผมจึงใคร่ขอรบกวนอาจารย์..ในฐานะที่เคยใช้ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้...ช่วยแนะนำ(แบบชัดๆ)ข้อดีและข้อด้อย..ระหว่างปืนอัดลมเบอร์ 1 Steyr-LG 110 FT กับ EV2 MK 4 จักขอบคุณยิ่ง ครับ
ถ้าจะดูจากสถิติในการแข่งขันทั่วไปแล้ว Steyr-LG 110 FT จะกินขาด แต่อาจจะมีบางชมรมในประเทศอังกฤษที่ใช้ EV2 MK 4 มากกว่า ออสเตรียทำปืนลมแบบอุตสาหกรรม คือมีโรงงานเป็นเรื่องเป็นราว ในขณะที่อังกฤษนั้น มักจะเป็นแบบครัวเรือน ทำจากห้องเล็ก ๆ หลังบ้านเสียส่วนใหญ่ ปัญหาก็คือ การออกแบบของอังกฤษ จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของอุปกรณ์ที่จะใช้ทำอันมีจำกัด ในขณะที่ออสเตรียสามารถออกแบบได้ตามใจฉัน เพราะมีเครื่องมือพร้อม ต่อมาการควบคุมคุณภาพสำหรับงานเล็ก ๆ จำนวนน้อย ๆ แบบ hand made ของอังกฤษ จึงไม่มีประสิทธิภาพพอ Air Arms ได้พยายามคิดนอกกรอบ โดยทำ EV2 ขึ้นมาพร้อมด้วยของเล่นต่าง ๆ อาทิ ป้ายตั้งระยะกล้อง, แกนผูกสายวัดทิศทางลม, มาตรน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ รุ่นแรกยังใช้ด้ามไม้พ่นสีเทาให้เข้ากับส่วนอื่นของตัวปืน ตอนผมได้มาเป็นแบบ 12 ft-lb ผมทดสอบดูพบว่า balance ไม่ดี และผมเองจะใช้แต่ปืนแรงสูงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นผมเกิดอยากท้าทายตัวเองว่า จะทำได้ดีขนาดไหนในการแข่งขัน FT โดยใช้ปืนกำลังต่ำ ผมพบว่า ผมมีปัญหาในการปรับกล้องสำหรับระยะต่าง ๆ มาก จึงตัดสินใจ เปลี่ยนถังลมเป็น ไทเทเนี่ยมขนาดยาวขึ้นและ regulator ใหม่ โดยเอาของ Joe Korrick (คน ๆ นี้ทำ regulator ให้กับปืนต่าง ๆ มากมาย แต่หลายท่านอาจไม่รู้ ถือได้ว่า เขาคือ เจ้าพ่อ reg เลยก็ว่าได้) ผมและโจได้คุยกันถึงเรื่องว่าจะเปลี่ยนลำกล้องให้ยาวขึ้น แต่สรุปออกมาว่า ไม่เหมาะ ด้วยเหตุผลที่ว่าลำกล้อง EV2 เป็นระบบ free floating แต่ บริเวณฐานหรือโคนลำกล้อง ตัวยึดมีความลึกน้อยเกินไป ถ้าใส่ลำกล้องยาวจะไม่มั่นคง จากนั้นผมก็ยังพบว่า ปืนกระบอกนี้ยัง "หน้าเบา" จึงให้ AZ ทำน้ำหนักถ่วงด้านหน้า โดยผมเป็นคนออกแบบแกนยึดกับฝาครอบถังลมและกำหนด ขนาดและน้ำหนักของตุ้มทั้ง 3
สำหรับเจ้า Steyr-LG 100 นั้น ตอนผมซื้อมาเป็นแบบ 10 เมตร ผมจึงต้องเปลี่ยน regulator และก็เลยเปลี่ยนลำกล้องด้วย ตามที่เคยเล่าให้ฟังกันแล้ว ผมพบว่า Steyr-LG 100 นั้น ยิงง่าย ใช้สะดวก balance ดี น้ำหนักพอเหมาะ ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ก็ทำคะแนนได้ดี สร้างความมั่นใจให้กับคนยิงได้สูง
ระบบไกของทั้งคู่นั้น ผมคิดว่าของ Steyr คมกว่า ณ.จุดปล่อย และมี log time ต่ำกว่า (คือเวลานับจากจุดปล่อยของไก ถึงจุดที่วาล์วปล่อยลม หรือกระสุนเริ่มออกตัว) ผลก็คือ movement ตอนกระสุนออกจากลำกล้องของ Steyr จะน้อยกว่า ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ผมได้ทำการ modify flip compensator ของ EV2 และใส่ตุ้มถ่วงหน้าแล้ว แต่ผมยังรู้สึกการกระตุกอยู่
พานท้ายและประทับแก้ม ถ้าปรับจนเข้าที่แล้ว ผมก็พบว่า Steyr รู้สึกเป็นธรรมชาติกว่า ถึงแม้ว่าด้ามจับของ EV2 จะมี palm shelf แต่ก็ไม่ช่วยได้มาก ไม่เหมือนกับในปืนสั้น EV2 MK IV ได้ปรับปรุงใหม่เฉพาะภายนอก โดยการใช้ laminated stock และ ball joint ทั้งของ cheek piece และ butt hook ซึ่งโดยส่วนตัว ผมพบว่ามีส่วนน้อยกับการเพิ่มความแม่นยำ
ปืนทั้งคู่ต่างพบปัญหาความแม่นยำ หลังจากใช้ไปได้สักระยะ อันเกิดจากสาเหตุ 2 ประการคือ ตัว regulator มีปัญหา หรือลำกล้องเริ่มสกปรก ประการหลังแก้ไขได้ไม่ยาก แต่ประการแรกนั้น ก็ยังมีสาเหตุหลายประการ คือ การเก็บปืน บางท่านเก็บไว้ท้ายรถ เจออากาศร้อนบ้าง หนาวบ้าง ลูกยางไม่ชอบ เหตุผลต่อมาคือ อากาศที่ใช้เติม (อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงว่า อากาศไม่ไดี ต้องขับรถไปเติมลมที่ชายหาดนะครับ) คือความชื้น โดยเฉพาะท่านที่ใช้ปั้มมือและไม่ได้เช็คตัวดูดความชื้น ส่วนถังดำน้ำก็เป็นไปได้ที่ อุปกรณ์ที่ร้านใช้เติม ตัวกันชื้นเก่าหรือทำงานไม่ดี
พออ่านมาถึงตรงนี้ ท่านที่ใจแอบรักเจ้า EV2 อาจจะเกิดแหยง ๆ ผมก็ขอยืนยันว่า ปืนระดับนี้แล้ว ถ้าเราทำความคุ้นเคยกับมัน ปรับแต่ง ดูแลอย่างถูกต้อง เราก็จะใช้มันได้อย่างมีความสุข ส่วนการที่จะใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ผมก็ยืนยันว่า Steyr จะพาท่านไปหยิบฉวยถ้วยรางวัลได้เร็วกว่าเจ้า EV2 เพราะเขาจะให้ความมั่นใจกับเราได้ดีกว่า แต่เชื่อหรือไม่ว่า เจ้าอุปกรณ์ภายนอกสารพัดที่ EV2 เสนอให้นั้น ทำให้เจ้าของบางคนรู็สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ และได้ใช้มันเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเองได้เช่นกัน
ท้ายนี้ผมขอสรุปว่า in stock form หรือ ถ้าจะเปรียบกันโดยไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับปืน 2 กระบอกนี้ Steyr ก็ยังมีภาษีกว่า เพราะพูดได้ว่า ไม่มีจุดด้อยเลยครับ
