น่าคิดครับ
ผมอยุ่ 3 จังหวัด เคยคิดทางหนีที่ไล่ เผื่อกรณีย์เกิดเหตุไม่คาดฝัน ปกติผู้ไม่หวังดีใช้มอเตอร์ไซค์ ก็เคยคิด ว่าหากเราสังเกตุเห็นมอเตอร์ไซค์ขับตามและขับเบียดมาทางเรา เราน่าจะ หักรถเบียด หรือเร่งเครืองชนให้รุ้ดำรุ้แดงไปข้างหนึ่ง แต่ ที่ 3 จังหวัดหากเราตอบโต้ผู้ก่อการร้ายได้ หนทางพ้นคดีมีสูง
แต่ที่นี่ (ทีเดียวกับที่เกิดเหตุน้องโตมี่) หากสมมุติว่าเราหักรถเบียด หรือขับรถพุ่งชน แล้ว คุณโจ้ก กับคุณจิบ ท่านล้มไปข้าทาง ข้าแข้งท่านถลอกหรือหักบ้่าง รถเราก็ไปไม่ได้ไกล และเมือเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ เราจะกลายเป็นผู้ร้ายทันที ข้อหาพยามฆ่า ทำไมเหรอครับ เพราะคุณโจ้ก กับคุณจิบ ท่านเส้นใหญ่ ครับ ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริง ไม่รอดมาถึงป่านี้หรอกครับ มี คดีตั้งหลายคดี ไม่มีทางหรอกครับที่ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่มีข้อมูล ของท่านทั้งสอง
แต่ ท่านทั้งสอง เหิมเกริม ชะล่าใจ ก่อคดีโจ่งแจ้งเกินไป เพราะมั่นใจว่า คงไม่มีทางตามได้ หรือ มี้คนคุ้มกลาหัวอยู่ ครับ
หลักทั่วไปมันมีอยู่ว่าต้อง"ประเมิน"ก่อนครับ ว่าเป็นคนดีขี้โมโห หรือคนร้าย, ตรงนี้สำคัญ เพราะคนดีจะขึ้นโรงพักแจ้งความ แต่คนร้ายมันจะไม่ขึ้นโรงพัก... สมมติว่ารถล้มแข้งขาถลอกปอกเปิก คิดในแง่ว่าหากมันเป็นคนร้าย ลายมันคงออกตั้งแต่มัน"โดน"แล้วครับ ไม่ไม่รอตำรวจหรอก...
สมมติว่ามันรถล้มแล้วมันไม่หมดสติ คิดว่ามันจะทำยังไงครับ... มันจะยิงใส่เราแน่ๆ...
ดังนั้นต้องประเมินครับ... ประเมินจากเวลาวิกาล จากลักษณะแต่งตัว จากพฤติกรรม วาบไฟสูงใส่(ด่า)แล้วขี่มอร์ไซค์ไล่ตามจี้... เพราะคนปรกติขับรถทางไกลบนทางหลวง(โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวยิ่งต้องระวัง) เขาจะไม่มีเรื่องง่ายๆ ไม่ตามเกาะติดใครง่ายๆครับ, เพราะใครๆก็รู้ว่าอาจ"โดนก่อน"ได้ทั้งนั้น หากทำให้คนอื่นเข้าใจผิด...