สมัยเด็ก"ทองมา"ช่วยพ่อขายกระเพาะปลาที่เมืองชล
กระเพาะปลาของพ่อ จะต้องซื้อมาจากเยาวราช
ไม่มีการใช้หนังหมูทอดมาหั่นผสมเพื่อลดต้นทุน
ไก่ที่ต้มก็ใช้"ไก่บ้านตัวเมีย"
"ทองมา"เคยถามพ่อว่าทำไมไม่ใช่"ไก่เลี้ยง"หรือ"ไก่บ้านตัวผู้"ที่ราคาถูกกว่า
และทำไมต้องขายชามละ 50 สตางค์ ไม่ขายราคา 1 บาทเหมือนที่"อา"ของเขาขาย
คำตอบของพ่อก็คือ"แค่นี้เราก็มีกำไรแล้ว"
ในวัยเด็ก มุมหนึ่งเขาก็ภูมิใจในตัวพ่อ
อีกมุมหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าพ่อไม่ฉลาด
ถ้าทำกำไรได้มากขึ้น เขาก็จะสบายมากกว่านี้
"ทองมา"ไม่รู้เลยว่ากรอบความคิดของพ่อแอบมาอาศัยอยู่ในสายเลือดของเขาตั้งแต่เมื่อไร
จนวันหนึ่งเมื่อเขาตัดสินใจทำทาวน์เฮ้าส์ขายในราคา 350,000 บาท
มีลูกค้ารายหนึ่งเดินมาหาเขาที่สำนักงานขายแล้วพูดด้วยเสียงชื่นชมว่ามันต้องมีผู้ประกอบการแบบนี้บ้าง
เป็น"คำชม"ที่มีค่ากับ"ทองมา"มาก
คนรายได้น้อยจำนวนมากที่อยากมีบ้านของตัวเอง แต่ไม่เคยมีผู้ประกอบการรายไหนที่ใจถึงขนาดนี้
วันหนึ่งหลังจากธุรกิจเติบโต ทาวน์เฮ้าส์ของค่ายอื่นขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ แต่"บ้านพฤกษาไก็ยังยืนราคาเดิม คือ ประมาณ 600,000 บาท
ลูกน้องถาม"ทองมา"ว่าทำไมเราไม่ขึ้นราคา เพราะถึงจะขยับราคาขึ้นก็ยังต่ำกว่าคู่แข่ง
คำตอบของทองมาเป็นคำตอบที่เขาคุ้นๆเมื่อวัยเด็ก
"แค่นี้ เราก็มีกำไรไม่ใช่หรือ"
อ้อ ผมลืมเล่าไปนิดหนึ่งว่าตอนที่คนซื้อบ้านโครงการแรกเดินมาชม"ทองมา"ที่กล้าขายทาวน์เฮ้าส์ราคา 350,000 บาท
"ทองมา"บอกว่าเขาตั้งใจขายราคาต่ำจริง
แต่ที่กำหนดราคา 350,000 บาท
...เขาคำนวณต้นทุนผิดครับ
ปิดโครงการ "ทองมา"จึงได้กำไร"ชื่อเสียง"
แต่ในทางบัญชี ...เท่าทุนครับ
....................
ปีนี้"พฤกษา เรียลเอสเตต"เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทำยอดขายสูงที่สุดในเมืองไทย
3 ไตรมาส 16,403 ล้านบาท กำไร 2,429 ล้านบาท
แสดงว่าตอนนี้"ทองมา"คำนวณต้นทุนเก่งขึ้นแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292393791&grpid=01&catid=&subcatid=